Kimetsu no Yaiba หรือชื่อภาษาไทยอย่างเป็นทางการ ดาบพิฆาตอสูร ผลงานมังงะโดย อาจารย์ โคโยฮารุ โกโตะเกะ ร่วมกับสตูดิโอผู้สร้างอนิเมชั่นโดย ufotable ที่สามารถจุดกระแสของเรื่องนี้โด่งดังถล่มทลายไปทั่วโลกโดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น ค่อนข้างพิเศษกว่าที่ไหนๆ การันตีด้วย ยอดขายมังงะระดับร้อยล้านเล่ม และ รายได้จากการฉายสูง ติดอันดับที่ 3 ทำเนียบหนังที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลในประเทศญี่ปุ่น แซงหน้า Frozen และ Your Name ด้วย รายได้รวมกว่า 2.59 หมื่นล้านเยน
จากความโด่งดังนี้เองก็ทำให้ทาง Japan Anime Movie Thailand และ M Pictures นำเรื่องนี้เข้ามาฉายในประเทศไทยอย่างรวดเร็วแบบไม่ต้องรอนาน ดาบพิฆาตอสูร เดอะมูฟวี่ : ศึกรถไฟสู่นิรันดร์ จะเข้าฉายให้แฟนๆ ได้ชมกันในวันที่ 9 ธันวาคมนี้ในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ
เรื่องราวในภาคนี้
อย่างที่เรารู้กันอยู่แล้วว่า Kimetsu no Yaiba : Mugen Ressha-hen หรือ ศึกรถไฟสู่นิรันดร์ จะเป็นบทที่ต่อเนื่องมาจากซีซั่นที่ 1 แทบจะทันทีโดยที่ไม่ได้เอ่ยหรืออ้างอิงเรื่องราวก่อนหน้านี้ซะเท่าไรนักใครที่ยังไม่ได้ดูซีซั่นที่ 1 ลัดมาดูมูฟวี่นี้แบบลอยๆ มีงงอย่างแน่นอนแต่ก็ไม่ถึงขั้นงงจนดูไม่รู้เรื่อง
การเดินในครั้งนี้ยังคงโฟกัสอยุ่กับการเดินทางไปปราบอสูรของกลุ่มตัวเอกพระเอกอย่าง ทันจิโร่, อิโนะสุเกะ และ เซนอิทสึ เพิ่มเติมคือมีเสาหลักร่วมเดินทางในครั้งนี้ด้วย นั่นก็คือ เรนโงคุ เคียวจูโร่ เสาหลักเพลิงสุดแกร่งที่เข้ามาสืบเรื่องราวปริศนาคนหายไปจากการเดินทางด้วยรถไฟขบวนนี้ โดยมีอสูรข้ามแรมลำดับที่ 1 นามว่า เอนมุ คอยชักใยอยู่เบื้องหลัง การเดินทางสายรถไฟสู่นิรันด์จะไปจบลงที่ไหนกัน
บรรยากาศภายในเรื่อง – ซีนต่อสู้
เรียกว่าเป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นฉบับหนังโรงที่จัดเต็มปล่อยของชุดใหญ่ชนิดที่ทำเอาบางคนตะลึงไปกับความอลังการ จนเกือบลืมหายใจกันเลยทีเดียว โดยเฉพาะซีนต่อสู้ต่างๆ ที่ทาง ufotable สร้างสรรค์ออกมาได้สมกับเป็นสตูดิโออันดับต้นๆ ของวงการ ที่ขึ้นชื่อในเรื่องซีนต่อสู้ความเร็วสูงผ่านแสงสีอันสวยงาม ใครที่กังวลว่าซีนต่อสู้ใน Mugen Ressha-hen จะน้อย ขอบอกเลยว่า ufotable จัดให้แบบเต็มอิ่มไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน
ทางด้านเนื้อเรื่องของภาคนี้มีครบทุกอย่างเท่าที่แฟนๆ ดาบพิฆาตอสูรอยากจะเห็น ไม่ว่าจะสุข เศร้า ตลก กดดัน หรือ ลุ้นจนหยดสุดท้าย Mugen Ressha-hen สามารถทำให้ได้ทั้งหมด โดยเฉพาะ ช่วงเบื้องลึกของจิตใจตัวละครหลักเปิดเผยปมในใจของแต่ละคนได้ชัดเจน โดยที่เราสามารถรู้สึกไปพร้อมๆ กับตัวละครตัวนั้นได้แบบเข้าอารมณ์ ซีนที่ ทันจิโร่ โกรธจนเลือดขึ้นหน้าคนดูยังรู้สึกโกรธตามด้วยเลย
ในส่วนบทของ เรนโงคุ เคียวจูโร่ เสาหลักเพลิงคนนี้คงไม่ต้องพูดอะไรให้มากหลังจากดูจบแล้วคุณจะหลงรักตัวละครตัวนี้อย่างแน่นอน ทางด้านเพลงประกอบต่างๆ ที่ถูกใส่เข้ามาในเรื่องทำได้ดีเข้าไปกับบรรยากาศต่างๆ ในแต่ละสถานการณ์ โดยเฉพาะเพลง Homura ของ LiSA เหมาะสมที่สุดแล้วที่เป็นบทเพลงแห่ง ความหวัง ณ ปลายทางเส้นขอบฟ้า