แม้อนิเมะและมังงะ Record of Ragnarok หรือ มหาศึกคนชนเทพ จะเป็นผลงานที่มีชื่อเสียงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการมาของตัวละคร “ซากะ” หรือ “ศากยมุนี” นั้นได้จุดระเบิดความสนใจให้คนอื่นๆ ที่อาจไม่เคยชายตามองต้องหันมาลองสนใจผลงานอนิเมะเรื่องนี้กันเป็นจำนวนมาก
ซากะ หรือ ศากยมุนี
ไม่ว่าจะด้วยความสนใจว่าศากยมุนีจะใช้พลังรูปแบบใด หรือลักษณะการดีไซน์คาแรคเตอร์ที่มีสีสันฉูดฉาด ดูห้าวเป้งแบดแอสขัดกับภาพลักษณ์สงบเรียบร้อยเช่นที่พบเห็นได้ตามวัดทั่วๆ ไป ทั้งหมดนี้ทำให้ตัวตนของซากะช่วงเตะตาผู้คนเสียเหลือเกิน
ดังนั้นวันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับเจ้าของวลี “ผู้ที่จะออกคำสั่งเราได้ ไม่ว่าจะเหนือฟ้าใต้หล้าก็มีแค่ตัวเราเท่านั้นแหละ” ตัวตนครึ่งเทพผู้ขอสู้เคียงข้างมนุษย์แม้จะต้องเป็นศัตรูกับทั้งสวรรค์ชั้นฟ้าก็ตาม ซากะ, ศากยมุนี, บุดด้า หรือพระพุทธเจ้า นั่นเอง
***บทความนี้มีสปอยล์
ลักษณะและการแต่งกายของ ศากยมุนี ในอนิเมะ
ในมหาศึกคนชนเทพเราจะได้พบศากยมุนีทั้งสิ้น 3 เวอร์ชั่นด้วยกัน คือเวอร์ชั่นทารก, เวอร์ชั่นเจ้าชายสิทธัตถะ และศากยมุนี ในตอนทารกนั้นก็ดูเป็นคนปกติไม่ได้เกิดมาแล้วเดินได้ 7 ก้าวแต่อย่างใด ขณะที่โตมาพอเป็นเจ้าชายรัชทายาทก็มีการแต่งกายที่ออกไปทางอินเดียชัดเจน ส่วนเวอร์ชั่นสุดท้ายซึ่งเป็นเวอร์ชั่นหลักๆ ที่เราจะได้เห็นในเรื่องนั่นก็คือมนุษย์กึ่งเทพศากยมุนีที่มาพร้อมดีไซน์เปรี้ยวจี๊ดถึงใจ ด้วยทรงผมแบบท็อปบันปล่อยจงอยผมด้านหน้า ผมด้านขวาปัดเป๋
เสื้อที่ใส่เป็นเสื้อกล้ามสีน้ำเงินเข้มขลิบขาวลายกระต่ายคาดผ้าปิดตา USACHAN ซึ่งเป็นหนึ่งในชาดกที่ศากยมุนีเคยไปเวียนว่ายตายเกิดมานั่นเอง ท่อนล่างสวมใส่จีวรและรองเท้าแตะ และมักจะพกอาวุธกระบองยาวไปไหนมาไหนด้วยตลอดเรียกว่า “พลองฉคติ” ซึ่งสามารถแปลงรูปร่างได้ถึง 6 รูปแบบด้วยกัน
ประวัติ ศากยมุนี ใน มหาศึกคนชนเทพ
ศากยมุนีในมหาศึกคนชนเทพนั้นจะเป็นคนที่มีลักษณะชอบกวนประสาทคนอื่น ขณะเดียวกันก็มีความเรียบง่าย ไม่ค่อยถือสาอะไร และปล่อยวางกับทุกสรรพสิ่ง นั่นส่งให้ตัวของเขารู้สึกว่าตัวเองประเสริฐที่สุดแล้ว หากเทพองค์ใดต้องการสู้กับเขาก็เข้ามาได้เลย แต่ในขณะเดียวกันเขาก็เป็นคนที่เห็นอกเห็นใจผู้อื่น และต้องการช่วยผู้คนให้พบกับความสุขในจิตใจ ขอเพียงคนผู้นั้นไม่ดำมืดเกินจะสั่งสอนได้
ส่วนเรื่องที่เขาไม่ชอบนั้นก็มีไม่มาก เช่นฮาจุนที่เข้ามาขัดการสอนของเขา กับการถูกออกคำสั่งโดยผู้อื่น เพราะเขาเชื่อว่าเพียงตัวเขาเองเท่านั้นที่สั่งตัวเองได้ สำหรับความเป็นมาของศากยมุนีนั้นจะแบ่งเป็น 2 ช่วงคือตอนก่อนเป็นเทพ และหลังจากที่เป็นเทพแล้วนั่นเอง
ช่วงก่อนจะมาเป็นเทพ
ศากยมุนีถือกำเนิดในราชวงศ์ของเนปาลก่อนจะเติบโตขึ้นเป็นเจ้าชายผู้มากความสามารถเก่งทั้งบุ๋นและบู๊ และโอบอ้อมอารี ทำให้คนในอาณาจักรเลื่อมใสในตัวศากยมุนีเป็นอย่างมาก ทั้งนี้เขาเคยเป็นคนที่อยู่ในกรอบ ไม่เคยออกจากเซฟโซน ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ กระทั่งวันหนึ่งก็เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้เขาได้ตื่นรู้บรรลุธรรม จึงออกจากวังไปเป็นพราหมณ์ก่อนจะพบปะผู้คนมากมายที่กลายมาเป็นศิษย์ในภายหลัง เขาออกเดินทางไปทั่วมีผู้เลื่อมใสมากมาย จนกระทั่งศากยมุนีได้มาจุติเป็นเทพในวัลฮัลลา
ช่วงที่ได้มาเป็นเทพ
หลังมาเป็นเทพ ศากยมุนีถูกบรุนฮิลด์ขอให้สอนวิธีจัดการกับเหล่าเทพเพื่อเป็นประโยชน์ต่อเหล่ามนุษย์ในศึกที่กำลังจะมาถึง จึงเป็นที่มาของวิชา ฝากชีพร่วมปัน วิชาที่จะให้มนุษย์รวมร่างกับเหล่าเทพ (ในกรณีนี้คือเหล่าวัลคิรี) เพื่อให้สามารถใช้วิชาทำร้ายหรือสังหารเทพได้ จากนั้นไม่นานเขาก็ตกลงรับปากกับซุสว่าจะลงต่อสู้ในศึก Ragnarok ที่กำลังจะถึง เพียงแต่ไม่ได้บอกว่าจะอยู่ฝั่งเทพ เพราะศากยมุนีผู้เกลียดเทพและถูกเทพเกลียดนั้นขอต่อสู้เพื่อฝั่งมนุษย์นั่นเอง
และคู่ต่อสู้ของเขาก็คือเซโรฟุกุ ซึ่งได้ถูกแบ่งเป็น 2 ร่างด้วยกัน ร่างแรกนั้นศากยมุนีสามารถสู้ได้สบายๆ โดยใช้พลองฉคติปล่อยพลังเปลี่ยนรูปลักษณ์ตาม 6 ภพภูมิ ก่อนจะปิดฉากด้วยการเทศน์จนเซโรฟุกุนั้นพร้อมจะกลับใจแล้ว แต่ตัวเซโรฟุกุกลับกลายร่างเป็นมารสวรรค์ชั้น 6 ฮาจุนเสียก่อน โดยคราวนี้ศากมุนีเสียเปรียบเต็มประตูเพราะไม่สามารถใช้พลัง “เนตรอารยวิญญาณ” มองการกระทำล่วงหน้าของฮาจุนที่มีแต่ความดำมืดได้เลย ขณะที่อาวุธเทพอย่างพลองฉคติก็ได้รับความเสียหายจนถูกทำลายในที่สุด แต่นั่นกลับก่อกำเนิดอาวุธชนิดใหม่อันเป็นการประสานเวลุนด์ระหว่างเทพด้วยกันนั่นก็คือดาบมหานิรวาณ-สุญตาจนสามารถเอาชนะฮาจุนได้ที่สุด
พลังและความสามารถของ ศากยมุนี
- เนตรอาละยะวิญญาณ : พลังเนตรที่ได้จากการตรัสรู้ เวลาใช้ดวงตาจะเปลี่ยนเป็นลายดอกบัวบานสีฟ้า สามารถคาดเดาการเคลื่อนไหวของคู่ต่อได้อย่างแม่นยำคล้ายการอ่านความคิดล่วงหน้า หรือทำนายอนาคต
- ฝากชีพร่วมปัทม์ : วิชาที่นำไปถ่ายทอดแก่บรุนฮิลด์ทำให้มนุษย์สามารถสู้กับเทพได้
- เทพศาสตรา : พลองฉคติที่สามารถใช้พลังจาก 6 ภพภูมิ
เนตรอาละยะวิญญาณ
พลังเนตรที่ได้จากการตรัสรู้ เวลาใช้ดวงตาจะเปลี่ยนเป็นลายดอกบัวบานสีฟ้า สามารถคาดเดาการเคลื่อนไหวของคู่ต่อได้อย่างแม่นยำคล้ายการอ่านความคิดล่วงหน้า หรือทำนายอนาคต
ฝากชีพร่วมปัทม์
วิชาที่นำไปถ่ายทอดแก่บรุนฮิลด์ทำให้มนุษย์สามารถสู้กับเทพได้
เทพศาสตรา
พลองฉคติที่สามารถใช้พลังจาก 6 ภพภูมิ
อาวุธของ ศากยมุนี ทั้ง 6 ภพภูมิ
สำหรับอาวุธหลักของศากยมุนีอย่างพลองฉคตินั้นมีพลังแปลงได้ 6 ภพภูมิได้แก่
ภพภูมิ | รายละเอียด |
---|---|
ภูมิที่ 1 สวรรค์ภูมิ มหาเทวาจินดามณีจักร | โลกบาล ขวานสิบสองเทวะ สามารถใช้ตั้งรับและโต้กลับ |
ภูมิที่ 2 เดรัจฉานภูมิ มหาเทวาหัยครีพ | นิรวาณ กระบองผลาญกิเลส ใช้ตอบโต้กับเซโรฟุกุ |
ภูมิที่ 3 มนุสสภูมิ มหาเทวาอโมฆบาศ | อักษยะ ดาบวัชระคงกระพัน มีความคล่องตัวในการบุกโจมตี |
ภูมิที่ 4 อสุรภูมิ มหาเทวาเอกาทศมุข | อหิงสา โล่ดับสรรพภัย เรียกใช้ป้องกันได้ตอนอารมณ์ช่วงขวัญเสียหรือพบเจออันตรายร้ายแรง |
ภูมิที่ 5 เปรตภูมิ มหาเทวาอารยะ | เคียวเทพอำมหิต สลาคายาส จะใช้ในช่วงเวลาที่ศากยมุนีโกรธมากที่สุด สามารถใช้ท่าที่ชื่อว่า สังสารสลายกรรม และเพิ่มอีกขั้นเป็น สังสารสลายกรรมนิรันดรเพื่อเพิ่มพลังฟาดให้เร็วขึ้น |
ภูมิที่ 6 นรกภูมิ | ยังไม่ปรากฎ |
ก็จบไปแล้วสำหรับประวัติคร่าวๆ ของศากยมุนี ตัวละครที่หลายๆ คนชื่นชอบและทำให้ผลงานเรื่องนี้กลายเป็นจุดสนใจมากขึ้น อีกทั้งดูเหมือนว่าบทบาทของเขาจะยังไม่หมดลงไปง่ายๆ ในอนาคตอาจกลับมาโชว์เทพอีกครั้งก็เป็นได้ ทั้งนี้เพื่อนๆ สามารถรับชมอนิเมะ มหาศึกคนชนเทพ ในช่องทางลิขสิทธิ์ต่าง ๆ หรือนั่งฟังสรุปชีวิตของศากยมุนีผู้ตรัสรู้ท่านนี้แบบเต็มๆ ได้จากช่อง Dice Destiny เลยครับ
สำหรับใครที่ยังไม่ได้ดูอนิเมะเรื่องนี้ สามารถดูได้ที่นี่ มหาศึกคนชนเทพ ซีซั่น 2 ครึ่งหลัง กับลิงก์ดูแบบถูกลิขสิทธิ์
ติดตามดูอนิเมะถูกลิขสิทธิ์ ได้ที่นี่ Online Station