Highlight
– ไม่ได้ตั้งใจจะเป็นคนเงียบ
– มีความเกรียนในตัวสูง
– สื่อสารสิ่งที่คิดอยู่ในหัวออกมาต่อหน้าไม่ได้
คนสุดท้ายของการสัมภาษณ์เมมเบอร์ FEVER ในเซ็ตนี้ (ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ได้ตั้งใจจัดมาเป็นคนสุดท้ายให้แกรนด์อะไร) ก็คือ ป๊อป FEVER เมมเบอร์ผู้ที่อาจกล่าวได้ว่ามียอดผู้ติดตามทางโซเชี่ยลสูงที่สุดในวงขณะนี้นั่นเอง และยังเป็นโอชิของผมในวง FEVER อีกต่างหาก ดังนั้นแล้วในความเป็นการเป็นงาน นี่คือคนที่ผมกดดันที่สุดในการสัมภาษณ์ และแม้ในตอนจบผมจะค่อนข้างพอใจกับผลลัพท์ แต่ลึกๆ ก็ยังคงคิดเสมอว่าอาจทำหน้าที่ในการสัมภาษณ์วันนั้นได้ไม่ดีพออยู่ตลอดเวลา และอันที่จริงหากมีโอกาสก็อยากจะแก้ตัวใหม่สักครั้ง
เพราะการขีดเส้นตัวเองเพื่อให้ทำงานกับโอชิได้อย่างสบายใจ อาจจะไม่ใช่เรื่องยากของใครหลายคน แต่ก็อยากจะบอกและยืนยันว่ามันก็ไม่ได้ง่ายดายนัก
ในแง่หนึ่งผมไม่ได้ตื่นเต้นนัก แต่คงไม่อาจเก็บซ่อนความกังวลและประหม่า เฉกเช่นเดียวกับผู้ให้สัมภาษณ์ตรงหน้าที่ก็แผ่ซ่านความรู้สึกข้างต้นออกมาไม่ต่างกัน และมันอาจเป็นคำตอบของคำถามที่ไม่แน่ว่าจะมีใครฉุกคิดและสงสัยว่าทำไมป๊อปจึงเป็นคนสุดท้ายที่ให้สัมภาษณ์กับเรา
ป๊อปจัดแจงตัวเองอยู่สักพัก ผมดูให้แน่ใจว่าน้องพอจะพร้อมแล้วจึงเอ่ยปากเพื่อเริ่มงานสุดท้ายของวัน
เงียบโดยไม่ได้ตั้งใจ
หากยังจำกันได้ป๊อปเป็น 1 ในเมมเบอร์ 6 คนของ FEVER ซึ่งเคยมาปรากฎตัวในรายการของ Online Station กับการโปรโมตซิงเกิลเดบิวต์อย่าง Start Again ซึ่งเจ้าตัวได้รับโอกาสให้เป็นเซนเตอร์ ด้วยศักดิ์ระดับนั้นกอปรกับช่วงเวลาดังกล่าวเรายังไม่รู้จักน้องมากนัก ทำให้เกิดการคาดหวังไปต่างๆ นานา ทว่าสิ่งที่ปรากฎออกมาตลอดรายการก็คือการที่ป๊อปเป็นคนพูดน้อยและเงียบจนแม้แต่เรายังอดประหลาดใจไม่ได้ และแอบเป็นห่วงเล็กน้อยว่าจะไหวรึเปล่า ‘นับตั้งแต่ที่มา Online Station คราวก่อน เราสื่อสารเก่งขึ้นรึยัง?’ ผมจึงถามคำถามแรกออกไปอย่างสนอกสนใจ
“ก็เก่งขึ้นบ้างค่ะ คิดว่าดีขึ้นเรื่อยๆ”
ป๊อปตอบกลับมาด้วยถ้อยแถลงที่ทั้งห้วนและน้ำเสียงก็ปิดซ่อนความกังวลไว้ไม่มิด แต่ผมไม่ได้แปลกใจอะไรนักจึงถามต่อ ‘เพราะว่าเมื่อก่อนเราเป็นคนเงียบๆ พูดไม่เก่งใช่รึเปล่า?’ ป๊อปได้ฟังก็พยักหน้า
“ใช่ค่ะ เมื่อก่อนแทบไม่พูดเลย จะมีเหมือนช่วงหนึ่งที่โรงเรียนพูดไม่เกิน 2 คำ คือเดี๋ยวนี้ก็ยังพูดน้อยอยู่แต่ก็เยอะขึ้นแล้วค่ะ”
อันที่จริง 2 คำถามข้างต้นนั้นผมยิงออกไปเพื่อจะดูปฏิกิริยามากกว่าว่าป๊อปจะเป็นอย่างไร จะตามทันไหม เพราะหากให้พูดจากประสบการณ์ส่วนตัวในการตามวง ก็เห็นค่อนข้างชัดเจนว่าน้องพัฒนาขึ้นมีพูดเล่นกับแฟนคลับบ้าง แม้จะยังติดประหม่าอยู่นิดๆ และมีความประมวลผลช้าในการจะรีแอคตัวเองต่อสิ่งเร้าต่างๆ รอบข้างอยู่หน่อยๆ กระนั้นเจ้าตัวก็ยังยืนยันว่าเวลาเจอมุขจากแฟนๆ และสแปมก็พอจะตามทันอยู่บ้าง
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้เจ้าตัวก็ขำออกมาเล็กๆ
ผมเพียงหวังว่านั่นจะพอช่วยให้เธอรู้สึกผ่อนคลายขึ้นได้บ้าง
ตัวฉันอีกคนที่ไม่ยอมออกมา
ตัวตนของป๊อปมีความโดดเด่นในโลกโซเชี่ยลไม่ใช่แค่เฉพาะภาพถ่ายหรือคลิปการแสดงที่ออกมา ทว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะคอนเทนต์บน SNS ของตัวน้องเอง ที่มีความเกรียนและกวนแฝงความทะเล้นจนเราสัมผัสได้ว่าเด็กคนนี้จริงๆ แล้วไม่ธรรมดา ตัวอย่างเช่นการเอาตัวเองไปนอนพาดกับรั้ว หรือสวมหัวตุ๊กตาชิบะพลางทำท่ากวนๆ เพื่อถ่ายรูปออกมา จนเราสงสัยเหลือเกินว่าทำไมตัวตนบนโลกจริงกับโลกโซเชี่ยลของเธอ เหตุใดจึงมีความคนละขั้วกันขนาดนี้
“จริงๆ มันก็คือตัวหนูอย่างหนึ่งค่ะ ส่วนใหญ่มันจะอยู่แต่ในหัวน่ะค่ะ พอเจอตัวจริงจะไม่ค่อยออกมา แต่ว่าพออยู่ในโซเชี่ยลสามารถเอามันออกมาได้ ก็เลยเป็นแบบนั้น เหมือนมันติดอยู่ เหมือนคิดอยู่ แต่ว่าพูดไม่ออก”
ไม่ว่าจะน้ำเสียง ท่าทาง หรือแม้แต่คำกล่าวอ้างต่างรู้สึกได้ถึงความอึดอัดและไม่พอใจในสิ่งที่ตัวเองเป็น เห็นดังนั้นผมจึงลุยต่อด้วยการถามว่าคิดเห็นอย่างไรกับคอมเมนต์ประมาณว่าถ้าป๊อปยังเงียบอยู่แบบนี้จะแย่แน่ๆ
“ก็พยายามอยู่ค่ะ รู้ว่ายังไงมันก็ต้องดีขึ้น เพราะก็พยายามอยู่ในทุกๆ ครั้ง แล้วก็รู้สึกจริงๆ ว่าดีขึ้นในทุกๆ ครั้งด้วยน่ะค่ะ อีกอย่างคือมีเพื่อนๆ ช่วยซัพพอร์ตอยู่ เลยคิดว่าโอเค”
ป๊อปพยายามตอบคำถามเท่าที่ขีดจำกัดตัวเองจะพอผลักดันรีดเร้นออกมา สายตาของเธอบ่งบอกว่าตัวเองก็พยายามสู้กับสิ่งที่เป็นดั่งจุดด้อยอย่างเต็มที่ เพียงแต่กำแพงที่ขวางกั้นมันอาจจะสูงชันจนยากจะปีนป่าย และป๊อปยังคงเพียรพยายามต่อไปโดยหวังว่าสักวันจะก้าวข้ามหรือทลายกำแพงตรงหน้าได้สำเร็จ เบ็ดเสร็จ และเด็ดขาด
สเตจคือเวทีแสดงตัวตน
เชื่อกันว่าบนโลกใบนี้ย่อมมีสถานที่สักแห่งให้เราทุกคนได้เจิดจรัส เช่นเดียวกันกับป๊อปที่หากวงสนทนาคือแดนดินอันมืดหม่นจนไม่สามารถดึงความเป็นตัวเองออกมาได้ พื้นที่บนเวทีก็เปรียบประหนึ่งเขตขัณฑ์สุขาวดีซึ่งขับเน้นให้เธอได้เฉิดฉายเปล่งประกายนั่นเอง
“เรื่องเพอร์ฟอร์แมนซ์ล่ะมั้งคะ?” เราถามถึงจุดเด่นที่ป๊อปคิดว่าตัวเองทำได้ดี “แล้วก็มีคนบอกว่าเป็นสายตาเวลาขึ้นเพอร์ฟอร์มฯ หนูก็เพิ่งสังเกตเหมือนกันในตอนที่เขาบอก คือเวลาขึ้นสเตจจะแสดงสีหน้าและอารมณ์ทางแววตาออกมาได้ดี เขาบอกแบบนั้นค่ะ แล้วก็น่าจะเป็นการเต้นค่ะ เวลาหนูเต้นจะรู้สึกมั่นใจกว่าปกติ มั่นใจกว่าเวลาพูด อะไรแบบนี้”
ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงรู้ตัวดีถึงจุดอ่อนข้อใหญ่ ที่ถึงแม้จะมีข้อดีขนาดไหนก็คงไม่อาจปิดกลบได้มิด เพราะเมื่อเราถามต่อถึงจุดที่อยากแก้ไขหรืออยากพัฒนาต่อไปในการเป็นไอดอล ป๊อปเลือกจะตอบทันทีว่า
“ก็ทุกๆ ด้านเลยค่ะ คือตอนนี้มันเหมือนเพิ่งเริ่มต้น ยังไม่ดีเท่าไหร่ค่ะ ต้องพัฒนา”
อาจเป็นคำตอบง่ายๆ ที่ช่วยให้หนีจากบทสนทนาหัวข้อนี้ไปโดยไว ก็คงเป็นไปได้ แต่ผมคิดว่าตัวป๊อปเองน่าจะรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ เพราะก็อย่างที่หลายๆ คนได้ชมน้องไว้ว่าสายตาของนางสามารถสื่ออารมณ์ออกมาได้ดี
และมันกำลังถ่ายทอดทั้งความจริงจังในคำพูดรวมถึงความไม่พอใจบางอย่างเข้าอัดตรึงผมอยู่เวลานี้
ฝันง่ายๆ แต่ท้าทายความเป็นป๊อป
แน่นอนว่าสำหรับป๊อปแล้วคำถาม 3 เพลงของ FEVER ชอบเพลงอะไรที่สุด คำตอบก็แทบจะล็อกไว้เลยว่าเป็น Start Again เหตุเพราะเธอถูกรับเลือกให้เป็นเซนเตอร์ และชอบในเนื้อหาที่ตรงกับทั้งตัวเองรวมถึงเมมเบอร์อีกหลายๆ คน แต่ขณะที่กำลังจะตบเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของการสัมภาษณ์ ตัวผมเองก็ดันนึกคำถามบางอย่างได้จึงลองแหย่ออกไปว่า ‘ได้แสดงให้พี่เฌอดูในงานประกาศรางวัลสมาคมผู้กำกับไทยรู้สึกอย่างไรบ้าง?’
ป๊อปฉีกยิ้มกว้าง พยักหน้าหงึกๆ รับรู้กันดีว่าเจ้าหล่อนเป็นปลื้มเฌอปรางมากขนาดไหน
“รู้สึกตื่นเต้นค่ะ” จากนั้นก็แสดงอาการเขินนิดๆ “ดีใจมากค่ะ”
แม้จะตอบกลับมาสั้นๆ แต่ภาษากายของเธอแสดงออกมาให้เราได้เห็นหมดถึงความปิติที่มี ทำเอานึกย้อนถึงวันงาน ที่ผมเองอยากให้ทุกคนได้เห็นอากัปกิริยาของน้องนางซึ่งมีความลุกลี้ลุกลนในระดับสูงเมื่อพบว่าตัวเธอเองนั่งโต๊ะห่างจากกัปตันวง BNK48 เพียงไม่กี่โต๊ะเท่านั้น
เป็นรีแอคชั่นที่ดูสนุกสมกับการคอยเฝ้ามองจริงๆ
ในส่วนของชีวิตนอกเหนือจากการเป็นไอดอลของปิอป เธอดูจะมีความสนใจในด้านศิลปะไม่น้อยและมักจะวาดรูปแกล้งเพื่อนร่วมวง หรือพูดถึงเรื่องราวเกี่ยวกับการเรียนลง SNS ส่วนตัวอยู่เป็นประจำ
“สนใจด้านกราฟิกค่ะ วาดรูป CG ปั้นโมเดลสามมิติอะไรพวกเนี้ยค่ะ ก็ถือว่าเป็นความฝันอีกอย่างหนึ่งเหมือนกัน”
และเมื่อเราถามถึงเรื่องอนาคตอันใกล้ที่อยากเห็นของวงรวมถึงตัวเธอเอง ป๊อปก็มีคำตอบที่อบอวลไปด้วยความเป็นวัยรุ่นอยู่สูง ไม่ว่าจะเป็นในแง่ความหวัง หรือพลังที่จะสู้เพื่อเป็นตัวเองที่ดีกว่าเดิม
“อยากเห็นวงเป็นที่รู้จักมากๆ แล้วก็อยากให้วงได้ไปแสดงที่ต่างประเทศ ส่วนตัวหนูเองอยากมีความมั่นใจมากกว่านี้ ไม่กลัวที่จะแสดงออก หรือว่าไม่กลัวที่จะเป็นตัวเอง อยากมีความสุขกับสิ่งที่ทำอยู่ค่ะ”
ผมหวนนึกถึงคำบรรยายในบทสัมภาษณ์ของเว็บไซต์ The Standard POP ช่วงหนึ่ง ซึ่งเคยได้สัมภาษณ์ตัวของป๊อปมาก่อนหน้าทางเราหลายเดือน ‘ป๊อปเป็นคนที่สัมภาษณ์ได้ยากที่สุดคนหนึ่ง’ น่าจะประมาณนี้ และผมค่อนข้างเห็นจริงตามนั้น แม้จะคิดว่าเตรียมตัวมาดีแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกว่าไม่ดีพอเมื่อได้ลองมานั่งทำจริงๆ
ทว่าความรู้สึกที่ต้องสู้กับกำแพงอันสูงชันตลอดการสัมภาษณ์ของผมก็คงไม่ต่างกับตัวของป๊อปเองกระมัง ถึงจะมีอาการตอบห้วนและยังคงให้สัมภาษณ์ติดๆ ขัดๆ ตามบุคลิกของตัวน้องเองที่ยังคงไม่สามารถถ่ายทอดสิ่งที่คิดออกมาเป็นคำพูดได้หมด กระนั้นก็ขอยืนยันว่าผมและทีมงานเห็นความพยายามของป๊อปอยู่ตลอดการสัมภาษณ์
พยายามจะพูด พยายามจะสบตา พยายามจะสู้กับสิ่งที่ตนเคยกลัวมาตลอด
พยายามจะเป็นตัวเองที่ดีกว่าเดิมในทุกๆ ขณะ
ยิ่งหากมองย้อนกลับไปในวันแรกที่ได้เจอกัน… ย้อนกลับไปมองป๊อปที่เอาแต่นั่งเงียบในห้องอัดออฟฟิศ Online Station ราวกับกำลังสับสนในทุกสิ่งอย่างของรายการซุยขิงๆ เมื่อราวๆ ครึ่งปีก่อนล่ะก็…
ผมก็สามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าน้องฝ่าฟันมาไกลมากจริงๆ ทั้งยังมั่นใจเหลือเกินว่ายังจะไปได้ไกลกว่านี้อีกมาก
จวบจนกว่าจะถึงวันนั้น
ผมเองก็คิดว่าควรต้องเป็นตัวเองที่ดีกว่าเดิมเช่นกัน
สู้ๆ เข้าล่ะ Pop FEVER
ติดตามป๊อปได้ที่: POP FEVER
ติดตามวง FEVER ได้ที่: FEVER
ผู้ให้สัมภาษณ์: ป๊อป
ผู้สัมภาษณ์: ท่านหลอด
ภาพนิ่ง,วิดิโอ: ท่านหลอด, ซาโตชิ
ทั่วไป: ติดตี๊ Mugen
เอื้อเฟื้อสถานที่: The Street Ratchada