ครบรอบ 23 ปี เกม Onimusha 2 ที่เกมเมอร์ไทยเรียกตัวเอกว่าพรี่สมรักษ์ – On This Day

Onimusha

เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ผ่านมา Capcom ได้มีการประกาศเปิดตัวเกม Onimusha 2: Samurai’s Destiny เวอร์ชั่นรีมาสเตอร์ โดยมีกำหนดวางขายในวันที่ 23 พฤษภาคมที่จะถึงนี้ ซึ่งในวันที่ 7 มีนาคมนี้เองก็เป็นวันครบรอบ 23 ปีของการวางจำหน่ายเกมนี้ครั้งแรกบนเครื่อง PS2 เลยเป็นโอกาสอันดีที่จะขอพูดถึงเกมนี้สักหน่อยครับ

ย้อนไปเมื่อ 23 ปีที่แล้ว กระแสตอบรับของเกมเมอร์ในไทยที่มีต่อ Onimusha 2 ได้แตกออกไปเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ครับ โดยกลุ่มแรกคือคนที่รับไม่ค่อยได้กับการที่เปลี่ยนตัวพระเอกจากซามาโนะสึเกะผู้มีใบหน้าอันหล่อเหลา ซึ่งมีนักแสดงต้นแบบคือ ทาเคชิ คาเนชิโระ) กลายมาเป็น จูเบ ยางิว ที่ใช้โมเดลใบหน้าจากอดีตนักแสดงที่เป็นหน้าสไตล์ญี่ปุ่นโบราณเลย กับอีกกลุ่มคือคนที่ยังรับได้กับการเปลี่ยนแปลงนี้ และโฟกัสที่เกมเพลย์มากกว่า ว่าแล้วเรามาย้อนอดีตไปกับเรื่องราวของเกมนี้ดีกว่า

(ล่าง) รูปปกเกม Onimusha 2 เวอร์ชั่นญี่ปุ่น, สหรัฐอเมริกา และยุโรป ตามลำดับ

ความเป็นมาของเกม

ผู้เป็นต้นแบบของตัวละคร จูเบ ในภาคนี้ ซึ่งก็คือ ยูซากุ มัตสึดะ (Yusaku Matsuda) อดีตนักแสดงผู้ล่วงลับที่มีผลงานการแสดงในช่วงระหว่างปี 1972-1989 โดยผลงานภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายของมัตสึดะเป็นภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดที่มีชื่อว่า Black Rain ซึ่งฉายเมื่อปี 1989 แสดงนำโดย ไมเคิล ดั๊กลาส (Michael Douglas) และ แอนดี้ การ์เซีย (Andy Garcia) โดยมัตสึดะแสดงเป็นตัวร้ายของเรื่องที่มีชื่อว่า ซาโต้ อย่างไรก็ตาม มัตสึดะได้ถูกตรวจพบว่าเป็นโรคมะเร็งที่กระเพาะปัสสาวะในช่วงก่อนถ่ายทำภาพยนตร์ Black Rain ไม่นานนัก แต่เจ้าตัวปฎิเสธที่จะเข้ารับการรักษาด้วยวิธีเคมีบำบัด (คีโม) โดยให้เหตุผลว่าอาจมีผลต่อการแสดง ต่อมามัตสึดะได้เสียชีวิตลงในวันที่ 6 พฤศจิกายน 1989 ขณะที่มีอายุเพียง 40 ปีเท่านั้น

สำหรับใบหน้าของยูซากุ มัตสึดะนั้น บรรดาเกมเมอร์ในไทยที่เห็นโฉมหน้าของเขาในฐานะจูเบ พระเอกในเกมนี้ต่างก็มองว่าเจ้าตัวมีความละม้ายคล้ายกับคุณสมรักษ์ คำสิงห์ อดีตนักกีฬาเหรียญทองโอลิมปิกคนแรกของไทย นั่นจึงเป็นที่มาของการล้อเลียนว่าพระเอกเกมนี้หน้าเหมือนพรี่สมรักษ์นั่นเอง

ทางด้านพล็อตเรื่องของภาคนี้ หลังจากที่ Fortinbras บอสใหญ่ของภาคแรกได้ถูกซามาโนะสึเกะสังหารไป โนบุนากะก็ได้นำทัพอสูรเก็นม่าบุกยึดครองแผ่นดินญี่ปุ่น พร้อมกับสั่งการให้เหล่าสมุนออกกวาดล้างทุกคนที่คิดเป็นปรปักษ์กับตน ซึ่งก็รวมถึงผู้คนในหมู่บ้านยางิวด้วย ต่อมาจูเบที่ออกไปทำภารกิจนอกเมืองก็ได้กลับมาพบกับสภาพของหมู่บ้านที่เพิ่งโดนทำลายยับเยิน เลยบุกตามไปล้างแค้นให้ทุกคนในหมู่บ้าน แล้วก็ได้พบกับ ทาคาโจ ยักษ์หญิงที่อ้างว่าตนคือแม่แท้ ๆ ของจูเบ โดยเธอนั้นได้เล่าถึงแผนร้ายของโนบุนากะ พร้อมกับปลดปล่อยพลังแห่งยักษ์ให้กับจูเบ เพื่อนำไปใช้ปราบเก็นม่าและโนบุนากะให้ได้

ทางด้านเกมเพลย์ของภาคนี้ ถือเป็นภาคแรกที่เริ่มนำระบบแปลงกายเป็นยักษ์มาใช้ โดยเมื่อผู้เล่นสังหารศัตรูบางตัวได้ มันจะดรอปวิญญาณสีม่วงออกมา ซึ่งเมื่อเราเก็บสะสมวิญญาณสีม่วงได้ครบ 5 ดวง ก็จะแปลงร่างเป็น Oni ได้โดยอัตโนมัติ และระหว่างที่เป็นยักษ์ ตัวเราก็จะเป็นอมตะชั่วครู่ พร้อมกับมีพลังโจมตีที่สูงขึ้นด้วย

ภาคนี้จูเบจะมีเพื่อนร่วมผจญภัยอยู่หลายคนครับ ซึ่งก็มีทั้งเพื่อนที่บังคับได้และไม่ได้ปะปนกัน และบรรดาเพื่อน ๆ เหล่านี้ต่างก็มีชื่อที่เพื่อน ๆ น่าจะคุ้นเคยกันดีหากติดตามประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นมาบ้าง เช่น อังโคะคุจิ เอย์เคย์ (อังโคะคุจิเป็นชื่อวัดหนึ่งจากอนิเมะเรื่องอิกคิวซัง), มาโกอิจิ ไซกะ และ ฟุมะ โคทาโร่ เป็นต้น

ความลับในเกม

  • ในตัวเกมเวอร์ชั่นออริจินัล (PS2) ถ้าผู้เล่นเคลียร์มินิเกมที่มีชื่อว่า Team Oni สำเร็จ ก็จะปลดล็อคระดับความยาก Issen ของโหมดเนื้อเรื่องได้ โดยในระดับ Issen นี้เราจะสร้างความเสียหายกับศัตรูและบอสได้ด้วยการใช้ท่าเคาท์เตอร์เท่านั้น (โจมตีแบบติดคริติคอล)
  • ช่วงกลางเกม เราจะเจอตึกที่อยู่ใกล้กับสะพานข้ามน้ำ และจะมีวาร์ปสีเขียวอยู่ใกล้ๆ ให้เรากดใช้ไอเทม Green Wedge ที่บริเวณนั้น จะเป็นการเปิดทางเข้าสู่ Green Realm ในนั้นจะเป็นดันเจี้ยนลับที่เต็มไปด้วยศัตรูเก่งๆ มากมาย หากผ่านได้ก็จะได้รับไอเทม Red Necklace เป็นรางวัล คุณสมบัติของมันคือลดปริมาณการเสียพลังเวทจากการใช้ท่าไม้ตายของอาวุธครับ
  • เช่นเดียวกับข้อข้างบน หากผู้เล่นลุยไปถึงชั้นบนสุดของปราสาทกิฟุ ก็จะเจอวาร์ปสีม่วง ให้เรากดใช้ไอเทม Purple Wedge แล้วจะสามารถเปิดทางเข้าสู่ Purple Realm ได้ และถ้าผ่านดันเจี้ยนในนั้นสำเร็จก็จะได้ดาบไฟเป็นรางวัล โดยดาบนี้ก็คือดาบไฟเล่มเดียวกับที่ซามาโนะสึเกะเคยใช้ในภาคแรกนั่นเอง

ติดตามข่าวเกมพีซี/คอนโซลอื่น ๆ ได้ที่ Online Station

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้