เหมือนกับตอนรีวิวภาพยนตร์ The Killing of a Sacred Deer ที่ผมไม่เคยดูภาพยนตร์ของผู้กำกับ Yargos Lanthimos ก่อนหน้านี้ผมก็ยังไม่เคยรับชมภาพยนตร์ของผู้กำกับ Hirokazu Kore-eda เช่นกันครับ ดังนั้นผมเลยไม่อาจเปรียบเทียบงานปัจจุบันกับงานเก่าในอดีตของแกได้ถนัดถนี่นัก แต่มันก็ทำให้สามารถซึมซับรสภาพยนตร์เรื่องนี้ได้อย่างเต็มที่ และด้วยการนี้จึงคิดว่า “กับดักฆาตกรรมครั้งที่ 3” มันยังหมายถึงการเฉือนเนื้อเถือหนังผู้ชมให้ตายคาเก้าอี้ด้วยบทพูดและสถานการณ์ในเรื่องอย่างโหดเหี้ยมอีกด้วย
The Third Murder ว่าด้วยเรื่องราวของคน 3 คน คือ ทนายความ, ฆาตกร และบุตรสาวของผู้ถูกฆาตกรรม ซึ่งต้องมาพัวพันกันในคดีที่มองเผินๆ คล้ายจะไม่มีอะไร แต่พอยิ่งสืบลึกลงไปก็ยิ่งพบว่ามันมีบางอย่างไม่ชอบมาพากล ออกตัวไว้ก่อนว่าแม้หน้าหนังจะดูเหมือนว่าขายความเจ๋งในการไขคดี แต่อย่าลืมว่าตัวเอกเรื่องนี้คือทนายความหาใช่นักสืบแต่อย่างใด ดังนั้นแล้วการตามติดชีวิตทนายความคนหนึ่งซึ่งแม้จะออกหาข้อมูลนอกสถานที่อยู่บ้าง ทว่าแท้จริงงานของเขาคือเน้นการตีโจทย์รูปคดีในชั้นศาลเพื่อให้ผลออกมาตามที่ตัวเองต้องการ เมื่อเป็นแบบนั้นการไขคดีจึงไม่ได้หวือหวาอะไรนัก
ในทางกลับกันหนังเล่าเรื่องไปเรื่อยๆ พร้อมความเงียบของซาวด์ประกอบ มีเพลงขึ้นบ้างประปราย แต่ไม่มีการบิ้ลด์ให้สถานการณ์ในเรื่องแลดูตื่นเต้นขึ้นแต่อย่างใด คุณอาจจะรู้สึกว่าชีวิตการทำงานของทนายคนนี้ดูน่าเบื่อจัง มีแต่การพูดคุย คุย และ คุย แต่รับรองว่าหากดูจบแล้วเก็ต ก็จะเข้าใจมากขึ้นว่าทำไมตัวภาพยนตร์ถึงเลือกจะสื่อออกมาแบบนั้น คือมันทั้งวังเวง เงียบงัน และเอื่อยเฉื่อยชนิดที่ว่าบางคนสามารถหลับคาโรงภาพยนตร์กันได้ง่ายๆ เลยทีเดียว
ในจุดพีคของตัวภาพยนตร์มันไม่ได้เร้าให้อดรีนาลีนคุณฉีดพล่าน ไม่ได้มีฉากไล่ล่าไต่ตึกระทึกขวัญแต่อย่างใด ทว่าคุณจะพบว่าการสู้กันในชั้นศาลด้วยคำพูดและคำให้การก็ทำให้คุณขนลุกได้ เพราะมันเป็นการพุ่งเข้าปะทะหักด่านกันของอะไรหลายๆ อย่างโดยเฉพาะในส่วนของความเป็น Emotional ซึ่งแม้ไม่ได้แสดงให้เห็นชัดในทุกฝ่าย ทว่าก็แอบแฝงอย่างแยบคายและสัมผัสได้ แต่เอาจริงๆ ความพีคในพีคคือซีนสุดท้ายของภาพยนตร์ ที่ราวกับจะตบหน้าคนดูทุกคนไปพร้อมๆ กับตัวละครในเรื่อง จนคุณต้องอดอึ้งเสียไม่ได้ สมบูรณ์แบบทั้งสัญญะที่สื่อและรูปแบบการถ่ายทอดออกมาในแง่งานภาพ เป็นศิลปะแสนตราตรึง เจ็บปวดและงดงามในเวลาเดียวกัน
นี่คืออีกครั้งที่คงต้องบอกว่าภาพยนตร์ไม่เหมาะกับทุกคน ด้วยสไตล์การเล่าเรื่องอันชวนหาวขั้นสุด แต่ต้องเก็บรายละเอียดอย่างมาก ดังคำที่ผมโปรยไว้ข้างต้นว่า “ทุกสิ่งที่พูดล้วนมีผลกับรูปคดี” ซึ่งหากคุณเป็นประเภทชอบชมภาพยนตร์ชวนให้คิดเยอะๆ ล่ะก็ จะบอกว่า The Third Murder คือภาพยนตร์ที่ยิงประเด็นชวนตั้งคำถามได้หนักหน่วงสุดๆ เรื่องหนึ่งของปีครับ หนักจนจุกราวกับตัวเรากำลังโดนฆาตกรรมเสียเองกันเลยทีเดียว