หลายคนที่กำลังติดตาม Esports Tournaments และอาจจะกำลังสงสัยว่า กฏ กติกา และรูปแบบการแข่ง esports มันมีอะไรบ้าง แต่ละอย่างคืออะไร BO3 คืออะไร อะไรคือการแข่งแบบ Double Elimination บทความนี้ จะมาไขทุกคำถาม ตอบทุกความสงสัย เพื่อเพิ่มอรรถรสให้กับการดูการแข่งขัน esports
Esports รูปแบบการแข่ง กฏ และกติกา
ประเภทของการแข่ง Esports
ในหลาย ๆ เกม ที่นำมาแข่งขัน esports มักจะพบว่า ทีมหนึ่งอาจเก่งกว่ามากในแผนที่หนึ่ง และอีกทีมหนึ่งอาจเก่งกว่ามากในอีกแผนที่หนึ่ง ส่วนใหญ่มักจะพบได้กับเกมแนว FPS ด้วยเหตุผลเหล่านี้ การแข่งขัน esports มักจะเล่นเป็นชุด ๆ เพื่อตัดสินผู้ชนะ โดยแบ่งเป็นประเภทได้ดังนี้
- Best of 1 (BO1): เกมที่จะหาผู้ชนะในแผนที่เดียว รอบแบ่งกลุ่มเท่านั้น หายากมากที่จะใช้ในรอบน็อกเอาต์
- Best of 2 (BO2): เกมที่มี 2 แผนที่ หรือถ้ามองในมุมกีฬา ก็จะเป้นลักษณะ เหย้า-เยือน และมักจะมีการเก็บคะแนน เพราะมีความเป็นไปได้ที่เสมอกัน 1-1
- Best of 3 (BO3): ชนะ 2 ใน 3 มักเห็นประเภทการแข่งแบบนี้ใน esports หลาย ๆ ทัวร์นาเมนต์ ไม่ว่าจะเป็นรอบน็อกเอาต์ หรือรอบแบ่งกลุ่มก็ตาม โดยการแข่งประเภทนี้จะใช้ระยะเวลาที่เริ่มนานขึ้นกว่า BO1 และ BO2
- Best of 5 (BO5): ชนะ 3 ใน 5 ถือว่าเป็นประเภทการแข่งจับคู่ที่ยาวนานมาก มักจะเห็นได้เฉพาะในรอบน็อกเอาต์ของทัวร์นาเมนต์ และบางครั้งในรอบชิงชนะเลิศ โดยทั่วไปจะใช้เวลาประมาณสองถึงห้าชั่วโมงเลยทีเดียว (ขึ้นอยู่กับเกม)
- Best of 7 (BO7): ชนะ 5 ใน 7 ก็จะเหมือน ๆ กับ BO3 และ BO5 แต่ไม่ค่อบพบเห็นเท่าไหร่ เพราะใช้เวลานานมาก ๆ กว่าจะจบการแข่งขัน (Rocket League, Rainbow Six)
รูปแบบของการแข่ง Esports
ในการจัดแข่งขัน esports เรามักจะพบเจอ รูปแบบการแข่งที่แตกต่างกัน แต่ส่วนใหญ่แล้วจะจัดใน 4 รูปแบบ ดังนี้
Single Elimination (SE)
Single Elimination หรือที่เราเรียกกันสั้น ๆ ง่าย ๆ ว่า “แพ้คัดออก” รูปแบบการแข่งจะเป็นการแข่งแบบเส้นตรง ซึ่งทีมที่ชนะจากการแข่งขันแต่ละนัด จะเข้าไปพบกับทีมที่ชนะเช่นเดียวกัน โดยทีมที่แพ้ในการแข่งขันใด ๆ จะถูกคัดออกทันที
Double Elimination (DE)
“Two linear brackets” “Upper Lower” หรือบางคนก็มักใช้คำว่า “แพ้สองครั้งคัดออก” “คัดออกสองครั้ง” แล้วแต่คนจะเรียก แต่ทั้งหมดที่กล่าวมันก็คือรูปแบบการแข่ง Double Elimination ที่ทุกทีมจะเริ่มต้นในสายแรก (Upper Brackets) แต่เมื่อทีมใดแพ้ ก็จะย้ายไปยังสายที่สอง (Lower Brackets) และเมื่อทีมที่แพ้ในรอบที่สอง (แพ้สองครั้ง) จะถูกคัดออก และรอบชิงชนะเลิศจะแข่งขันกันโดยแชมป์จากทั้งสองสาย
Round Robin (RR)
Round Robin หรือตัวย่อคือ RR หนึ่งในรูปแบบการแข่งขันที่มักจะเกิดขึ้นหรือพบบ่อยในรอบตัดเชือก และค่อยตามมาด้วยประเภททัวร์นาเมนต์ด้านบน (DE หรือ SE) โครงสร้างแบบ round-robin จะกำหนดให้ทีมหรือผู้เข้าแข่งขันทุกคนต้องแข่งขันกับผู้แข่งขันรายอื่นทั้งหมดในกลุ่ม โดยผู้ชนะในรูปแบบนี้จะถูกเลือกโดยนับจากชัยชนะที่ได้มากที่สุด ด้วยเหตุนี้ RR จึงถูกใช้อย่างกว้างขวาง
Swiss Format
Swiss Format การแข่งแบบนี้จะไม่ค่อยได้พบเห็นมากซักเท่าไหร่ โดยการแข่งแบบนี้จะเป็นการเผชิญหน้ากันกับทีมอื่นที่ชนะและแพ้เหมือนกัน (ผู้ชนะ-ผู้ชนะ / ผู้แพ้-ผู้แพ้) ในรอบที่ผ่านมา เมื่อทีมใดทีมหนึ่งมีชัยชนะและแพ้ที่แตกต่างจากทีมอื่นมาก ๆ จะด้วยวิธีนับคะแนนหรือผลแพ้ชนะ ผู้แพ้ก็จะถูกคัดออก (Eliminated) จนเหลือผู้ชนะตามต้องการ การแข่งรูปแบบนี้จะทำให้ทีมหรือผู้เล่นได้พบเจอกันมากขึ้น
โดยการแข่งรูปแบบนี้ มักจะพบเห็นได้บ่อยกับการแข่งกีฬาหมากรุก บอร์ดเกม หรือการแข่งการ์ดเกม เช่น Hearthstone เป็นต้น
การแข่งขันรอบแบ่งกลุ่ม (Group Stages)
การแข่งขันรอบแบ่งกลุ่ม หรือ Tournament Group Stages ใน esports มักจะนำมาเป็นรอบแรกของการแข่งขันทัวร์นาเมนต์ esport ขนาดใหญ่ โดยแต่ละทีมจะพบกับทีมอื่น ๆ ในกลุ่มของตน ทีมที่ชนะเลิศและรองชนะเลิศของแต่ละกลุ่มจะได้ผ่านเข้าสู่รอบต่อไป (บางรายการอาจจะเอาทีมอันดับ 3 เข้ารอบด้วย) ซึ่งรูปแบบการแข่งก็จะใช้ 4 รูปแบบที่กล่าวมาข้างต้น รูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ส่วนประเภทการแข่งก็มักจะใช้ BO3 ในการแข่งขัน
การแข่งขันรอบรองชนะเลิศ (Playoff Bracket)
การแปข่งขันรอบรองชนะเลิศ หรือ Playoff Bracket ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการแข่งขันช่วงสุดท้ายของทัวร์นาเมนต์เพื่อหาผู้ชนะ ด้วยจำนวนทีมที่น้อยลง การเลือกรูปแบบการแข่งก็จะมักเช่นแค่ Single Elimination (SE) หรือ Double Elimination (DE) แต่ในการแข่งขัน esports ที่มักพบเจอ จะเป็นรูปแบบ Double Elimination (DE) ที่ใช้ประเภทการแข่งแบบ BO3 เช่นตัวอย่างการแข่งของ Valorant Champions 2023 เป็นต้น
Leagues กับ Tournament ต่างกันอย่างไร ?
League (ลึก) และ Tournament (ทัวร์นาเมนต์) เป็นรูปแบบการแข่งขันที่พบได้ทั่วไปในกีฬาและอีสปอร์ต (esports) โดยทั้งสองรูปแบบมีจุดมุ่งหมายเหมือนกันคือเพื่อหาผู้ชนะ แต่ทั้ง 2 อย่างก็จะมีความแตกต่างกันอยู่ ดังนี้
- League (ลึก) : เป็นการแข่งขันที่ต่อเนื่องตลอดทั้งฤดูกาล โดยทีมหรือผู้เล่นจะแข่งขันกันหลายนัดเพื่อสะสมคะแนน ทีมหรือผู้เล่นที่มีคะแนนมากที่สุดในตอนท้ายของฤดูกาลจะเป็นผู้ชนะ
- Tournament (ทัวร์นาเมนต์) : เป็นการแข่งขันที่สั้นกว่าลีก โดยทีมหรือผู้เล่นจะแข่งขันกันเพียงไม่กี่นัดเพื่อหาผู้ชนะ ทัวร์นาเมนต์จัดว่าเป็นรูปแบบการแข่งขันที่ได้รับความนิยมใน esports ด้วยระยะเวลาที่จำกัด
และทั้งหมดนี้คือ กฏ กติกา รูปแบบและประเภทการแข่ง Esports ที่มักพบเจอ โดยทีมงานจะมาอัปเดตเพิ่มเติมให้ ถ้ามีรูปแบบใหม่ ๆ เข้ามาอีก ส่วนจุดไหนถ้าผิดพลาดหรืออธิบายแล้วทำให้งง ทางผู้เขียนก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี่ด้วย
ขอบคุณรูปภาพและข้อมูลจาก https://luckbox.com/
OSNumberSix
ติดตามข่าวเกมอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่ Online Station