Online Station พาลุย Ghibli Museum, Mitaka ก่อนพบที่ไทยกรกฎาคมนี้

Ghibli เป็น 2 คำอันเปี่ยมมนต์ขลังที่ไม่ว่าคุณจะเป็นคอการ์ตูนคออนิเมชั่นญี่ปุ่นหรือไม่ก็น่าจะต้องรู้จักกับกับมันไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณมีช่วงเวลาที่ได้คลุกคลีกับคัลเจอร์ญี่ปุ่นอยู่บ้าง ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่รู้จักกับค่ายทำอนิเมชันชื่อก้องโลกรายนี้

กับ Studio Ghibli ที่มีผลงานยอดฮิตมากมาย สร้างปรากฎการณ์ทั้งในแง่ของเนื้องานภาพยนตร์หรือคาแรคเตอร์น่ารักๆ ที่กลายเป็นไอคอนของตัวภาพยนตร์แต่ละเรื่องไปโดยปริยาย หลายสิ่งหลายอย่างรวมถึงประวัติงานอันยอดเยี่ยมที่ผ่านมานักต่อนัก ทำให้ผู้คนต่างชื่นชอบ หลงไหล และปวารณาตัวเป็นแฟนคลับของ Ghibli กันทั่วโลก

และการที่ทาง Studio Ghibli เตรียมจะมาจัดงาน “THE WORLD OF STUDIO GHIBLI’S ANIMATION EXHIBITION BANGKOK 2023” ในวันที่ 1 กรกฎาคม – 30 กันยายนนี้ ณ เซ็นทรัลเวิลด์ ไลฟ์ ชั้น 8 เซ็นทรัลเวิลด์ ก็ทำเอาหลายๆ คนอดที่จะตื่นเต้นไปด้วยไม่ได้ แถมบัตร Early Bird ก็ขายดีจัดจนเหลือไม่มากแล้ว สะท้อนถึงความเครซี่ของแฟนๆ ได้เป็นอย่างดี

แต่ก่อนที่จะไปถึงวันงานจริง ทาง Live Nation Tero ผู้ที่นำงานนี้มาจัดที่ไทยก็ได้พา Online Station ของเรารวมถึงสื่อมวลชนอื่นๆ บินลัดฟ้าไปเยี่ยมเยือนยังบ้านของ Ghibli ถึงประเทศญี่ปุ่น ณ Ghibli Museum, Mitaka ครับ ตื่นเต้นสุดๆ ไปเลย และตลอดทริปสามวันก็มีเรื่องน่าประทับใจเต็มไปหมด ตามมาครับจะเล่าให้ฟัง

พวกเราเดินทางกันในช่วงดึกของวันที่ 24 เมษายน ด้วยเที่ยวบินของ TG มุ่งตรงสู่สนามบินนาริตะ ก่อนออกเดินทาง ทีมงานของ Live Nation Tero ก็เตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกให้เราเสร็จสรรพ ไม่ว่าจะเอกสารสำหรับยื่น ต.ม. อแดปเตอร์ปลั๊กไฟ หรือแม้กระทั่งซิมโทรศัพท์สำหรับใช้อินเตอร์เน็ตที่นู่นทางทีมงานก็จัดการให้หมด

สำหรับตัวผมเองต้องบอกว่าเป็นการเดินทางไปทำงานต่างประเทศที่สะดวกสบายที่สุดครั้งหนึ่งเลยทีเดียว

เรามาถึงญี่ปุ่นกันในช่วงเช้าของวันที่ 25 เมษายน สำหรับวันแรกจะยังไม่มีงานนัก แต่จะเป็นการเลี้ยงรับรองและทำความรู้จักกันของผู้ร่วมทริปรวมนี้กันเสียมากกว่า เมื่อทุกคน ผ่านต.ม. เรียบร้อย ทีมงานก็ได้เตรียมรถบัสและไกด์นำทัวร์ไว้ให้เสร็จสรรพ แต่ด้วยความเพลียจากการเดินทาง พอรถบัสล้อหมุนได้ไม่เท่าไหร่ แทบทั้งรถก็เข้าสู่ภวังค์ทันที

ในภาพรวมของวันแรกไม่มีอะไรมากนอกจาก เดินทาง – กิน – ช็อป – เดินทาง – กิน – กลับที่พัก เท่านี้ก็เกือบจะหมดวันแล้ว หลังเข้าที่พักจะมีเวลาว่างเล็กน้อย ทางผมและเทพตี๊มือมารจึงนั่งรถไฟไปเดินเล่นชิบูยาพลางหาของฝากให้แฟนแล้วจึงกลับมานอนเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับงานจริงวันพรุ่งนี้ต่อไป

วันที่ 2 จัดว่าตึงกันแต่เช้าด้วยสภาพอากาศสุดพิเศษมาต้อนรับวันสุดพิเศษ จากพยากรณ์อากาศญี่ปุ่นช่วงสัปดาห์ที่เราไปมีฝนตกอยู่วันเดียว ซึ่งก็คือวันที่เรามีงานต้องทำนี่แหละ สุดยอดจริงๆ แต่ถึงสภาพอากาศจะไม่เป็นใจแต่ไลฟ์ต้องโกส์ออนครับ ลุยงานกันต่อ

เรามาถึง Ghibli Museum กันในช่วงเช้าค่อนไปทางสายหน่อยๆ ฝนที่ตกไม่หยุดแม้ไม่หนักมาก แต่ก็เป็นอุปสรรคพอสมควรในการที่สื่อฯ แต่ละเจ้าจะขนอุปกรณ์ไปยังที่หมาย อย่างไรก็ตามผมไม่เคยมาที่นี่ และซีนแรกที่เห็นก็ต้องบอกว่าน่าสนใจไม่น้อย เหมือนกำลังจะหลุดมาอีกโลก เสียดายจริงๆ ที่ฝนตก ทำให้ไม่สามารถเก็บภาพด้านหน้ามาได้ ทว่าไม่นานเราก็ต้องเข้าไปบรีฟกันต่อด้านในแล้ว

ผลสรุปคือเราต้องแยกกันไปทำคอนเทนต์เป็นกลุ่ม โดยในกลุ่มหนึ่งก็จะมี คนนำทัวร์ + ทีมงาน Live Nation Tero + สื่อฯ แยกย้ายกันไปตามโซนต่างๆ ภายในตัว Museum

ซึ่งด้านในก็จะแบ่งห้องจัดแสดงโซนต่างๆ ไว้อย่างชัดเจน แต่ละโซนก็จะมีคอนเซปต์ของมันที่ถูกออกแบบไว้ก่อนแล้ว ไม่ว่าจะโซนเติมเต็มจินตนาการเด็ก โซนเบื้องหลังการทำงานของทาง Studio Ghibli โซนเบื้องหลังการสร้างตัวอนิเมชั่น หรือกระทั่งจุดฉายภาพยนตร์ Seasonal ซึ่งจะมีการปรับเปลี่ยนอยู่ตลอด โดยจะเป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นขนาดสั้น ฟอร์มไม่ใหญ่นัก แต่เน้นขายไอเดียให้สมกับความเป็น Ghibli

แน่นอนว่าในแต่ละโซนนอกจากเรื่องราวในตัวเองที่เปี่ยมมนต์ขลังแล้ว รูปแบบการจัดแสดงก็ยังชวนว้าวเอามากๆ มีกิมมิคต่างๆ เพียบ ทำให้เห็นเลยว่ากว่างานจะออกมาแต่ละเรื่องนั้นไม่ใช่อะไรที่ง่ายเลย

โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยียังจำกัดจำเขี่ยอยู่มาก ทว่างานจำนวนไม่น้อยของ Ghibli กลับเป็นตำนานที่ไม่มีวันตายได้ Museum แห่งนี้อัดแน่นไปด้วยเรื่องราวเหล่านั้น

ผมเองอาจจะไม่สามารถบรรยายความประทับใจได้หมด เพราะขนาดไม่ได้เป็นแฟนคลับอะไรยังรู้สึกทึ่งกับในหลายๆ มิติ เพราะงั้นใครที่เป็นแฟน Ghibli ถ้ามีโอกาสก็อยากให้ลองไปสัมผัสบรรยากาศออริจินัลที่ไม่มีใครเหมือนกันครับ

แต่หากยังหาเวลาปลีกตัวไปญี่ปุ่นไม่ได้ ก็ไม่ต้องเสียใจไปเพราะทาง Ghibli และ LIve Nation Tero จะยกเอานิทรรศการบางส่วนมาจัดแสดงกันอย่างยิ่งใหญ่ถึงประเทศไทยในงาน “THE WORLD OF STUDIO GHIBLI’S ANIMATION EXHIBITION BANGKOK 2023” ในวันที่ 1 กรกฎาคม – 30 กันยายนนี้ ณ เซ็นทรัลเวิลด์ ไลฟ์ ชั้น 8 เซ็นทรัลเวิลด์ครับ

ภายในงานเตรียมพบกับนิทรรศการจากภาพยนตร์เรื่องดังในตำนานของ Ghibli พร้อมบรรยากาศน่าหลงไหลอันเต็มเปี่ยมไปด้วยมนต์ขลังและจินตนาการสุดเฉพาะตัว นอกจากนี้ยังมีสินค้าเอกคลูซีฟไม่มีขายที่ไหน มาจำหน่ายถึงไทยภายในงานนี้อีกด้วย ถ้าคุณเป็นแฟน Ghibli การพลาดงานนี้ผมบอกเลยว่าเป็นบาปแน่นอน

มีเรื่องน่าสนใจคือในช่วงเช้าคือเมื่อใกล้เวลาที่ทาง Museum จะเปิด จุดนี้จะมีประเพณีประจำวันคือผู้ดูแล Museum จะต้องมาสั่นกระดิ่งเป็นสัญญาณว่า Museum ได้เปิดเรียบร้อย ระหว่างนั้นก็เห็นแถวรอเข้า Museum ที่นอกจากจะยาวแล้วยังมีผู้คนจากหลากเชื้อชาติและหลายวัยทยอยกันค่อยๆ เดินเข้ามาครับ สะท้อนถึงความนิยมของ Ghibli ที่เข้าถึงผู้คนทุกเพศทุกวัยจริงๆ

Ghibli

แต่งานเราก็ยังไม่จบ หลังจัดการกับข้าวเที่ยงซึ่งทีม Live Nation Tero เลี้ยงดีเหมือนเดิม เรากลับมาอีกครั้งในช่วงบ่ายที่ฝนลงเม็ดหนักกว่าเก่า กับการสัมภาษณ์คุณ Shinsuke Nonaka รองประธานฝ่ายธุรกิจและกฎหมายของ Studio Ghibli ในเรื่องราวต่างๆ ของ Ghibli Museum รวมไปถึงงานใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในประเทศไทย

ก่อนอื่นเราขอให้คุณ Shinsuke Nonaka เล่าเรื่อง Studio Ghibli แบบพอสังเขป ที่กลายเป็นว่าแกไม่ได้เล่าสั้นๆ เท่าไหร่ แบบว่ายาวกว่าที่คิดพอสมควรเลย แต่ก็เข้าใจได้ไม่ยาก เพราะแกเล่าด้วยความรู้สึกที่อยากเล่าและพราวด์กับมันจริงๆ

“Studio Ghibli เป็นสตูดิโออนิเมชั่นที่ก่อร่วมกันก่อตั้งโดยคุณ Hayao Miyazaki และ Isao Takahata ด้วยความรู้สึกที่อยากจะสร้างงานอนิเมชั่นที่ยังไม่เคยมีในตลาดมาก่อน แม้จะไม่มีอะไรที่มารับประกันถึงความสำเร็จ

แต่ทั้งคู่ก็ทำงานที่ตัวเองอยากทำมาเรื่อยๆ ด้วยแพสชั่นที่เต็มเปี่ยม กระทั่งในปี 2003 ภาพยนต์อนิเมะ Spirited Away ก็ได้รับรางวัล Academy Awards (ออสการ์) ส่งผลให้ชื่อเสียงของสตูดิโอโด่งดังขึ้นอย่างมากและกลายเป็นสตูดิโอขวัญใจของผู้คนทั่วโลก

ทั้งนี้วิชั่นในการสร้างงานของ Studio Ghibli ก็ไม่มีอะไรมาก เพราะเราแค่อยากจะสร้างงานที่ดีออกมาก็เท่านั้น ด้วยแพสชั่นและความตั้งใจที่เปี่ยมล้นในการทำผลงานที่เราอยากจะทำจริงๆ ให้ผู้คนได้รับชมกันครับ”

แน่นอนว่า Studio Ghibli มีงานขึ้นหิ้งมากมายซึ่งสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ในการสร้างงานของสตูดิโอนี้ได้เป็นอย่างดี แต่อะไรล่ะที่เป็นที่สุดในสายตาคุณ Shinsuke Nonaka? เราจึงขอให้แกลองแนะนำผลงาน 5 เรื่องในความคิดแกออกมาครับ

“ผมชอบหลายๆ งานของ Studio Ghibli เพราะงั้นถ้าให้เลือกก็คงเป็นอะไรที่ยากมากๆ ดังนั้นผมขอเลือกผลงาน 5 ชิ้นสำหรับคนที่ไม่ใช่แฟน Ghibli ก็สามารถดูได้ และหวังว่าพวกเขาจะอยากทำความรู้จักกับเรามากขึ้น

ก็จะมี My nieghbor Totoro, Spirited Away, Castle in the sky, Pom Poko และ Kiki’s Delivery Service ครับ

โดยทั้ง 5 เรื่องนี้ถือเป็นผลงานที่นำเสนอตัวตนของ Studio Ghibli ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ทั้ง 5 เรื่องก็จะถูกนำไปจัดแสดง exhibition ที่ประเทศไทยด้วย ดังนั้นถ้าหากได้ดูหรือทบทวนทั้ง 5 เรื่องก่อนมางาน ก็จะช่วยให้อินกับมันได้มากขึ้นเยอะเลยครับ”

พูดถึงตัวงานที่กรุงเทพฯ เราคงสามารถคาดหวัง exhibition สุดประทับใจได้อยู่แล้ว แต่เราก็อยากรู้ว่าอะไรคือไฮไลต์ที่เด็ดจริงๆ หรือจะมีสินค้าลิมิเต็ดอะไรสำหรับสายกระชิ้งบ้างครับ

“ไฮไลต์เป็นสิ่งที่เลือกยากมากเลยครับ เพราะผลงาน 10 ชิ้นจาก 20 กว่าชิ้นที่เรานำไปแสดงนั้นก็เป็นการคัดแบบเข้มข้นเพื่อความเหมาะสมกับรูปแบบงานของทางเราอยู่แล้ว

อาจจะไม่สามารถชี้เจาะจงได้จริงๆ แต่อยากจะรับประกันเลยว่าผลงานทั้ง 10 ชิ้นที่นำไปจัดแสดงที่ประเทศไทยนั้นจะให้ประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมและเต็มอิ่มกับผู้เข้ามาเยี่ยมชมแน่นอน

ส่วนสิค้าลิมิเต็ด เราขออุบเป็นความลับไว้ก่อนครับ ถ้าอยากรู้ว่ามีอะไรบัางที่สามารถหาซื้อได้เฉพาะภายในงาน exhibition ที่ประเทศไทย ก็อยากให้ไปลองเห็นเองกันที่งานครับ”

ด้วยความที่เป็นสัมภาษณ์ที่เราต้องแบ่งเค้กเรื่องเวลากันกับเพื่อนๆ สื่อฯ อื่น อาจจะน่าเสียดายไปบ้างที่เราไม่ได้ยิงคำถามลึกกว่านี้หรือมากกว่านี้ แต่ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ นอกจากนี้คุณ Shinsuke Nonaka ยังตอบคำถามสิ่งที่เราอย่างรู้ได้ค่อนข้างครบถ้วนอยู่แล้ว ดังนั้นเราจึงให้แกฝากคำทักทายทิ้งท้ายถึงแฟนๆ ช่วไทยได้โดยที่ไม่ได้คาใจอะไรมากนัก

“ถึงแฟนๆ ชาวไทยนะครับ ขอขอบคุณมากๆ ที่ให้การสนับสนุนพวกเรา พวกคุณคือหนึ่งในแรงผลักดันที่ทำให้พวกเราสามารถสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ ออกมาได้อย่างสม่ำเสมอ ทุกๆ ผลงานอาจไม่สามารถเกิดขึ้นหากไร้การสนับสนุนจากทุกๆ คน ขอขอบคุณมากๆ จริงๆ ครับ

และในส่วนของงาน exhibition ที่เมืองไทยก็อยากจะเชิญชวนแฟนๆ ให้ลองมาสัมผัสประสบการณ์ความสนุกในแบบฉบับของ Ghibli กันเยอะๆ เพราะงานแบบนี้คงไม่ได้มีบ่อยๆ รับรองว่ามันจะมอบความสุขแลความทรงจำที่ลืมไม่ลงให้แฟนๆ ทุกๆ คนได้อย่างแน่นอน ขอฝากด้วยครับ”

หลังเวลาสัมภาษณ์ของเราได้จบลง เราก็นั่งดูเพื่อนๆ สื่อฯ ไทยทำหน้าที่อย่างแข็งขันกันต่อ ก่อนจะเสร็จสิ้นกระบวนการงานที่ญี่ปุ่นค่อยกลับไปต่อกระบวนการหลังจากนี้ที่ประเทศไทย

พวกเราร่ำลาทีมงาน Studio Ghibli ที่เป็นกันเองมากๆ จนแทบจะไม่รู้สึกถึงความเกร็งอะไร ก่อนจะหอบข้าวหอบของฝ่าฝนกลับไปขึ้นรถบัสเพื่อเข้าสู่าช่วงฟรีไทม์ของวัน

เรายังมีเวลาเหลือเล็กน้อยก่อนถึงช่วงอาหารเย็น ผมและคิงตี๊มือมารก็ปฏิบัติการล่ากาชากันที่อากิฮาบาระ คงไม่ต้องบอกว่าผลลัพท์ออกมาล่มจมขนาดไหน ก่อนนั่งรถไฟกลับมาซัดเนื้อย่างมื้อเย็นร้านดังปลอบใจให้อิ่มหมีพีมันกันถ้วนหน้า

วันสุดท้ายเรามีโอกาสได้แวบไปยังวัด Asakusa เพื่อไหว้พระขอพร กินอาหารมือเที่ยงก่อนจะนั่งรถบัสมายังสนามบินและกลับถึงไทยโดยสวัสดีภาพในที่สุด

งานนี้ยังไงก็ต้องขอขอบคุณทาง Live Nation Tero ที่เชิญเราไปสัมผัสกับประสบการณ์ที่ลืมไม่ลงครั้งนี้ ต้องบอกว่าทีมงานดูแลดีมากๆ ครับ ดีระดับนึกเป็นบุญคุณได้เลย กินดีอยู่ดีแบบสุลต่านชัดๆ

รวมไปถึงทีมงานของ Ghibli Museum ที่ช่วยอำนวยความสะดวกและให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากๆ เช่นกัน ย้ำอีกครั้งว่าแฟนๆ Ghibli ยังไงก็อยากให้ลองมาสักครั้งในชีวิตครับ

ไม่เช่นนั้นก็ลองมาอุ่นเครื่องบิวต์ตัวเองกันได้ก่อนที่งาน “THE WORLD OF STUDIO GHIBLI’S ANIMATION EXHIBITION BANGKOK 2023” วันที่ 1 กรกฎาคม – 30 กันยายนนี้ ณ เซ็นทรัลเวิลด์ ไลฟ์ ชั้น 8 เซ็นทรัลเวิลด์ ครับ งานใหญ่ๆ แบบนี้ไม่ได้มีกันบ่อยๆ นอกจากนิทรรศการหาดูยากแล้วก็ยังมีสินค้าที่ไม่มีจำหน่ายที่ไหนอีกต่างหาก ยืนยันว่าคุ้มยิ่งกว่าคุ้มแน่นอนครับ

ซื้อบัตรเข้าชมงาน “THE WORLD OF STUDIO GHIBLI’S ANIMATION EXHIBITION BANGKOK 2023” ได้ที่

สำรองบัตรเข้าชม Ghibli Museum ที่ญี่ปุ่นได้ทาง LAWSON TICKET

ข้อมูลเพิ่มเติมของเว็บไซต์ Studio Ghibli Museum

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้