ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมานับว่าเป็นช่วงเวลาที่อุตสาหกรรมเกมต้องชอกช้ำอย่างหนักจากปัญหาต่าง ๆ ทั้งงบประมาณที่บานปลาย เกมที่สร้างออกมาล้มเหลว จนนำไปสู่การเลย์ออฟคนออกอย่างต่อเนื่อง
แม้ว่าปัญหาดูเหมือนจะยังไม่มีแววคลี่คลาย แต่ดูเหมือนว่าผู้พัฒนาบางสตูดิโอจะเริ่มกล่าวโทษแล้วว่าเป็นความผิดของฝ่ายบริหาร ๆ หลายบริษัทที่ทำงานไม่ดี โดยรายงานจากสำนักข่าว Bloomberg โดยคุณ Jason Schreier ได้กล่าวถึงผู้พัฒนาเกมคนหนึ่งที่เล่าว่าสมาชิกทีมของเขาหลายคนในสตูดิโอ วัน ๆ หมดเวลาหลายชั่วโมงไปกับการดื่มกาแฟและดู Netflix เป็นเวลาถึงครึ่งปี
นอกจากนี้ยังมีตัวอย่างถึงกรณีที่มีสมาชิกทีมพัฒนาบางคนต้องรอโดยที่แทบไม่มีอะไรทำ เพราะต้องให้ทีมอื่น ๆ ทำงานตามทันเสียก่อน เช่น ศิลปินที่ต้องรอให้ดีไซเนอร์ออกแบบงานให้เสร็จ ขณะที่ผู้พัฒนาบางรายต้องรอจนกว่าเครื่องมือพัฒนาเกมจะพัฒนาจนพร้อมใช้งาน
เนื่องจากพนักงานเหล่านี้ยังได้รับค่าจ้างระหว่างรอทำงาน บริษัทจึงเสียเงินเดือนไปหลายล้านเหรียญฯ ในแต่ละปีแบบเปล่า ๆ จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมค่าใช้จ่ายในการพัฒนาเกมยุคใหม่ถึงแพงมาก นอกจากนี้ผู้พัฒนาบางรายจำเป็นต้องตัดหรือเปลี่ยนแปลงฟีเจอร์เกมในวินาทีสุดท้ายเพราะฝ่ายบริหารแทรกแซงด้วย
ปัญหานี้เองที่ทำให้ผู้พัฒนาหันมาทำเกมแนว Live Service กัน ทั้งซีอีโอและฝ่ายบริหารต่างพยายามผลักดันให้ทำเกมตามกระแสเพื่อหาเงินจากเกมแนว Live Service บังคับให้สตูดิโอที่เคยทำเกมแนวผู้เล่นคนเดียวทำเกมแนวผู้เล่นหลายคน ออกมาเป็นเกมต้นทุนสูงที่ล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่าแบบ Suicide Squad และ Concord ในที่สุด จึงสรุปได้ว่าฝ่ายบริหารที่ทำงานได้ไม่ดีนั้นเป็นสิ่งที่ฉุดรั้งการพัฒนาเกมสมัยใหม่นี้
ทั้งนี้ในอดีตผู้พัฒนาก็เคยกล่าวโทษฝ่ายบริหารที่ทำให้อุตสาหกรรมเกมตกต่ำมาแล้ว โดยเกมอย่าง Halo Infinite ก็มีรายงานว่าโดนแทรกแซงอย่างหนักจากฝ่ายบริหาร และถ้าถึงขั้นเลวร้ายที่สุด อาจถึงขั้นทำให้ทั้งทีมโดนสั่งยุบถาวรได้เลยทีเดียว
แปลและเรียบเรียงจาก
Tech4Gamers
ติดตามข่าวเกมพีซี/คอนโซลอื่น ๆ ได้ที่ Online Station
