ดูเหมือนผลงานการ์ตูนของอาจารย์ Fujiko F. Fujio จะได้ถูกบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์อีกครั้ง เมื่อมีนักโบราณคดีจีนคนหนึ่งได้ค้นพบ ซากฟอสซิล ที่มีรอยเท้าไดโนเสาร์พันธุ์กินเนื้อประทับอยู่ในมณฑลเสฉวน ประเทศจีน และตั้งชื่อเจ้าของรอยเท้านี้ว่า “ยูบร็องเตส โนบิไต” ซึ่งชื่อที่หลายคนอาจจะคุ้นๆกันอยู่นี่ มาจากชื่อของ “โนบิ โนบิตะ” เด็กชายผู้ไม่เอาไหนจากการ์ตูน Doraemon นั่นเอง !
รองศาสตราจารย์ฉิน ลี่ต่า แห่งมหาวิทยาลัยธรณีวิทยาศาสตร์ของจีน เป็นผู้พบซากฟอสซิลไดโนเสาร์ใหม่นี้ เขาเป็นแฟนตัวยงของโดราเอมอนตั้งแต่เด็กๆ ช่วงเวลาที่เขาได้ค้นพบซากฟอสซิลนี้ เป็นช่วงเดียวกับที่ภาพยนตร์อนิเมะตอนใหม่ “โดราเอมอน ตอนไดโนเสาร์ของโนบิตะ 2020” ออกฉายพอดี จากฉากที่โนบิตะได้ตั้งชื่อไดโนเสาร์พันธุ์ใหม่ของตน เขาจึงอยากทำให้ความฝันของโนบิตะเป็นจริง โดยตัว “I” ของ NOBITAI ได้รับการนำไปใส่ท้ายชื่อ โนบิตะ ตามหลักไวยากรณ์ภาษาละติน เพื่อระบุชื่อของบุคคลนั่นเอง
ยูบร็องเตส เดิมทีเป็นชื่อทางวิทยาศาสตร์ของไดโนเสาร์พันธุ์กินเนื้อเจ้าของรอยเท้าในซากฟอสซิล ที่อยู่ในยุคจูราสสิก ค้นพบครั้งแรกในรัฐคอนทิเนตทิคัต สหรัฐอเมริกา ด้วยรอยเท้าที่กว้างประมาณ 30 เซนติเมตร ได้รับการนับเข้าไปตั้งแต่มีรายงานครั้งแรกบนชายฝั่งตะวันออกในศตวรรษที่ 19 จนถึงตอนนี้ก็นับได้หลายสิบชนิดแล้ว ส่วนเจ้า “โนบิไต” เป็นไดโนเสาร์พันธุ์กินเนื้อที่มีส่วนสูงประมาณ 4 เมตร โดยสันนิษฐานกันว่ารอยเท้าของมันน่าจะถูกทิ้งไว้ในยุคครีเทเซียสตอนต้น เมื่อประมาณ 125 ล้านปีก่อน
รองผู้อำนวยการ มานาเบะ แห่งพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ประเทศญี่ปุ่นได้ให้ความคิดเห็นกับการค้นพบครั้งนี้ว่า ในสมัยเมโซโซอิก พื้นที่ในญี่ปุ่นก็เป็นส่วนหนึ่งของทวีปเอเซียเช่นกัน เพราะฉะนั้น เจ้าโนบิไต ก็อาจจะเคยมีชีวิตอยู่ในประเทศญี่ปุ่นด้วย โนบิตะคงจะดีใจที่เห็นว่า เราได้ค้นพบรอยเท้าไดโนเสาร์กินเนื้อ และตัวท่านรองผอ.เองก็จะดีใจมาก ถ้ามีนักวิจัยคนอื่นๆลุกขึ้นมาค้นหาซากฟอสซิลและรอยเท้า เพื่อพัฒนาวงการวิทยาศาสตร์ให้ดียิ่งๆขึ้นไป หลังจากที่ได้จินตนาการรูปร่างของเจ้าโนบิไตไป
โดยซากฟอสซิ่ลนี้จะถูกนำขึ้นโชว์ใน พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติและวิทยาศาสตร์แห่งชาติในกรุงโตเกียว ตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ และในอนาคตจะได้รับการนำขึ้นโชว์ใน พิพิธภัณฑ์ Fujiko F Fujio จังหวัดคานางาวะด้วย นอกจากนั้น ที่ เว็บไซต์หลักของโดราเอมอน ได้มีการเปิดให้อ่านการ์ตูนตอนพิเศษจากเล่มที่ 44 เพื่อเป็นที่ระลึกสำหรับการค้นพบรอยเท้าไดโนเสาร์ใหม่ด้วย โดยเปิดให้อ่านจนถึงวันที่ 14 กรกฎาคมนี้ เท่านั้น