สัมภาษณ์ ”เฉินหลง” กับ บทบาทล่าสุด แอคชั่น ฟัด มันส์ ฮาใน ”Kung Fu Yoga โยคะสู้ฟัด”

สัมภาษณ์ ''เฉินหลง'' กับ บทบาทล่าสุด แอคชั่น ฟัด มันส์ ฮาใน ''Kung Fu Yoga โยคะสู้ฟัด''

ที่ดูไบคุณมีเคล็ดลับในการรับมือกับอากาศร้อนอย่างไงบ้าง
จริงๆแล้วไม่มีเคล็ดลับอะไรนะครับ แล้วผมก็ชินแล้วกับการต้องถ่ายภาพยนตร์ท่ามกลางอากาศร้อนแบบนั้น อย่างเรื่อง “ดาบมังกรฟัด” ที่เมืองอัคไซ มณฑลกานซู (ประเทศจีน) ก็ถ่ายทำที่ทะเลทรายเช่นกัน และหลายปีก่อนหน้านี้ผมก็เคยไปที่ทะเลทรายซาฮาร่า ผมชอบอากาศร้อนๆ เพราะมันช่วยเผาผลาญไขมันได้

ในหนังเรื่องนี้มีตัวละครพิเศษอยู่ 2 ประเภท คือ รถสปอร์ตหรูกับสัตว์ต่างๆ 2 อย่างนี้ในชีวิตจริงคุณชอบอะไร
ผมค่อนข้างชอบรถสปอร์ตนะ เพราะรถพอเบื่อแล้ว ก็เก็บไว้ในโรงรถจนลูกหลานโต มันจะกลายเป็นของที่มีมูลค่ามาก แต่สำหรับสัตว์ต่างๆพอเลี้ยงมันแล้วก็ต้องเลี้ยงไปตลอดชีวิต ชอบแค่แป๊บเดียวไม่ได้ มันแก่ได้ ตายได้ และพอถึงเวลานั้นเราก็จะเสียใจ สิ่งที่ผมประทับใจมากที่สุดในหนังเรื่องนี้คือฉากที่มีรถสปอร์ตออกมาหลายๆคันพร้อมกัน และก็ชนกันหลายๆครั้ง ซึ่งรถทั้งหมดเป็นรถใหม่ หลายๆคนอาจจะไม่เสียดาย แต่ผมเสียดายมาก เสียดายจริงๆ หลายๆคนอาจไม่ได้สังเกตว่าบ่อยครั้งตอนไม่มีคนผมจะเอารถไปไว้ตรงที่ร่ม เพราะไม่ว่าจะเป็นรถใคร ถ้าไว้กลางแดดแบบนั้น ผมก็รู้สึกเสียดาย ทุกวันผมจะเห็นรถซุปเปอร์คาร์วิ่งไปวิ่งมา ได้ยินเสียงจนติดหู ซึ่งผมเชื่อว่าสิ่งนี้เป็นความฝันของเด็กผู้ชายหลายๆคน และผมก็เชื่อว่าเด็กผู้หญิงก็จะชอบเช่นกัน

คุณลองเล่าความรู้สึกในการถ่ายหนังที่ดูไบให้เราฟังคร่าวๆได้ไหม
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมไปดูไบ แต่ก่อนหน้านี้สิบกว่าปีได้พวกเขาก็ชวนผมไปผมเคยได้ยินชื่อประเทศดูไบ และก็รู้ว่าประเทศเขามีสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่มาก ก่อนหน้านี้เลยอยากไปถ่ายหนังที่ดูไบมาก แต่ก็ไม่ได้ไปสักที จนกระทั่งผู้กำกับ สแตนลีย์ ตง บอกว่าจะถ่ายหนังเกี่ยวกับรถ โดยมีคนในราชวงศ์ดูไบและเพื่อนๆให้ยืมรถซุปเปอร์คาร์ในการถ่ายทำ และช่วงนั้นรัฐบาลของดูไบก็ให้ความช่วยเหลือในการปิดถนนใต้ดิน สี่แยกและทางด่วนต่างๆให้พวกเราถ่ายทำภาพยนตร์กันด้วย ซึ่งมันเกินความคาดหวังจริงๆ เวลาเราถ่ายภาพยนตร์ เราจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนแบบนี้ นี่เลยเป็นสาเหตุที่ผมอยากมาถ่ายหนังที่ดูไบ ผมไปถ่ายหนังมาแล้วหลายที่ทั่วโลก ดังนั้นขอแค่พวกเขาสนับสนุน พวกเราก็ดีใจ และผมคิดว่าอาจจะได้กลับมาที่ดูไบเพื่อมาถ่ายทำภาค 2 ต่อ

คุณช่วยแนะนำเรื่อง “กังฟูโยคะ” ให้พวกเราฟังหน่อย
เรื่อง “กังฟูโยคะ” เป็นการร่วมมือระหว่างจีนกับอินเดีย ซึ่งเป็นไอเดียที่ผมคิดไว้นานแล้วว่าจะไปถ่ายทำหนังในสถานที่ต่างๆทั่วโลก ไปร่วมมือกับหลายๆประเทศ อินเดียเป็นประเทศที่ใหญ่ มีประชากรกว่า 1300 ล้านคน และจะเป็นตลาดใหญ่ในอนาคต หลังจากที่ผมได้คุยกับผู้กำกับ สแตนลีย์ ตง ก็เลยนึกถึงภาพยนตร์เรื่องนี้ขึ้นมา ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่สนุกและเสี่ยงตายในแบบฉบับของเฉินหลง

คุณช่วยเล่าถึงตัวละครที่คุณเล่นในเรื่อง “กังฟูโยคะ” หน่อยได้ไหม
ในบทผมเล่นเป็นนักโบราณคดี ซึ่งคราวนี้มีลูกศิษย์ด้วย เล่นบทเป็นศาสตราจารย์ที่ศึกษาและอนุรักษ์โบราณวัตถุคนหนึ่งที่เล่นกังฟูเป็น

คุณรู้สึกอย่างไรบ้างกับการที่ได้ร่วมงานกับผู้กำกับตงอีกครั้งในเรื่องนี้
การทำงานกับเขาก็เหมือนกับทำงานกับคนที่รู้ใจกัน  ผมบอก 1 เขาจะเข้าใจไปถึง 2 เขาบอก 2 ผมก็จะรู้ว่า 3 ต้องทำอะไร เขาตั้งกล้อง ผมก็จะรู้เลยว่าเขาจะถ่ายยังไง เราสองคนเข้าใจกันดี เลยร่วมงานต่อเนื่องด้วยกันได้ ผมกับผู้กำกับสแตนลีย์ ตง ก็เหมือนกับพี่น้อง 2 คนเข้ากันได้ดี คบกันมาหลายปี เขารู้หมดว่านิสัยผมเป็นยังไง และรู้ว่าผมชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ร่วมงานกันแล้วเลยมีความสุขมาก

งั้นระหว่างคุณสองคนก็มีอะไรที่แบบมองตาแล้วเข้าใจกันหลายเรื่องเลยสิ
พอผมมีอะไรไม่สบายใจ เขามองแวบเดียวก็รู้ แต่ผมไม่เคยเห็นเขาไม่สบายใจอะไรนะ เรา 2 คนไม่มีความลับต่อกัน มีอะไรก็คุยกันหมด ผมไม่ชอบอะไรเกี่ยวกับตัวเขาก็จะบอกเขาตลอด ส่วนเขามีอะไรก็จะบอกผม แบบบอกตรงๆ “พี่ต้องมาฝึกบ้างละนะ ตอนนี้อ้วนไปละ” บางครั้งก็บังคับให้ผมทำท่านั้นท่านี้ ซึ่งจริงๆแล้วผมอยากขอบคุณเขานะ เพราะตอนนี้ไม่ค่อยมีใครมาบังคับผม และโดยส่วนตัวผมจะไม่ทำอะไรทั้งนั้นถ้าไม่มีคนบังคับให้ผมทำ ดังนั้นถ้ามีผู้กำกับสักคนสามารถบังคับให้ผมทำนั่นทำนี่ มันก็คือการเตือนให้ผมไม่หยุดฝึกฝน และพัฒนาท่าทางการต่อสู้ในขั้นที่สูงขึ้นกว่าเดิม การฝึกฝนอย่างต่อเนื่องมันเป็นการกระตุ้นตนเอง ไม่ต้องใช้ตัวแสดงแทน และมันก็เป็นการฝึกฝนตัวเอง ให้ร่างกายยิ่งแข็งแรง และการเล่นหนังต่อสู้ก็ทำให้ผมดูเด็กขึ้นด้วย

ปกติคุณออกกำลังกายแบบไหน เคยฝึกโยคะไหม
ผมเพิ่งเข้าใจศาสตร์โยคะเมื่อไม่นานมานี้ มันเป็นการออกกำลังกายขั้นสูง สำหรับผมแล้ว ผมชอบพวกความเร็ว การวิ่ง หรือการออกหมัดมากกว่า ผมฝึกการต่อสู้จนคิ้วผมขาว ทักษะสูง และยังมีการต่อสู้แบบมือเปล่า ไอกิโด ซึ่งเป็นการออกกำลังกายที่ต้องใช้จังหวะเร็ว แต่สำหรับโยคะ ไทเก็ก กอล์ฟ พวกนี้มันช้าไปสำหรับผม แต่ตอนนี้ผมก็เริ่มชอบไทเก็กนะ และถึงแม้ตอนนี้จะยังเล่นโยคะไม่เป็น เพราะร่างกายผมแข็งเกินไป แต่มันก็ไม่เลวเลยนะ

การถ่ายทำครั้งนี้คุณไปมาแล้วหลายประเทศ และเป็นภาพยนตร์จีนที่ไปเก็บภาพที่ประเทศไอซ์แลนด์เป็นครั้งแรก งั้นช่วยเล่าหน่อยได้ไหมว่าที่ ดูไบ ไอซ์แลนด์และอินเดียเกิดอะไรขึ้นบ้าง  
ตอนนั้นก่อนไป 1 วันผมอยู่ทางเหนือของจีน อุณภูมิ -20 องศา ลมแรงมาก วันที่ 2 ก็บินไปดูไบ อุณหภูมิ 45 องศา ถ่ายฉากรถเหินกลางทะเลทราย ไม่อยากจะคิดเลยว่าทำไมพระเจ้าสร้างจักรวาลและโลกที่มีทั้งอากาศหนาวสุดขั้วและร้อนสุดขั้วแบบนี้   ตอนที่อากาศร้อนพวกเราจะอยู่ในรถ บางครั้งก็ปิดกระจกรถ แล้วจอดไว้ในร่ม แต่เหงื่อก็ยังไหลไม่หยุด และที่ดูไบมันน่ามหัศจรรย์มาก เพราะแม้แต่ในทะเลทรายยังมีตึกที่ใหญ่ที่สุด ทะเลสาบที่มนุษย์สร้างขึ้นเอง มันไม่ง่ายเลยกว่าจะสร้างได้ คนที่นี่รวยมากกว่าที่คุณคิด พวกเขามีเงิน มีรถหรูๆ นาฬิกาหรูๆ เครื่องบิน เรือยอร์ช ที่เลี้ยงสัตว์ในบ้านเขาอาจจะใหญ่กว่าสวนสัตว์ประเทศเราด้วยซ้ำ ดังนั้นการที่เราได้รับการสนับสนุนการถ่ายทำจากรัฐบาลและพระบรมวงศานุวงศ์ ทำให้การถ่ายทำเป็นไปอย่างราบรื่น

พวกเขาให้เรายืมรถหรูระดับโลกฟรีๆ  แม้แต่รถตำรวจก็เป็นรถของแม็คลาเรน (McLaren) ซึ่งตอนถ่ายทำคนขับรถของเราได้ขับรถแม็คลาเรน พลิกคว่ำ รถแม็คลาเรนราคาตั้งหลายสิบล้าน แต่วันถัดมาเขาก็เอารถคันใหม่มาเปลี่ยนให้ รถคันเดิมที่ใช้เป็นสีเหลือง ส่วนคันใหม่เป็นสีน้ำเงิน แต่เขาพ่นสีให้กลายเป็นสีเหลืองเหมือนที่เคยใช้ถ่ายทำ ผมขอบคุณพวกเขาจริงๆ จริงๆแล้วการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องหนึ่งเป็นงานรับผิดชอบของบริษัทผู้ผลิต ที่ต้องให้การสนับสนุนในทุกๆด้านจึงจะผลักดันหนังดีๆออกมาได้ และถ้ายิ่งได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากรัฐบาลในทุกๆที่ ผลงานการถ่ายทำก็จะยิ่งออกมาดี และเป็นยิ่งการดึงดูดให้คนอยากมาทำหนังที่ประเทศจีน และนำเอาวัฒนธรรมจีนออกไปเผยแพร่มากขึ้น 

ทำไมภาพยนตร์ที่คุณเล่นถึงต้องไปเก็บภาพในหลายประเทศขนาดนั้น
เพราะภาพยนตร์แนวเสี่ยงตาย หรือตามล่าหาของล้ำค่าคือจุดแข็งของผม ที่ฮ่องกงผมถ่ายหนังแนวนี้เยอะมาก ซึ่ง 30 กว่าปีก่อนก็ต้องออกเดินทางไปถ่ายทำในประเทศต่างๆ ไปในที่ที่หลายๆคนไม่เคยไป และยิ่งจินตนาการผมมากขึ้น สิ่งที่อยากถ่ายก็เยอะขึ้น เป็นจินตนาการแบบไร้ขีดจำกัด

ในเรื่องนี้รถหรูๆหลายคันถูกชนเสียหาย หลายๆคนก็เสียดาย จริงๆมันเป็นรถจริงๆไหม
ใช่ มันเลยสิ้นเปลืองมาก ผมยังคุยกับหลายๆคนว่า ผมขัดแย้งในตัวเองเล็กน้อยนะ คือ ผมเป็นคนที่รักษาของดีมาก แต่ว่างานที่ผมทำเป็นงานไม่ถนอมของเลย เพราะมันคือภาพยนตร์ ผมเลยหวังว่าสักวัน นักวิทยาศาสตร์จะค้นพบวัสดุที่สามารถมาใช้หมุนเวียนได้ เพื่อมาใช้ในการถ่ายทำภาพยนตร์

ได้ยินมาว่า ฉากเต้นรำของบอลลีวู้ดสวยงามมาก ช่วยเล่าให้ฟังคร่าวๆได้ไหม
ใช่ พวกเขาถ่ายทำได้สวยมาก และนักแสดงทุกคนก็มีพื้นฐานการเต้นมาหมด เต้นได้สวยงามมาก ทำให้ผมรู้สึกว่าทุกฉากของเรื่องนี้มันแปลกใหม่และน่าสนุก

ที่ไอซ์แลนด์ มีฉากนึงที่ต้องดำน้ำ มันมีความลำบากหรือความยากอะไรบ้างไหม
จริงๆแล้วที่ไอซ์แลนด์ไม่ค่อยหนาวเท่าไหร่นะ ไม่หนาวเหมือนที่คิด แต่ยังไงผมก็ยังกลัวความหนาวแบบปวดกระดูกของพื้นที่แถบนั้น วันนั้นไปถ่ายที่ทะเลสาบน้ำแข็ง ด้านหลังเป็นน้ำตกใหญ่ๆ ละอองน้ำจากน้ำตกทำให้ตัวผมเปียกชุ่ม แล้วเลนส์กล้องถ่ายทำก็เป็นน้ำแข็ง เลยถ่ายต่อไม่ได้ ฉากนั้นนักประดาน้ำ 2 คนสาธิตให้ผมกับ ทิชา พาตานี  นักแสดงหญิงชาวอินเดียดู บอกว่าอย่าดำน้ำเกินเส้นที่กำหนดนะ อยู่ภายในเส้นนี้จะปลอดภัย ถ้าเกินเส้นนี้เมื่อไหร่น้ำจากน้ำตกจะพัดคุณลงไป แต่ผมว่าถ้าทำขนาดนั้นแล้วก็อยากทำให้ออกมาดีหน่อย เลยอยากพุ่งตัวขึ้นมาจากที่ลึกๆ  ผมก็เลยดึงตัว ทิชา ออกไปลึกหน่อย และตอนเตรียมตัวเริ่มถ่ายผมก็จับเขาไว้ โดยที่ตัวผมถอยออกไปลึกกว่า แต่ตอนที่ผมถอยไป เท้าผมหล่นไปด้านล่างน้ำตก ที่แท้ด้านหลังน้ำตกมีหลุมที่ลึกมากหลุมนึง มันโดนน้ำซัดมานานหลายปี เลยไม่มีจุดที่จะยืนได้ โชคดีตอนนั้นผมดึงตัวเข้าฝั่งมาได้ ถ้าวันนั้นผมดึงตัวเข้าฝั่งมาไม่ได้  ทิชา ต้องเป็นอันตรายแน่ๆ นักประดาน้ำเกือบจะไม่ให้พวกเราถ่ายต่อ ซึ่งผมก็เป็นแบบนี้มาตลอด ชอบเสี่ยงภัย เพราะอยากให้ภาพออกมาสวย ผมเลยว่าฉากนั้นเป็นฉากที่ยากที่สุดสำหรับผม ฉากนั้นเราอยู่ในน้ำกันเต็มๆ 2 ชั่วโมงกว่า

ที่ไอซ์แลนด์มีฉากที่ถ่ายทำในน้ำแข็งด้วย ตอนนั้นคุณรักษาความอบอุ่นให้ร่างกายยังไง
พวกเขาต้มน้ำร้อนไว้ตลอด แล้วก็เอามารดบนตัวผม แต่ปัญหาคือผมไม่รู้เลยว่ามันร้อนขนาดไหน เพราะรดไปแล้วไม่มีความรู้สึกอะไรเลย จนสักพักถึงจะรู้สึกร้อน ตอนนั้นตัวผมเลยพองแดง ฉากนั้นถ่ายยากมาก ผมเลยบอกกับตัวเองให้อดทน เพราะถ้าไม่อดทน คนอื่นๆก็ไม่ทนเช่นกัน เพราะทุกคนน่าสงสารมาก การถ่ายทำวันนั้นลำบากจริงๆ แต่หลายๆยังพอไหว ทำให้มีกำลังใจขึ้น  

ที่ดูไบมีฉากที่คุณต้องขับรถไล่ล่ากัน เล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมว่าตอนนั้นมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันอะไรเกิดขึ้นไหม และต้องระมัดระวังอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า
เหตุการณ์ไม่คาดฝันหน่ะมีแน่นอนครับ อย่างที่ผมเคยบอกว่ามีทั้งการชนกันและก็การเสี่ยงตายบ้าง แต่พวกเราได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี และก็วางแผนมาอย่างรอบคอบแล้ว ทุกคนที่เข้าฉากก็เป็นนักขับมืออาชีพ ถามว่ากลัวไหม พวกเราก็กลัวนะ แต่มันคือความท้าทาย ละจะมีสักกี่ประเทศที่จะปิดถนนทุกเส้นตลอดสายให้เรามาทำฉากไล่ล่ากันแบบนี้ แถมยังมีรถสปอร์ตหรูคอยอำนวยความสะดวกให้อีก น่าประทับใจจริงๆ

คุณต้องฝึกขับรถไหม
ใช่ พวกเราเคยเรียนฝึกฝนการขับรถแบบผาดโผน และแบบความเร็วสูง ซึ่งสำหรับผมมันไม่ยาก มันสนุก เพราะการท้าทายเป็นสิ่งที่ผมชอบอยู่แล้ว

ในเรื่อง “กังฟูโยคะ” คุณเปลี่ยนเครื่องแต่งกายหลายชุดมาก เล่าให้ฟังหน่อยได้ไหม ว่าเป็นไง
ผมใส่ชุดแบบอินเดีย และสุดท้ายตอนเต้นรำ นักแสดงชายชาวอินเดียคนนึงให้ชุดผม เขาตัดให้ผมโดยเฉพาะเลย แถมยังปักตัวอักษรคำว่า “หลง” (龙) ชื่อตระกูลของผมลงไปบนชุดอีกด้วย

ปกติแล้วคุณจะช่วยทีมงานดูแลการถ่ายทำต่างๆด้วย เป็นเพราะคุณอยากจัดระเบียบกองถ่ายรึเปล่า
หนังทุกเรื่องผมจะช่วยกำกับดูแลตลอด และผมเองก็เป็นหัวหน้าทีมสตั้นด้วย ทำให้ผมต้องรับผิดชอบดูแลเรื่องความปลอดภัยของนักแสดงทุกคนที่เข้าฉาก และผมก็อยากจัดระเบียบกองถ่ายให้ดีขึ้น จัดการกับนิสัยที่ไม่ดีของคนจีน เช่น ห้ามสูบบุหรี่บริเวณสถานที่ถ่ายทำ เพราะมีที่จัดเฉพาะให้ หรือการห้ามหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปขณะถ่ายทำ และผมก็ยังจัดการเรื่อง กาแฟ ชา น้ำอัดลม น้ำเปล่า ขนม ของกิน เครื่องดื่มต่างๆ ของพวกนี้ต้องจัดเตรียมไว้เยอะๆ คนในกองถ่าย 300 คน โต๊ะ 300 ตัว เก้าอี้ 300 ตัว ไม่ว่าจะมากินกี่คน ก็ต้องมีของร้อนๆเตรียมไว้ให้ ผมจะอยู่กองถ่ายตลอด ผมเลยเป็นทั้งคนดูแลเรื่องอาหาร เป็นผู้กำกับดูแลการผลิต และก็เป็นคนดูแลทีมงานด้วย ผมเลยรู้ว่าการทำงานในกองถ่ายมันลำบากขนาดไหน ดังนั้นผมจะใส่ใจคนในกองถ่ายทุกๆคน เพราะพวกเขาทุกคนเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ภาพยนตร์ประสบความสำเร็จ เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พวกเราเปลี่ยนจากซุปเปอร์สตาร์ธรรมดามาเป็นซุปเปอร์สตาร์ระดับโลก ไม่มีพวกเขา เราก็ไม่สามารถมาถึงจุดนี้ได้ ทีมงานเป็นส่วนที่สำคัญจริงๆ ผมใส่ใจทีมงานทุกคนเพราะผมเองก็เริ่มต้นมาจากการเป็นทีมงานเช่นกัน ผมเคยทำงานภาคสนาม เคยเป็นผู้ช่วยตากล้อง ตัวแสดงประกอบ นักแสดงคิวบู๊ตั้งแต่ระดับง่ายไปถึงยาก ดังนั้นผมเลยเข้าใจถึงความลำบากเหล่านั้น เพราะกว่าผมจะมาถึงจุดนี้ได้ก็ยากลำบากเช่นกัน การดูแลความปลอดภัยของคนในกองจึงเป็นภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่อย่างหนึ่งของผม ทุกวันที่ผมจ้ำจี้จ้ำไชก็เพื่อความปลอดภัย เพราะการถ่ายทำมันเสี่ยงอันตรายมาก   

พวกเราเห็นคุณในแบบที่ทำงานหนัก จริงจังกับงานมาตลอด คุณพอจะบอกพวกเราหน่อยได้ไหมว่ามีแรงผลักดันอะไรที่ทำให้คุณมีแรงมากมายในการทำงานด้านนี้
ตอนไม่ได้เข้าฉาก ผมไม่รู้เลยนะว่าจะทำอะไรดี การถ่ายหนังเลยเป็นความสุขที่สุดอย่างนึงของผม และการถ่ายทำหนังหลายๆเรื่องทำให้ผมได้เจอเพื่อนเก่า ได้เจอทีมสตั้นของผม ในกองถ่ายผมรู้สึกว่าตัวเองมีอิสระ คิดอยากจะทำอะไรก็ทำได้ แต่ผมก็ยังทำหนังที่ผมวาดฝันไว้ไม่สำเร็จเลย ใจจริงผมอยากทำผลงานให้ออกมาดีกว่านี้  และยังสามารถผลักดันคนทำงานดีๆออกมาได้อีกมากมาย ดังนั้นผมเลยชอบทำงาน ชอบการถ่ายหนัง เพราะการถ่ายหนังเป็นสิ่งที่สนุกที่สุดสำหรับผม  

ข่าวประชาสัมพันธ์

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้