อดีตผู้พัฒนา Deus Ex เผย สตูดิโอหลายแห่งคลั่งการเมืองจนผู้บริหารยังเกรงกลัว

ในปัจจุบันกระแสสงครามวัฒนธรรมระหว่างบริษัทและผู้พัฒนาเกมที่มีแนวคิดการเมืองเอียงซ้ายสนับสนุนแนวคิดความหลากหลายและเกมเมอร์ที่ไม่เห็นด้วยกับการยัดเยียดเรื่องดังกล่าวลงมาในเกมนั้นยังคงดำเนินต่อไป แต่เราอาจไม่ค่อยได้เห็นความคิดเห็นจากนักพัฒนาเกมที่ต่อต้านเรื่องนี้สักเท่าไหร่

Deus Ex

แต่วันนี้เราจะพาไปดูความคิดเห็นจากคุณ Cédric Chassang อดีตผู้พัฒนาที่เคยทำงานร่วมกับโปรเจกต์เกมดังต่าง ๆ เช่น Deus Ex: Mankind Divided, Shadow of the Tomb Raider และ Horizon II: Forbidden West ที่เห็นว่าแนวคิดการ “ยัดเยียดสิ่งต่าง ๆ ให้เป็นเรื่องการเมือง” (Politicization) นั้นครอบงำสตูดิโอพัฒนาเกมหลายแห่งไปแล้ว

คุณ Chassang ได้โพสต์บน X ตอบกลับ Julien Chièze ยูทูบเบอร์ชาวฝรั่งเศสที่ได้โพสต์วิดีโอที่มีหัวข้อว่า “การทำให้วิดีโอเกมเป็นเรื่องการเมือง ทั้งผู้เล่นและผู้พัฒนาสุดเอือมระอาจนต้องออกมาพูด” และเล่าประสบการณ์การทำงานทั้งใน Montreal กับสตูดิโอ Eidos และในกรุง Amsterdam กับ Guerrilla Games และยืนยันว่าการแนวคิดเอาการเมืองมาพัวพันนั้นครอบงำกัดกินสตูดิโอต่าง ๆ ไปแล้วจริง ๆ

โดยสาเหตุนั้นเขาบอกว่าเป็นเพราะในอุตสาหกรรม มีการจ้างพนักงานสายครีเอทเป็นจำนวนมาก บางคนฝึกเอง บางคนได้รับการอบรมมา แต่ส่วนใหญ่แล้วฝักใฝ่การเมือง บางคนเป็นสายหัวก้าวหน้าสุดโต่ง โดยเฉพาะในการเมืองเรื่องอัตลักษณ์ (Identity Politics) ซึ่งแพร่หลายในประเทศวัฒนธรรมพูดอังกฤษ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา [ซึ่งเรารู้จักกันว่าเป็นขบวนการความตื่นรู้หรือ Woke นั่นเอง]

อย่างไรก็ตามในยุโรปนั้นการจะหาคนที่มีความสามารถนั้นไม่ง่าย หลาย ๆ สตูดิโอจึงจ้างชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวอเมริกัน

Deus Ex

ทว่าภายหลังพอเกิดเรื่องอื้อฉาวในวงการต่าง ๆ มากมาย ก็ทำให้หัวหน้าสตูดิโอต่าง ๆ หันมาใส่ใจกับสวัสดิภาพและความปลอดภัยของลูกจ้างมากขึ้น ซึ่งคนที่มีแนวคิดการเมืองสุดโต่งก็ฉวยโอกาสนี้เอาอุดมการณ์มาบังคับใช้ บีบให้ทั้งผู้บริหารและผู้จัดจำหน่ายเกมทำตามข้อเรียกร้อง ไม่งั้นจะทำการกล่าวหาว่าถูกเลือกปฏิบัติ

คนกลุ่มนี้จึงแสดงอิทธิพลออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีผลต่อทั้งวัฒนธรรมองค์กรของสตูดิโอ แะละมีผลต่อไอเดียสร้างสรรค์ต่าง ๆ ที่นำไปใช้ในเกมด้วย ทำให้นี่ไม่ใช่ความคิดเห็นของคนกลุ่มน้อยเสียงดัง แต่เป็นเกือบเป็นของกลุ่มมากไปแล้ว

ด้วยเหตุนี้ทั้งสตูดิโอและผู้จัดจำหน่าย โดยเฉพาะเจ้าของผงานระดับ AAA ที่มีความเป็นมายาวนานเลยจึงมาถึงทางตัน กลายเป็นเหมือนโดนมัดมือมัดเท้า ถอยกลับเรื่องนี้ไม่ได้อีกแล้วเพราะอาจทำให้โปรเจกต์ต่าง ๆ กระทบกระเทือนได้ หัวหน้าสตูดิโอบางคนจึงทำทุกอย่างเพื่อที่จะปิดหูปิดตา เลี่ยงหัวข้อดังกล่าวระหว่างการประชุม ทำลายความเชื่อมั่นของพนักงานคนอื่น ๆ เพราะขาดความโปร่งใสในการทำงาน กลายเป็นวงจรอุบาทว์ไม่รู้จบ

Deus Ex

ในทางกลับคนส่วนใหญ่อีกกลุ่มที่เสียงดังน้อยกว่าและไม่ทนกับแรงกดดันนี้อีกต่อไปก็เริ่มแสดงออกด้วยการลาออกไปก่อตั้งหรือทำงานร่วมกับผู้พัฒนาทีมใหม่เพื่อสร้างเกมที่ไม่มีการผลักดันวาระทางการเมือง

ดังนั้นจึงเริ่มมีสัญญาณปรากฏขึ้นมาแล้วว่านี่เป็นปัญหา แต่สภาพในปัจจุบันยังหนักแน่นอยู่ ขณะที่สตูดิโอมีชื่อหลายแห่งก็กำลังจะลงทุนเสียเงินจำนวนมากกับเกมที่ลูกค้าปฏิเสธมากขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วง 2-5 ปีถัดไป

นอกจากนี้คุณ Chassang ยังให้ความเห็นเกี่ยวกับเกมต่าง ๆ ด้วย เช่น Star Wars Outlaws ซึ่งแม้ปัญหาด้านการยัดเยียดการเมืองจะไม่ได้ประเจิดประเจ้อ แต่ก็เห็นแล้วว่าผู้เล่นแสดงความไม่ต้องการด้วยการไม่ซื้อจริง ๆ แต่ปัญหาคือสตูดิโอและผู้จัดจำหน่ายเกมนั้น “หวั่นเกรง” ลูกจ้างมากกว่าลูกค้า ทำให้ผู้บริหารพากันโทษปัจจัยอื่น ๆ ซึ่งแม้จะไม่ผิดเสียทีเดียว แต่ก็เป็นปัจจัยที่จิ๊บจ๊อยมากเมื่อเทียบกับสาเหตุด้านวัฒนธรรมองค์กร

Deus Ex

เขายังพูดถึงเกม Concord ด้วยว่าผู้บริหารทุกวันนี้ยังพูดกันอยู่ว่าเกมนี้ล้มเหลวเพราะรูปแบบการตั้งราคาเกมและเพราะมีการทดสอบโดยผู้เล่นภายนอกไม่พอ ทั้ง ๆ ที่ Helldivers 2 ซึ่งขายโมเดลเดียวกันกลับประสบความสำเร็จ จึงพูดได้เลยว่าสตูดิโอเกม AAA นั้นหลับหูหลับตา ไม่คิดจะยอมรับสาเหตุปัญหาที่แท้จริงใด ๆ ทั้งสิ้น

ข้อมูลอ้างอิงจาก
X
Reddit – Kotaku In Action


ติดตามข่าวเกมพีซี/คอนโซลอื่น ๆ ได้ที่ Online Station

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้