Honkai: Star Rail เวอร์ชัน 3.0 “ลำนำสดุดีชัยแด่ยุคนิรมิตใหม่” เปิดตัวแล้ว!
ร่วมออกเดินทางเคียงไหล่ไปกับผู้สืบสายโลหิตทอง เอาชนะไททัน ช่วงชิงเชื้อไฟกลับคืนมา และกลายเป็นวีรชนผู้กอบกู้ Amphoreus
HoYoverse ผู้พัฒนาและให้บริการสื่อบันเทิงอินเตอร์แอ็กทีฟระดับโลก ได้ประกาศในวันนี้ว่า เวอร์ชันใหม่ล่าสุดของเกม “Honkai: Star Rail เวอร์ชัน 3.0 ลำนำสดุดีชัยแด่ยุคนิรมิตใหม่” จะเปิดให้เล่นอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 มกราคมนี้ ในอัปเดตครั้งนี้ โลกใหม่ที่ผู้เล่นรอคอยกันมานานอย่าง Amphoreus กำลังจะมาถึง และเปิดเนื้อเรื่องหลักของโลกใหม่อย่างเป็นทางการ
ภารกิจบุกเบิกของ Amphoreus จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ซึ่งจะมีการอัปเดตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เวอร์ชัน 3.0 – 3.7 รวมทั้งหมด 8 เวอร์ชัน ซึ่งถือว่าเป็นเนื้อเรื่องที่ใหญ่ที่สุดในปัจจุบันของ “Honkai: Star Rail” การอัปเดตในครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะมาพร้อมกับเนื้อเรื่องของโลกใหม่เท่านั้น ยังมีการเพิ่มแผนที่ใหม่มากมาย และโหมดเกมที่หลากหลาย ที่รอให้ผู้เล่นมุ่งหน้าเข้ามาสำรวจ เตรียมตัวให้พร้อม ร่วมกับคู่หูตัวละครใหม่ที่ร่วมทีมได้อย่าง Aglaea, ท่าน Herta และผู้บุกเบิกความทรงจำที่ปลดล็อก Path ใหม่ และก้าวสู่ “เส้นทางวีรชน” ไปด้วยกัน!
“Honkai: Star Rail” OP: Nameless Faces
หลังจากอำลาดาวแห่งการเฉลิมฉลอง Penacony แล้ว Astral Express ก็ได้รับคำแนะนำจาก Black Swan ให้มุ่งหน้าไปยัง Amphoreus ทั้งเพื่อเติมเชื้อเพลิงในการ “บุกเบิก” และเพื่อเปิดผ้าคลุมของวัตถุเทห์ฟ้าลึกลับนี้ด้วย จากการสังเกตจากภายนอก Amphoreus ดูเหมือนกับวังวนแห่งความโกลาหล เป็นสิ่งที่ไม่รู้จักและไม่สามารถสังเกตเห็นได้ โดยที่ผู้คนใน Amphoreus เองก็ไม่รู้จักโลกภายนอกเช่นกัน
กล่าวอีกนัยหนึ่งพวกเขาไม่เข้าใจแนวคิดของ “เทพดารา” แต่กลับเชื่อในเทพเจ้าที่ถูกเรียกว่า “ไททัน” มีตำนานเล่าว่า “ไททัน” ทั้งสิบสองได้สร้าง Amphoreus ขึ้นมา: สามตนเบิกฟ้าดิน สามตนถักทอชะตา สามตนปั้นชีวา สามตนนำพากลียุค ใน Amphoreus เทพเจ้าและปาฏิหาริย์เป็นสิ่งที่มองเห็นได้จริง ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน แต่ประวัติศาสตร์ของดินแดนนี้กลับเต็มไปด้วยภัยพิบัติ ในอดีตอันไกลโพ้น การมาถึงของไททันทั้งสาม “ปฏิปักษ์” “ความตาย” และ “เพทุบาย” ทำให้เกิดสงครามภายในของเทพเจ้า ต่อมา พลังที่ไม่สามารถอธิบายได้ที่เรียกว่า “คลื่นทมิฬ” ก็ได้กวาดล้างโลกใบนี้ ไม่มีใครรู้แหล่งที่มาของมัน แต่ทุกชีวิตที่ได้รับผลกระทบจากมันจะสูญเสียสติ แม้แต่ไททันที่มีพลังมากมายก็ยังไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ตลอดหลายร้อยปี Amphoreus ค่อยๆ ถูก “คลื่นทมิฬ” คุกคามจนเต็มไปด้วยการต่อสู้ของเทพเจ้า โลกตกอยู่ในราตรีนิรันดร์ และในที่หลบภัยแห่งสุดท้ายของมนุษย์… เมืองศักดิ์สิทธิ์ Okhema ที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของ Kephale “ไททันแบกโลกา” ก็ได้กลายเป็นสิ่งที่ขวางกั้นสุดท้ายในการต่อสู้กับ “คลื่นทมิฬ”
และ Astral Express ในฐานะตัวแปรจากนอกฟากฟ้า การมาถึงของทีมขบวนรถไฟจะมีอิทธิพลต่อชะตากรรมของ Amphoreus อย่างมีนัยสำคัญ หลังเข้าไปใน Amphoreus แล้ว ผู้บุกเบิกและ Dan Heng จะลงจอดไปยังพื้นที่ที่มีชื่อว่า “ห้วงลึกแห่งชะตา” ในตำนาน ไททันสามตนแห่ง “กาลเวลา” “ประตู” และ “กฎเกณฑ์” เคยได้ถักทอเวลา มิติและกฎเกณฑ์ของ Amphoreus อยู่ที่นี่ เพื่อกำหนดชะตากรรมของทุกสรรพสิ่งบนโลก แต่ในตอนนี้ ดินแดนแห่งนี้ได้จมดิ่งลงสู่ราตรีนิรันดร์ อาคารขนาดยักษ์ที่เหลือเพียงความรกร้างและความว่างเปล่า เมื่อเนื้อเรื่องดำเนินไป ผู้บุกเบิกจะกลับไปที่ “ห้วงลึกแห่งชะตา” ข้ามผ่านท่านหมอก และมุ่งลึกเข้าไปในวิหาร และสุดท้ายก็จะได้พบกับ “ไททันแห่งกาลเวลา” Oronyx ด้วยเหตุนี้ผู้บุกเบิกจึงเริ่มต้น Path “ความทรงจำ” และได้รับความสามารถที่จะ “ดึงพลังจากอดีต”
ในขณะเดียวกัน ผู้บุกเบิกจะได้พบกับคู่หูคนใหม่ ที่มีต้นกำเนิดเป็นปริศนาและส่งเสียงแค่ “Mem” เท่านั้น ซึ่งมีชื่อชั่วคราวว่า “Mem” นอกจากรูปลักษณ์ภายนอกที่น่ารักแล้ว “Mem” ยังมีบทบาทสำคัญในการต่อสู้อีกด้วย ในระหว่างการต่อสู้ ผู้บุกเบิกสามารถอัญเชิญ “Mem” ออกมา มันจะค่อยๆ สะสมพลังงาน และเมื่อชาร์จพลังงานสำเร็จ “Mem” ก็จะมอบการ “สนับสนุน” ให้ฝ่ายเรา โดยทำให้ตัวละครที่กำหนดแอ็กชันทันที พร้อมทั้งสร้าง DMG จริงเพิ่มเติม เพื่อช่วยในการต่อสู้ เชื่อว่าผู้บุกเบิกจะสามารถอยู่เคียงข้างกับ “Mem” เอาชนะความยากลำบากต่างๆ และก้าวข้ามอุปสรรคในระหว่างการเดินทางของ Amphoreus ไปได้
เมื่อเดินเลียบไปตามทางเดินเล็กๆ ที่ทอดยาวไปตามขอบหน้าผาลึก ผู้เล่นจะมาถึง “เมืองศักดิ์สิทธิ์” Okhema ซึ่งตั้งอยู่บนภูเขา เมืองนี้อาบไล้แสงสว่างแห่งรุ่งอรุณนิรันดร์ที่ได้รับการปกป้องจาก “ไททันแบกโลกา” และจะกลายเป็นฐานที่สำคัญสำหรับการเดินทาง “บุกเบิก” ใน Amphoreus หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นของเมืองคือ “วังศิลาเมฆา” ที่เป็นโรงอาบน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งไม่เพียงเป็นพื้นที่ให้บริการอาบน้ำเท่านั้น แต่ยังเป็นศูนย์กลางของทั้งเมือง และเป็นสถานที่สาธารณะที่ใช้ในการพบปะสังสรรค์และติดต่อสื่อสารของชาวเมืองอีกด้วย ในยุคแห่งราตรีนิรันดร์ที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย Okhema ในฐานะที่เป็นแผ่นดินเดียวที่ได้รับการคุ้มครองจาก “ไททันแบกโลกา” จึงกลายเป็นความหวังสุดท้ายและที่หลบภัยของมวลมนุษย์ ในท้องถิ่นมีตำนานจินตนิยมที่เล่าขานกันว่า Kephale จะลืมตาขึ้น และนำพาผู้คนต่อสู้กับคลื่นทมิฬ เพื่อสร้างโลกใหม่ขึ้นมา และจากใต้เมืองศักดิ์สิทธิ์นี้เอง กลุ่มวีรชนมนุษย์ที่ถูกเรียกขานว่า “ผู้สืบสายโลหิตทอง” จะออกเดินทางไล่ล่าเปลวไฟ ไปแย่งชิงเชื้อไฟของไททันทั้งสิบสองตน เพื่อฟื้นฟู Amphoreus ให้กลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง ในเรื่องราวในอนาคต ผู้บุกเบิกจะร่วมเดินทางไปกับผู้สืบสายโลหิตทอง เคียงบ่าเคียงไหล่กันในการต่อสู้ และร่วมเดินทางไปตามเส้นทางแห่งตำนานสายนี้
ไม่เพียงเท่านั้น ผู้บุกเบิกยังมีโอกาสได้สำรวจเมืองปราการ Kremnos อันเป็นเอกลักษณ์อีกด้วย เมืองนี้ตั้งชื่อตาม “คมดาบแห่งทัณฑ์นภา” ที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า และเป็นที่พำนักของ “ไททันแห่งปฏิปักษ์” และเชื้อไฟที่เจ็ดเองก็หลับใหลอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน ในช่วงหลังของภารกิจบุกเบิก ผู้บุกเบิกจะได้ใช้ “Oronyx” เพื่อกลับไปยังอดีต และสัมผัสกับ “ยุคทอง” ของเมืองปราการ Kremnos และค้นพบกลไกที่ “ไททันแห่งเพทุบาย” Zagreus ทิ้งเอาไว้อย่าง “หัตถ์ Zagreus” อุปกรณ์นี้สามารถใช้ยกสิ่งของที่หนัก คว้าจับสิ่งของ ทุบเปิดเส้นทาง ยิ่งไปกว่านั้นในบางสถานการณ์ยังสามารถเอาชนะศัตรูได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย เพื่อช่วยให้สนับสนุนในการสำรวจ ในช่วงเวลานี้ ผู้เล่นและผู้สืบสายโลหิตทองจะได้ก้าวเข้าสู่เมืองปราการ Kremnos ข้ามผ่านปราการที่ถูกทิ้งร้าง เพื่อไปต่อสู้กับบริวารไททันสูญเสียการควบคุม และในท้ายที่สุดก็จะได้เผชิญหน้ากับไททันผู้ตกต่ำ เพื่อแย่งชิงเชื้อไฟแห่ง “ปฏิปักษ์” กลับคืนมา
ฉากสุดท้ายของเวอร์ชัน 3.0 คือจุดเริ่มต้นของโลก Amphoreus – “วังวนนิรมิต” ที่นี่คือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ขนาดใหญ่ที่เป็นที่พักพิงของอัตลักษณ์เทพดั้งเดิมของไททันทั้งสิบสองตน และยังเป็นสถานที่ที่ปาฏิหาริย์แห่งเนรมิตโลกาของคำพยากรณ์ศักดิ์สิทธิ์ได้เกิดขึ้นอีกด้วย ทุกครั้งที่ผู้สืบสายโลหิตทองเอาชนะไททันได้หนึ่งตน และนำเอาเชื้อไฟของเขากลับมา พวกเขาจะนำเชื้อไฟเหล่านั้นมาคืนที่นี่ ในท้องฟ้าที่ว่างเปล่า ทุกกลุ่มดาวที่ถูกจุดขึ้นล้วนเป็นสัญลักษณ์ของการเดินทางของบรรพบุรุษ การเดินทางไล่ล่าเปลวไฟที่แสนยาวนานในการตามหาเชื้อไฟนั้น ได้ก้าวเดินมาถึงครึ่งทางในช่วงเวลาหลายพันปี และเส้นทางที่เหลืออยู่ยังคงต้องการความร่วมมือจากผู้บุกเบิกและผู้สืบสายโลหิตทอง เพื่อทำมันให้สำเร็จ
เวอร์ชัน 3.0 จะมีตัวละคร 5 ดาวสุดแกร่งตัวใหม่สองตัวมาเข้าร่วมทีมของผู้บุกเบิก ตัวละครแรกก็คือท่าน Herta ผู้เป็น Emanator ของ “ปัญญา” และสมาชิกลำดับที่ 83 แห่งสมาคมอัจฉริยะ ตั้งแต่ Herta ปรากฏตัวขึ้นด้วยรูปลักษณ์ของหุ่นเชิดอันเป็นเอกลักษณ์ และการกระทำต่างๆ ในสถานีอวกาศของ Herta ได้สร้างความประทับใจที่ตราตรึงเอาไว้ ว่ากันว่า ร่างจริงของเธอซ่อนตัวอยู่ที่ชายขอบของกาแล็กซีมาโดยตลอด และออกมาปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนน้อยมาก จนกระทั่งถึงวันนี้ในที่สุดก็ออกมาปรากฏตัวสักที ท่าน Herta เป็นตัวละครประเภทน้ำแข็ง Path ปัญญา ที่เชี่ยวชาญในด้านการทำ DMG ต่อเป้าหมายแบบกลุ่ม ในการต่อสู้ เธอสามารถเพิ่มสถานะ “ตีความ” ที่สามารถซ้อนทับได้ให้กับศัตรู การโจมตีของตัวละครตัวอื่นของฝ่ายเราเองก็จะซ้อนทับ “ตีความ” ไปอีกขั้นหนึ่งด้วย เมื่อจำนวนชั้นของ “ตีความ” เพิ่มขึ้น สกิลของท่าน Herta สามารถสร้าง DMG ได้รุนแรงยิ่งขึ้น ให้กับเป้าหมายและศัตรูแบบกลุ่ม ตามจำนวนชั้นของ “ตีความ” นอกจากนั้น ท่าไม้ตายของท่าน Herta จะถ่ายโอน “ตีความ” ชั้นที่สูงกว่าไปยังศัตรูระดับสูงและระดับสูงกว่า แล้วสร้าง DMG น้ำแข็งแก่ฝ่ายศัตรูทั้งหมด
ตัวละครที่สองที่เปิดตัวคือ Aglaea จาก Amphoreus เธอได้แบกรับอำนาจศักดิ์สิทธิ์ของ “จินตนิยม” เอาไว้ และเป็นหนึ่งในผู้สืบสายโลหิตทองคนแรกๆ ที่ก้าวสู่เส้นทางไล่ล่าเปลวไฟ ในฐานะช่างอาภรณ์ของ Okhema นอกจาก Aglaea จะเป็นผู้กล้าในตำนานของ Amphoreus แล้ว หลังจากที่การเดินทางไล่ล่าเปลวไฟได้หยุดชะงักไป เธอก็ยังเป็นคนสำคัญในการรวบรวมผู้สืบสายโลหิตทองรุ่นใหม่ เพื่อออกเดินทางกอบกู้โลกอีกด้วย ในฐานะตัวละคร Path ความทรงจำ 5 ดาวลิมิเต็ดตัวแรก เมื่ออยู่ในการต่อสู้ Aglaea สามารถอัญเชิญ “ภูตความทรงจำ” หุ่นตัดชุด ออกมาร่วมสู้กับเธอได้ แสดงออกถึงสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ราวกับการเต้นรำคู่กัน นอกจากนี้ ภายใต้การประสานงานที่ไร้ที่ติของพวกเธอ Aglaea และหุ่นตัดชุดจะสามารถโจมตีศัตรูพร้อมกันได้ กลไกโจมตีร่วมแบบใหม่นี้ ไม่เพียงแต่เพิ่มความเร็วให้กับหุ่นตัดชุดเท่านั้น แต่ยังเพิ่มมิติใหม่ให้กับจังหวะและการเปลี่ยนแปลงของการต่อสู้ เพื่อแสดงให้เห็นถึงจังหวะที่ละเอียดอ่อนและงดงามของการเต้นรำคู่
นอกเหนือจากนี้ ในครึ่งแรกของเวอร์ชัน 3.0 ยังจะมีการเปิดกิจกรรมวาร์ปพิเศษอีกด้วย ตัวละคร 5 ดาวลิมิเต็ด “Lingsha”, “Feixiao” และ “Jade” จะรีรันพร้อมกัน และในครึ่งหลัง ตัวละคร 5 ดาวลิมิเต็ด “Boothill”, “Robin” และ “Silver Wolf” ก็จะกลับมารีรันด้วยเช่นกัน ตัวละครที่ทรงพลังเหล่านี้จะคอยสนับสนุนและร่วมมือเคียงข้างไปกับผู้บุกเบิก เพื่อต้อนรับการเริ่มเดินทางไปสู่ Amphoreus ด้วยกัน
นอกจากนั้น March 7th ก็กำลังจะได้รับชุดอนุรักษ์ 1 ชุด ซึ่งสามารถรับได้โดยการล็อกอินในระหว่างเวอร์ชัน 3.0 และปลดล็อกฟังก์ชัน “ตัวละคร”
“Honkai: Star Rail” รองรับแพลตฟอร์ม PC, iOS, Android, Epic Games Store และ PS5™ และมีการดาวน์โหลดจากทุกแพลตฟอร์มรวมกันมากกว่า 150 ล้านครั้ง ซึ่งในปี 2023 ที่ผ่านมา ผลงานนี้ได้รับรางวัล App Store iPhone Game of the Year, Google Play Best Game รวมถึง The Game Awards BEST MOBILE GAME และในปลายปี 2024 ยังได้รับรางวัลเกมที่มีการดำเนินการต่อเนื่องยอดเยี่ยม (มือถือ) จากงาน Golden Joystick Awards รวมถึง PlayStation Partner Awards จาก Sony PlayStation และรางวัลอื่นๆ แล้วยังถูกจัดเรตให้เป็นเกมสำหรับวัยรุ่นหรือ T (Teen) ใน ESRB และสำหรับอายุ 12 ปีบน PEGI
หากต้องการทราบรายละเอียด และข้อมูลการอัปเดตเพิ่มเติม โปรดเยี่ยมชมได้ที่ https://hoyo.link/18zDCBAd หรือติดตาม @HonkaiStarRail บน Twitter (หรือ X), Instagram และ Facebook ในที่สุด ในขณะที่เวอร์ชัน 3.0 กำลังใกล้เข้ามา กิจกรรมบนเว็บไซต์ “วีรชนรวมพล! ลำนำสดุดีชัยแด่ยุคนิรมิตใหม่” เปิดแล้ว ลงทะเบียนเข้าร่วมขบวนเหล่าวีรชนทันที เพื่อรับข่าวสารล่าสุดของเวอร์ชัน 3.0 และการเข้าร่วมกิจกรรมยังจะมีโอกาสได้รับของรางวัลมากมาย รวมถึงบัตรกำนัลเสบียงรถไฟ และรางวัลในเกมอื่นๆ ดูรายละเอียดได้ที่: https://hoyo.link/7phOTdaxJ
ติดตามข่าวเกมมือถือ ได้ที่ Online Station