รีวิว Diablo Immortal (Technical Alpha) อนาคตของแอ็กชั่น RPG บนมือถือ

แพลตฟอร์ม: Android, iOS
แนวเกม:
แอ็กชั่น RPG
ผู้พัฒนา:
Blizzard, NetEase

หลังจากที่ทีมงาน Online Station ได้รับเชิญจากทาง Blizzard ให้เข้าร่วมทดสอบเกม Diablo Immortal ช่วง Technical Alpha ตั้งแต่เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน เราได้ทราบถึงระบบต่าง ๆ รวมถึงรูปแบบการเล่นโดยรวมของเกม ตลอดจนวิสัยทัศน์ของ Blizzard สำหรับอนาคตของเกมมือถือเกมนี้ ซึ่งเมื่อตัวเกมเปิดให้บริการเต็มรูปแบบ มันอาจแตกต่างจากปัจจุบันไปอีกมากก็ได้ แต่อย่างน้อยหากมองในมุมของโครงสร้างเกมในช่วง Technical Alpha นี้ ก็ต้องนับว่า Diablo Immortal เดินมาได้ถูกทางแล้ว

ตอนนี้ยังไม่รองรับคอนโทรลเลอร์แต่ทีมงานกำลังพิจารณา

เนื้อเรื่องของ Diablo Immortal จะอยู่ในช่วงรอยต่อระหว่าง Diablo II: Lord of Destruction และ Diablo III ที่เหล่าปีศาจพยายามจะครอบครองชิ้นส่วนของ Worldstone ที่กระจัดกระจายไปทั่วโลกเพื่อให้ได้มาซึ่งพลังอำนาจที่ชั่วร้าย หน้าที่ของผู้เล่นในฐานะนักผจญภัยก็คือเดินทางไปตามดินแดนต่างๆ ทั่วโลกแห่ง Sanctuary เพื่อรวบรวมชิ้นส่วนของ Worldstone ไม่ให้ตกไปอยู่ในมือของมนุษย์ผู้มีเจตนาร้ายและเหล่าปีศาจที่ถูกนำโดย Skarn ผู้ซึ่งเป็นเหมือนกับสมุนคนสำคัญของ Diablo

ช่วยกันเล่นกับเพื่อนได้สูงสุดสี่คน

เมื่อมองเผินๆ Diablo Immortal ดูจะมีความคล้ายคลึงกับ Diablo III ค่อนข้างมากในด้านของภาพลักษณ์ ตั้งแต่บรรยากาศ กราฟิก เสียงประกอบ และคลาสต่าง ๆ ที่มีให้เลือกเล่น แต่หากได้ลองเล่นจริง ๆ แล้ว เราจะพบว่าตัวเกมนำระบบต่าง ๆ มาพัฒนาต่อยอดได้อย่างน่าสนใจ และเข้าถึงได้ง่ายกว่า Diablo III พอสมควร เริ่มตั้งแต่จังหวะในการดำเนินเกมที่สอดแทรกการสอนระบบการเล่นให้เข้ากับเกมเพลย์ได้อย่างเข้าใจง่าย และมีพื้นที่ให้ผู้เล่นได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง ไม่ได้จูงมือผู้เล่นในทุกๆ ขั้นตอนช่วงต้นเหมือนอย่างที่เกมมือถือทั่วไปนิยมทำกัน ทำให้การเรียนรู้ระบบต่างๆ ของเกมเป็นไปได้อย่างไม่น่าเบื่อ

ระบบรอยเท้านำทางช่วยอำนวยความสะดวกได้ดี

แต่ก็ใช่ว่าตัวเกมจะไม่มีจุดให้หยุดชะงัก เพราะหลังจากที่เราได้เรียนรู้ระบบโดยรวมและเล่นเกมอย่างต่อเนื่องมาได้สักพักใหญ่ หนึ่งในเงื่อนไขของการดำเนินเนื้อเรื่องที่จะเพิ่มขึ้นมาจาก “เดินทางไปยังสถานที่นี้” หรือ “กำจัดศัตรูเหล่านั้น” ก็คือ “เก็บเลเวลให้ถึง XX” ซึ่งเงื่อนไขอย่างหลังนี้จะทำให้เราต้องไปจับจุดอยู่กับกิจกรรมรูปแบบต่างๆ ที่เกมพยายามนำเสนออย่างดันเจียนหรืออีเวนต์พิเศษที่ถูกแทรกอยู่บนแผนที่เปิด ซึ่งนอกจากกิจกรรมเหล่านี้จะให้ของรางวัลเป็นเงิน อุปกรณ์สวมใส่ หรือวัตถุดิบต่างๆ แล้ว มันยังมีแต้มสะสมสำหรับเก็บเลเวล Battle Pass ที่เป็นหนึ่งในช่องทางการหารายได้ของเกมด้วย แต่ถึงกระนั้น กิจกรรมเหล่านี้ก็ใช้เวลาไม่มากในการเคลียร์ และที่สำคัญ มันทั้งสนุกและให้รางวัลที่ควรค่าแก่การลงแรงลงเวลา แต่สำหรับใครที่ต้องการเล่นเกมนี้เพื่อเนื้อเรื่องเพียงอย่างเดียว คุณอาจมองว่ากิจกรรมที่จูงใจให้เราต้องเล่นซ้ำๆ เหล่านี้อาจเป็นข้อเสียที่มาขัดขวางจังหวะในการดำเนินเกมของคุณก็ได้

ล่องแก่งไปตีมอนสเตอร์ไปก็บันเทิงไปอีกแบบ

เนื่องด้วยเราจะไม่สามารถเปลี่ยน Rune เพื่อปรับสกิลให้ตรงกับสายการเล่นที่เราต้องการได้เหมือนอย่างใน Diablo III แต่สิ่งที่จะเป็นตัวปรับเปลี่ยนสกิลใน Diablo Immortal ได้ก็คือสถานะพิเศษที่จะสุ่มติดมากับอุปกรณ์สวมใส่บางชิ้นเท่านั้น ทำให้สายการเล่นของเราคล้ายกับถูกบังคับให้ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์สวมใส่ที่เราเก็บได้มากกว่าที่จะเลือกเองได้อย่างอิสระเหมือน Diablo III แต่เมื่อดูจากระบบการอัปเกรดอุปกรณ์สวมใส่ทีละขั้นที่เราสามารถอัปเกรดได้สูงสุดถึงขั้น 20 โดยที่สามารถย้ายขั้นและค่าสถานะที่เราอัปเกรดจากอุปกรณ์ชิ้นหนึ่งไปยังอีกชิ้นหนึ่งได้ตลอดเวลา ก็นับว่าเป็นแนวทางในการเล่นที่ทดแทนข้อด้อยเรื่องความอิสระได้พอสมควร และเนื่องด้วยในช่วง Technical Alpha เลเวลของตัวละครจะถูกจำกัดอยู่แค่ 45 จากเวอร์ชั่นเต็มที่ถูกกำหนดเอาไว้ที่ 60 เราจึงต้องรอดูกันอีกครั้งก่อนที่จะสามารถตัดสินได้ว่านี่คือแนวทางที่เหมาะสมกับตัวเกมมากกว่าเดิมหรือไม่

ระบบอัปเกรดข้ามอุปกรณ์ทำให้ไม่ต้องเสียดายวัตถุดิบมากนัก

Paragon คืออีกระบบที่ Diablo Immortal ทำออกมาได้ดีกว่า Diablo III สำหรับใครที่อาจไม่คุ้นเคยกับระบบดังกล่าว มันก็คือระบบเลเวลที่เราจะเริ่มเก็บได้หลังจากที่เลเวลหลักของตัวละครเราเต็ม 60 แล้ว (ใน Technical Alpha คือ 45) แต่ความพิเศษของเลเวล Paragon ในเกมนี้ก็คือ มันจะถูกแบบออกเป็นหลายๆ สายให้เราได้เลือก สายละ 100 เลเวล อย่างเช่นสาย Vanquisher ก็จะมีสกิลติดตัวด้านการบุกให้เลือกอัปตามแนวการเล่นที่เราต้องการ หรือสาย Survivor ก็จะเน้นไปที่ความอึดของตัวละคร เป็นต้น ทำให้แม้ว่าสกิลกดใช้ของเกมนี้จะไม่สามารถพลิกแพลงได้ตามใจนึก แต่สกิลติดตัวของเลเวล Paragon ก็นับว่าเป็นองค์ประกอบทดแทนในด้านความอิสระให้ผู้เล่นได้มากทีเดียวเมื่อเทียบกับต้นแบบใน Diablo III

บางดันเจี้ยนก็มีปริศนาเล็กๆ ให้แก้ด้วย

แม้ว่าจะเป็นเกม Free-to-play แต่ทาง Blizzard ก็ย้ำกับเรามาหลายต่อหลายครั้งว่า ช่องทางในการจ่ายเงินรูปแบบต่างๆ ของเกมจะไม่ทำให้มันตกไปอยู่ในเกมหมวด Pay-to-win หรือจ่ายเงินเพื่อซื้อความเก่งกาจเหนือผู้เล่นคนอื่นแน่นอน และแม้ว่าในช่วง Technical Alpha นี้ตัวเกมจะยังไม่เปิดระบบให้ใช้เงินจริงก็ตาม แต่เราก็เห็นองค์ประกอบต่างๆ ที่แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของทางผู้พัฒนาอย่างที่พวกเขาได้กล่าวไว้พอสมควร นั่นก็คืออุปกรณ์สวมใส่ต่างๆ จะไม่มีการซื้อขายด้วยเงินจริง ผู้เล่นต้องล่ามอนสเตอร์เพื่ออาวุธและชุดเกราะต่างๆ ด้วยตัวเองเท่านั้น ในขณะที่สิ่งที่ผู้เล่นจะสามารถใช้เงินจริงซื้อได้จะเป็นพวกวัตถุดิบที่จะร่นระยะเวลาในการเล่นอย่าง Legendary Gem ที่ช่วยเสริมสถานะบางอย่างให้กับอุปกรณ์สวมใส่ของผู้เล่น, Reforge Stone ที่ใช้เปลี่ยนค่าสถานะของอุปกรณ์สวมใส่, หรือ Legendary Crest ที่ไว้ใช้เพิ่มรางวัลตามเงื่อนไขความท้าทายของดันเจี้ยน Challenge Rift, ตลอดจนของตกแต่งต่าง ๆ เป็นต้น กล่าวคือการใช้เงินจริงใน Diablo Immortal จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อเวลาจริง ๆ แต่สิ่งที่เราอยากจะย้ำตรงนี้ก็คือ นี่คือสิ่งที่เราเห็นจากช่วง Technical Alpha เท่านั้น

Battle Pass ของ Technical Alpha ยังใช้เงินจริงไม่ได้

นอกจากของรางวัลเล็กน้อยจากการล็อกอินรายวันแล้ว Diablo Immortal ยังมีกิจกรรมรายวันอีกอย่างก็คือ Bounty ที่พัฒนาขึ้นจาก Diablo III ค่อนข้างมาก หากจะกล่าวให้เข้าใจง่ายๆ Bounty ในเกมนี้ก็คือภารกิจพิเศษที่ทำได้จำกัดวันละ 12 ภารกิจ ด้วยรางวัลที่สูงทั้งค่า EXP, เงิน, และอุปกรณ์สวมใส่ ตลอดจนเงื่อนไขที่ไม่ซับซ้อนและระยะเวลาในการเคลียร์ก็ไม่นาน ทำให้ Bounty เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่มีค่าและเหมาะกับการอยู่ในเกมมือถือมากๆ ไปโดยปริยาย ส่วนผู้เล่นฮาร์ดคอร์ที่อยากใช้เวลาอยู่กับเกมนานๆ ก็ยังมีกิจกรรมอื่นๆ ให้ทำอีกมากอย่างการลงดันเจี้ยน Elder Rift และ Challenge Rift ที่แม้จะใช้เวลาในการเคลียร์ไม่นาน แต่มันก็ทำได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง

ของรางวัลเกลื่อนพื้นจากการเคลียร์ Bounty

อีกสิ่งหนึ่งที่ Diablo Immortal ทำออกมาได้อย่างมีคุณภาพมากๆ ก็คือเรื่องของการนำเสนอทั้งภาพลักษณ์และเสียงประกอบ ดังที่ได้กล่าวไปในข้างต้นว่าตัวเกมมีความคล้ายกับ Diablo III อยู่มาก แม้ความละเอียดจะเทียบเท่า Diablo III บนจอโทรทัศน์หรือจอมอนิเตอร์ไม่ได้ แต่เมื่อมาอยู่บนจอมือถือที่มีขนาดเล็กกว่ามาก มันกลับถูกถ่ายทอดออกมาได้อย่างเนียนตามากทีเดียว อย่างไรก็ตาม จากการทดสอบบน Samsung Galaxy Note 10+ เราไม่พบบั๊กใด ๆ ที่ส่งผลต่อการเล่นเลย นอกจากการโหลดวัตถุไม่ทันหลังวาร์ปมายังอีกสถานที่ในบางครั้งเท่านั้น หรือที่จะทำให้มีปัญหาอยู่บ้างก็คือเรื่องของการเชื่อมต่อในช่วง Technical Alpha ที่เซิร์ฟเวอร์ของตัวเกมอยู่ไกลถึงอเมริกา ทำให้การเล่นของทีมงานเราในประเทศไทยไม่เคยได้เห็นปิงอยู่ตำกว่า 200 เลย แต่ถึงกระนั้นมันก็ไม่ได้ส่งผลให้เกมแล็กหรือเสียจังหวะจนเล่นไม่ได้แต่อย่างใด

ทหารองครักษ์บอกว่าเราเคลียร์เควสต์หลักของ Technical Alpha หมดแล้ว

สุดท้ายนี้ก็ต้องย้ำกันอีกครั้งว่านี่คือความเห็นและคำวิจารณ์ของเราต่อเกมในช่วง Technical Alpha เท่านั้น ยังมีอีกหลายอย่างที่ตัวเกมยังไม่เปิดให้เข้าถึงในตอนนี้ ไม่ว่าจะทั้งในส่วนของเนื้อเรื่องหรือเกมเพลย์ (เช่นระบบ PVP ที่ทีมงานยืนยันว่ามีแน่นอน) แต่อย่างน้อยเราก็สามารถบอกได้ว่า หาก Blizzard และ NetEase ร่วมกันพัฒนาจากพื้นฐานของตัวเกมในตอนนี้ให้มีความสมบูรณ์ได้ Diablo Immortal จะเป็นตัวสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับเกมแอ็กชั่น RPG บนมือถือได้อย่างแน่นอน

รีวิวโดย อาร์ม @Pirawits

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้