Dragon Ball Super ภาค Galactic Patrol Prisoner สานต่อความสดใหม่บนพื้นเรื่องเก่า Part 1

Dragon Ball หนึ่งในการ์ตูนอมตะจากยุค 90s ที่มีการดำเนินภาคต่ออีกครั้งเมื่อปี 2013 และมีการทำเป็น TV ซีรี่ส์ในชื่อ Dragon Ball Super เมื่อเดือนกรกฎาคม 2015 ถึงเดือนมีนาคม 2018 หลังจากนั้นก็ได้มีการทำภาคหนังโรงที่เป็นภาคต่อจาก TV ซีรี่ส์อย่าง Dragon Ball Super Broly ออกมาในเดือนธันวาคม 2018 ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะไม่มีข่าวคราวการสร้าง TV ซีรี่ส์ภาคต่อ แต่กระแสของ Dragon Ball ก็ยังทรงๆ ในหมู่แฟนคลับเดนตาย นอกจากนี้ยังมี PR อนิเมะของ Super Dragon Ball Heroes ออกมาให้ดูแก้ขัดระหว่างรอภาคต่อของเนื้อเรื่องหลักอีกด้วย

ในระหว่างนี้เอง หลังจากที่ฉบับมังงะของ Dragon Ball Super ได้ทำตามหลังเนื้อหาในอนิเมะมาตลอดและเมื่ออนิเมะไม่ได้ทำต่อ ก็ถึงคราวที่ฉบับมังงะจะเล่าเนื้อหาของเนื้อเรื่องหลักนำหน้าสักที โดยเรื่องราวของบทล่าสุดในมังงะนั้นจะเป็นเหตุการณ์หลังจาก Dragon Ball Super Broly ที่เป็นภาคหลังโรง มีชื่อบทว่า “Galactic Patrol Prisoner” หรือนักโทษสายตรวจอวกาศ ตอนที่ประกาศชื่อภาคออกมาใหม่ ๆ แฟนคลับเองก็ฮือฮาไม่น้อย ว่าเนื้อเรื่องในภาคนี้จะเอาประเด็นอะไรมาเล่นกันนะ? แต่ที่แน่ ๆ คงเกี่ยวข้องกับสายตรวจอวกาศ Jaco ที่คุ้นหน้าคุ้นตาแน่นอน

รวมเรื่องราวของ Dragon Ball Super Galactic Patrol Prisoner ภาคต่อ

“Jaco สายตรวจอวกาศ เขาจะเป็นตัวหลักสำหรับการดำเนินเรื่องราวในบท Galactic Patrol Prisoner ใช่ไหมนะ?”

เมื่อนักโทษที่เหี้ยมโหดที่สุดในจักรวาลหนีออกจากคุกของสายตรวจอวกาศไปได้!?

เมื่อ 10 ล้านปีที่แล้วมีจอมเวทย์สายมืดสุดโหดผู้หนึ่งนามว่า “Moro” ที่สามารถดูดพลังงานของสิ่งมีชีวิตบนดวงดาวมาเป็นพลังของตัวเองได้ ทำให้ดวงดาวมากมายต่างล้มตายเป็นจำนวนมาก ท่าน Daikaioshin จึงจำเป็นต้องออกโรงเพื่อไปยับยั้ง Moro ด้วยตัวเอง ซึ่งการหยุด Moro นั้นก็ทำให้ท่าน Daikaioshin ใช้พลังจนหมดตัวในการปิดผนังพลังเวทย์ Moro เลยทีเดียว พอ Moro สิ้นฤทธิ์ เหล่าสายตรวจอวกาศก็ได้เข้าทำการจับกุมและขังไว้ที่คุกพิเศษ แต่ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปเจ้า Moro ก็ได้หนีออกมาจากคุกของสายตรวจอวกาศได้ซะงั้น!

Majin Buu ความหวังของเหล่าสายตรวจอวกาศ!!

ลำพังพลังของเหล่าสายตรวจอวกาศเองก็คงไม่สามารถนำตัว Moro กลับมาได้แน่ ๆ ทางเลือกในขณะนั้นเหล่าสายตรวจอวกาศจึงตัดสินใจที่จะนำตัว Majin Buu ที่อยู่บนโลกกับ Mr.Satan มา และช่วงที่ไปนำตัว Majin Buu บนโลก Mr.Satan ก็ได้โทรหา Bulma เพื่อให้ Bulma เรียก Goku กับ Vegeta มาช่วย Majin Buu ที เพราะมีใครหน้าไหนก็ไม่รู้กำลังจะลักพาตัว Buu ไป แต่พอ Goku กับ Vegeta ไปถึงที่เกิดเหตุ ก็ถูกสายตรวจอวกาศคนนึงยิงปืนสลบใส่และโดนเอาตัวไปด้วยซะงั้น!?

“แม้แต่ชาวไซย่าสุดแกร่งอย่าง Goku ยังโดนปืนยาสลบ!? ‘Merus’ สายตรวจอวกาศคนนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน”

ซึ่งเหตุผลที่เหล่าสายตรวจอวกาศต้องการตัว Majin Buu นั่นเป็นเพราะว่าในตัวของ Buu ตอนนี้มีท่าน Daikaioshin อยู่ยังไงล่ะ! ถ้าพูดเฉย ๆ พวก Goku คงไม่ยอมเลยต้องถือวิสาสะยิงให้สลบแล้วพามาที่ฐานทัพหลักของสายตรวจอวกาศ แม้ว่าเนื้อเรื่องจะผ่านไปนานในที่สุด Toriyama Akira ก็นำ Setting เก่า ๆ ที่เคยเขียนไว้มาเล่าในเนื้อเรื่องบทล่าสุดแล้ว

สู่การเป็นหน่วยพิเศษของสายตรวจอวกาศ

เป็นอีกหนึ่งอย่างที่เราเห็นไม่บ่อยนักกับบรรยากาศ Casual ในการดำเนินเนื้อเรื่องหลัก ซึ่งการเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสายตรวจอวกาศของ Goku และ Vegeta นี้ ได้มีการพาเราเข้าไปสู่สิ่งต่างๆ ที่อยู่ใน Side Story และนำมันออกมาเล่าในเนื้อหลักอีกด้วย

อย่างภารกิจแรกของ กับการตามจับพี่น้อง Macareni ที่พยายามจะขโมยแร่ Blue Aurum หรือ Sky Gold จากภาคย่อยของ Jaco นั่นเอง สำหรับคนที่ไม่รู้ Blue Aurum หรือ Sky Gold เป็นแร่หายากและราคาแพง เป็นแร่ที่ถูกนำมาเป็นเชื้อเพลิงให้กับเครื่องจักรสุดไฮเทคของหน่วยสายตรวจอวกาศ

“ถึงแม้จะเป็นช่วง Casual สบายๆ เน้นฮาเล็กน้อย แต่ก็มีการแอบนำ Setting จาก Side Story เข้ามาสู่เนื้อเรื่องหลักได้อย่างแนบเนียน”

ดาว Namek ไอคอนอีกหนึ่งอย่างที่ผู้คนจดจำ ได้ถูกนำกลับมาเล่าอีกครั้ง

หลังจากสายตรวจกาลเวลาระบุสถานที่ของ Moro ได้ Goku ก็จะจับสัมผัสพลังของ Moro จนรู้ว่า Moro กำลังมุ่งหน้าไปยังดาว Namek เพื่อที่จะดูดพลังงานชีวิตที่นั่น เนื่องจากในตอนนี้ Moro แทบไม่เหลือพลังและใกล้ตายแล้ว อีกหนึ่งเหตุผลที่เลือกดาว Namek ก็เพราะว่าที่นั่นมีสิ่งที่เรียกว่า Dragon Ball สามารถขอพรอะไรก็ได้

“Cranberry ลูกน้องเก่าของ Frieza สมัยภาคดาว Namek ที่ยังมีชีวิตอยู่ ตอนนี้เขาเป็นลูกน้องของ Moro เลยเสนอให้ Moro ไปยังดาว Namek แห่งใหม่”

เมื่อ Goku กับ Vegeta ได้วาร์ปมายังดาว Namek ใหม่และได้เผชิญหน้ากับ Moro ปัจจุบัน Vegeta ที่กลายเป็นฝ่ายดี จากในอดีตที่เคยทำเรื่องไม่ดีกับชาว Namek ไว้ เรายังได้เห็นฉากที่ Vegeta ออกตัวสู้กับ Moro เพื่อปกป้องดาว Namek ใหม่แห่งนี้ด้วย

จากระดับสเกลพลังที่สูงกว่าภาค Z มาก Goku และ Vegeta ที่มีพลังระดับพระเจ้า จะสามารถล้ม Moro ได้อย่างง่ายดายหรือเปล่า!?

“Moro ผู้ที่เคยพ่ายให้กับท่าน Daikaioshin หลังจากผ่านมาเป็นสิบล้านปี บัดนี้เขามีโอกาสได้ลุยอีกครั้งแล้ว!”

การต่อสู้ที่ไม่ใช่แค่เรื่องของพละกำลังอีกต่อไป

ถ้าพูดถึง Influence ของ Dragon Ball แล้ว เราจะเห็นได้ว่าทุกครั้งที่มีศัตรูตัวใหม่ปรากฏตัวออกมา ระดับพลังของตัวละครจะมีการเพิ่มขึ้นเป็นลำดับขั้น ในเมื่อเนื้อเรื่องได้มีการขยายขอบเขตพลังที่ไปถึงระดับพลังพระเจ้าและระดับจักรวาล การที่จะให้ตัวละครใหม่มีพลังที่เหนือขึ้น แต่ setting เนื้อเรื่องดันวนเวียนอยู่กับสถานที่หรือตัวละครเก่า ๆ ก็ดูจะเป็น Plot Hole ที่ใหญ่เกินไปว่าอดีตนั้นไปอยู่ไหน

ในบท Galactic Patrol Prisoner เลยมีการเขียนตัวละครศัตรูที่ไม่ได้โดดเด่นเรื่องพละกำลัง แต่เป็นตัวที่เชี่ยวชาญด้านเวทมนตร์ ถึงแม้ว่า Goku กับ Vegeta จะแข็งแกร่งระดับพระเจ้าขนาดไหน ก็สามารถพ่ายให้กับอาคมประหลาดได้เช่นกัน ดังนั้นเสน่ห์อีกหนึ่งอย่างของบทนี้ คือการต่อสู้ของ Dragon Ball ในมุมมองใหม่ ๆ ที่ไม่ได้จำกัดขอบเขตอยู่กับ Super Saiyan เปลี่ยนสีหัว และดวลด้วยกำปั้นอย่างเดียวอีกต่อไป

“เมื่อ Moro ดูดพลังงานสิ่งมีชีวิตจากดวงดาว มนุษย์หรือสัตว์ต่างๆ ที่อยู่บนดาวก็จะถูกดูดพลังไปด้วย Goku กับ Vegeta ที่โดนดูดพลังระดับเทพที่สั่งสมมาตลอด 30 ปี พอแปลงร่างไม่ได้ก็จะเละแบบนี้!”

“ถึง Beerus จะรู้ว่าดาว Namek ใหม่กำลังเกิดเรื่อง แต่ดาวที่พวกมนุษย์กินแต่น้ำ แถมอ่อนแอขนาดนั้น การที่มีคนช่วยกำจัด ถือว่าเป็นเรื่องดี”

“Moro ที่ดูดพลังงานจนกลับมาปึ๋งปั๋ง จัดการผู้กอบกู้ของดาว Namek ได้ในหมัดเดียว! Goku กับ Vegeta ที่ไม่สามารถต่อสู้ได้ในขณะนี้ ใครจะเป็นคนหยุดเขากัน!?”

การกลับมามีบทบาทของ Majin Buu และ Daikaioshin

ในเมื่อ Goku กับ Vegeta เองก็หยุดยั้ง Moro ไม่ได้ หนทางเดียวที่จะหยุด Moro ก็คือ ท่าน Daikaioshin ที่อยู่ในตัว Majin Buu เท่านั้น พอ Majin Buu ที่ถูกพามาเริ่มรู้สึกตัว สายตรวจอวกาศจึงได้ใช้อุปกรณ์กระตุ้นความทรงจำของ Daikaioshin ที่อยู่ในตัว Majin Buu ให้ตื่นขึ้นมา

แน่นอนว่าเมื่อเจอกับ Moro ที่ดาว Namek ใหม่ Majin Buu ที่มีความทรงจำของ Daikaioshin ก็นึกเรื่องราวในอดีตอกและเข้าไปสู้กับ Moro ทันที ถึงแม้ว่า Moro จะสามารถดูดพลังได้ แต่เวทย์นั้นกลับไม่มีผลกับสายเวทย์เหมือนกันอย่าง Majin Buu ยังไงล่ะ!

“การต่อสู้ของ Majin Buu ที่เราไม่ได้เห็นนาน ตอนนี้เราได้เห็นลีลาโชว์เทพของ Majin Buu อีกครั้งแล้ว!”

“ในขณะเดียวกัน Cranberry ที่ไม่มีใครสนใจก็รวบรวม Dragon Ball ได้ครบและสั่งให้ชาว Namek ที่เป็นตัวประกันพูดภาษา Namek เรียกเทพมังกร Porunga ออกมา ซึ่งพรข้อแรก Cranberry ขอให้รักษาอาการบาดเจ็บของตัวเอง”

“หลังจากที่ Moro โทรจิตมาบอก Cranberry ให้ขอพรทำให้ Moro กลับมามีพลังเต็มร้อยก็ได้ฆ่า Cranberry ทิ้งก่อนที่ Cranberry จะขอพรส่งตัวเองไปยังสถานที่อันไกลโพ้นเพื่อหนี Moro”

“เมื่อได้พลังกลับมาเต็มร้อยและกลับไปเป็นหนุ่มแล้ว พรข้อสุดของ Porunga ที่เหลือ Moro ขอพรอะไรไปนะ!?”

“เมื่อ Majin Buu ยังอยู่ในร่างอ้วน นั่นแปลว่ายังมีท่าน Daikaioshin อยู่! ในตอนนี้เราจะได้เห็นท่าน Daikaioshin สลับตัวออกมาบู๊แทนด้วย”

ความลับของ Majin Buu ที่เชื่อมต่อกับเหตุการณ์เก่า

ตอนนี้เราจะได้เห็นทักษะอีกอย่างของ Daikaioshin ที่สามารถฟื้นฟูพลังและรักษาบาดแผลคนอื่นได้ พอฟื้นพลังให้ Goku กับ Vegeta แล้ว Goku, Vegeta และท่าน Daikaioshin ก็ได้ออกตามหา Moro จนปะทะกันอีกครั้ง แต่ทว่าการปะทะกันครั้งนี้ ท่าน Daikaioshin กลับด้อยกว่า Moro อย่างเห็นได้ชัด จากในอดีตที่เคยสูสีทำไมตอนนี้ถึงได้ด้อยกว่าเจ้าแพะนี้ได้นะ!?

“Merus ได้อธิบายว่าเพราะตอนที่ Majin Buu ถูกแบ่งเป็น Kid Buu และ Majin Buu อ้วน พลังของ Daikaioshin ได้ถูกแบ่งไปยัง Kid Buu ผู้ชั่วร้ายมากกว่าและโดน Goku กำจัดไปในช่วงสุดท้ายของ Dragon Ball Z นั่นเอง!”

“Moro เองก็ดูออกว่า Daikaioshin ไม่มีพลังพอที่จะใช้เวทย์ปิดผนึกพลัง Moro เหมือนในอดีตแล้ว”

ความสนุกที่เกิดจากการผสมผสานกลิ่นอายของ Dragon Ball ทุกภาค

ในตอนนี้นับว่าเป็นอีกหนึ่งความสนุกที่เราไม่ได้เห็นนานแล้วจากเนื้อเรื่องของ Dragon Ball ช่วงหลัง อย่างการที่ได้เจอกลุ่มศัตรูใหม่ที่มีดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ของ Toriyama Akira เหมือนเนื้อเรื่องการผจญภัยของ Goku ในตอนเด็ก รูปแบบการต่อสู้ที่ย้อนกลับไปยังยุคที่ระดับพลังยังไม่ถล่มทลายและมีการใช้อุปกรณ์กับเทคโนโลยี

ถึงจะดูไม่สมเหตุสมผลในเรื่องระดับพลัง แต่กลับสามารถอยู่ได้ในเนื้อเรื่องปัจจุบันด้วยการพลิกแพลงที่ลงตัว นับว่าเป็นเรื่องใหม่ของ Dragon Ball ที่สามารถวนเวียนอยู่กับคอนเซปท์เก่าแต่ทำให้รู้สึกสดใหม่ได้

“พรข้อที่ 3 ที่ Moro ขอคือการทำให้นักโทษของสายตรวจอวกาศทุกคนถูกปล่อยออกมา เพื่อทำให้เป็นกองกำลังของตัวเอง ซึ่งแต่ละตัวในรูปแฟน ๆ Dragon Ball คงสัมผัสได้ถึง Easter Egg ของการออกแบบอีกด้วย”

“ในการต่อสู้ระหว่างสายตรวจอวกาศกับเหล่านักโทษ ถึง Goku จะสามารถแปลงเป็น Super Saiyan God ได้แต่ว่าการที่ Moro กำลังดูดพลังงานอยู่ ทำให้เราเห็นร่าง Super Saiyan ของ Goku ที่นาน ๆ จะแปลงสักที แน่นอนว่ามันทำให้การต่อสู้ดูสูสีขึ้นมาทันใด”

ตอกย้ำการแบ่งเส้นทางพัฒนาของ Goku และ Vegeta อย่างชัดเจน

อย่างที่เรารู้ว่าตลอดทั้งภาค Z และภาค Super ก่อนจะถึงบท Universe Survival ทั้ง Goku และ Vegeta ต่างมีการพัฒนาไปในเส้นทางเดียวกัน ซึ่งแน่นอนว่า Goku มักจะนำหน้า Vegeta อยู่หนึ่งก้าวเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแปลงร่างเป็น Super Saiyan หรือ Super Saiyan God (แต่ SSGSS หรือ Super Saiyan Blue น่าจะพัฒนาได้พร้อมกัน) แต่หลังจากที่ Goku ได้ทักษะอย่าง Ultra Instinct มา เนื้อเรื่องก็ได้เขียนให้ Vegeta มีแนวทางการพัฒนาที่เป็นของตัวเองแยกออกไป

ซึ่งในตอนที่พวกสายตรวจอวกาศกำลัเข้าตาจนจากการที่ถูก Moro และเหล่านักโทษเล่นงาน Goku ที่กำลังจะพาตัวสายตรวจอวกาศและท่าน Daikaioshin กลับไปยังฐานทัพหลักด้วยท่าเคลื่อนย้ายพริบตา Vegeta กลับตัดสินใจที่จะไม่ไปกับ Goku ซึ่งสถานที่ที่ Vegeta เลือกไปนั้นคือดาว Yardrat ดาวที่ Goku ไปเรียนรู้ท่าเคลื่อนย้ายพริบตามานั่นเอง

“Vegeta รู้ว่าเมื่อพลังที่มีอยู่ไม่สามารถเอาชนะ Moro ได้ จึงตัดสินใจที่จะไปเรียนวิชาแปลกๆ ที่ดาว Yardrat เพื่อโค่น Moro และเหนือกว่า Goku”

“การนำ Setting เก่าอย่างชาว Zoon มาเล่า เรียกได้ว่า Toriyama ยังคงสอดแทรก Setting เดิมๆ ได้ดีเลยทีเดียว ซึ่งชาว Zoon ที่เคยโผล่ออกมาก่อนหน้านี้ก็คือ Pui Pui ลูกน้อง Babidi นั่นเอง”

“Goku ที่สัมผัสได้ว่า Merus ยังกั๊กพลังไว้อยู่ จึงตัดสินใจที่จะฝึกกับ Merus เพราะว่าจากการที่ทดสอบฝีมือ Merus สามารถหลบท่า Goku เหมือนกับทักษะ Ultra Instinct ไม่แน่ว่า Merus อาจทำให้ Goku สามารถใช้ Ultra Instinct ได้ดั่งใจนึกก็เป็นได้”