รีวิวเกม Warhammer 40K: Space Marine 2 – เลือดเดือดแบบคลาสสิค

Warhammer 40K เป็นแฟรนไชส์เกมกระดานที่ต้องบอกว่ามาแรงมากๆ ใน พ.ศ. นี้นะครับ ช่วงไม่กี่ปีมานี้มีคนแห่เข้าลัทธิกันเพียบเลยทีเดียว (ก่อนจะไปเข้าใจกันว่า 40K ไม่ใช่แค่ชื่อ แต่มันคือขั้นต่ำของเงินที่ต้องเสียให้องค์จักรพรรดิ์) แน่นอนว่าในแง่ของเกมคอนโซลหรือ PC เองก็มีมากมายก่ายกองไม่ต่างกัน หลายๆ เกมไม่ได้รับความนิยม ขณะที่บางเกมก็ฮิตระเบิดระเบ้อ

สำหรับ Warhammer 40K: Space Marine นั้นดูจะเป็นอย่างหลัง ในแง่ของเกมเพลย์อาจจะค่อนไปทางดีแต่ก็ไม่มีอะไรใหม่ แม้ในยุค 10 กว่าปีก่อนก็ยังอาจจะบอกได้ว่ามันค่อนข้างพื้นๆ แต่ถึงไม่มีนวัตกรรมพลิกโลกอะไร ฟีลลิ่งของเกมเพลย์ก็ยังเข้มข้นไปกับเรื่องราววีรกรรมของไททัสและผองเพื่อน Ultra Marine ทำให้ Warhammer 40K: Space Marine กลายเป็นเกมที่โดนใจแฟนๆ Warhammer 40K ไม่ว่าจะหน้าเก่าหรือหน้าใหม่

Warhammer

อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะด้วยเหตุผลหรือกลใด ถึงจะเป็นเกมที่แฟนๆ เรียกร้องขนาดไหนก็ต้องรออีกว่า 13 ปี Warhammer 40K: Space Marine จึงมีภาคต่อออกมาในชื่อ Warhammer 40K: Space Marine 2 พร้อมการกลับมาของพรี่ไททัสที่ทำเอาแฟนเกมลุ้นกว่าเดิมว่าพี่เขากลับมาได้อย่างไรกันนะ และตัวเกมจะยังสนุกสะใจอยู่ไหม บทรีวิวนี้มีคำตอบครับ

เนื้อเรื่อง

“ในอนาคตอันมืดมิดแสนไกลโพ้น มีเพียงสงครามเท่านั้นที่อยู่ยั้งยืนยง” Space Marine 2 มีเนื้อเรื่องอยู่ในช่วงสงคราม Indomitus Crusade หลังการกลับมาของไพรมาร์ค Roboute Guilliman แห่ง Ultra Marine ณ จุดหนึ่งของแกแลคซี่เหล่า Tyranid มากมายมหาศาลปรากฎตัวเข้าโจมตีดวงดาวของ Imperium of Man เพื่อเริ่ม Tyranid War ครั้งที่ 4 กัปตันไททัสกลับมาอีกครั้งหลังเหตุการณ์ในภาคแรกผ่านไปได้ราวๆ 1 ศตวรรษ เขามาในคราบของ Deathwatch Kill Team กับภารกิจสกัดกั้นกองกำลัง Tyranid บนดาว Kadaku การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด และเขาเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่เอาตัวรอดมาได้ พร้อมกับถูกผ่าตัดให้กลายเป็นไพรมาริส Space Marine 2.0 ร่างอัปเกรด และได้โอกาสกลับมาสวมชุดเกราะสีฟ้ารับใช้องค์จักรพรรดิ์ในนามของ Ultra Marine อีกครั้ง

แน่นอนว่าในเกมภาคนี้เราจะได้เล่นเป็นไททัสเหมือนเดิม ออกลุยร่วมกับเพื่อนใหม่ 2 คนที่มีความคลางแคลงใจต่อหัวหน้าใหม่ของพวกเขาไม่น้อย ทั้งนี้ในส่วนของแคมเปญเล่นคนเดียวนั้นมีจำนวน 5 เชปเตอร์ให้เราได้ออกลุย กินเวลาราวๆ 6-8 ชั่วโมงก็เคลียร์เกมได้แล้ว ซึ่งอันที่จริงเกมก็ไม่ได้ผิดอะไร แต่ส่วนตัวแล้วคิดว่าเกมควรจะยาวได้มากกว่านี้หน่อย แม้ว่าจะมีโหมด Co-op กับเพื่อนที่เล่าเรื่องคู่ขนานไปกับเนื้อเรื่องหลักให้ได้เล่นต่อ แต่ด้วยความที่โหมดนี้ไม่ค่อยเอื้อต่อการเล่นคนเดียวนัก (แม้จะเล่นได้) ทำให้หลายๆ คนอาจจะไม่ได้ลอง หรือไม่ก็ลองไปได้ไม่ไกล ส่งผลต่อมูลค่าของเกมที่อาจจะลดลง เพราะคิดไปว่าหากจะซื้อมาเล่นแค่แคมเปญอย่างเดียว การจ่ายเงินราคาเต็มก็อาจไม่คุ้มค่านัก

Warhammer

สำหรับตัวเนื้อเรื่องภาคนี้ก็ไม่ได้หวือหวาอะไรแต่ด้วยองค์ประกอบและลูกเล่นในการเล่าเรื่องมันช่วยให้ผู้เล่นสามารถติดหนึบอยู่กับเกมได้ง่ายๆ และไททัสก็ยังคงเป็นตัวเอกที่บู๊สับบู๊เดือดอยู่ดี ทำให้ผู้เล่นจะได้สู้อยู่แทบตลอด จนเผลอแป๊บๆ เกมก็จบแล้ว ว่องไวราวกับแค่ลองกะพริบตา ถ้าหากมันสามารถยาวกว่านี้ได้อีกสักหน่อย ผู้เล่นก็น่าจะได้เต็มอิ่มกว่านี้มาก

เสียง

Warhammer 40K: Space Marine 2 ทำได้ดีในส่วนของเสียงในภาพรวม ตัวเกมมีเพลงประกอบที่ช่วยสร้างบรรยากาศของโลก Warhammer ได้เป็นอย่างดี เสียงประกอบส่วนต่างๆ หรือแอมเบียนรอบด้านก็ฟังออกได้อย่างชัดเจน จะมีติดนิดหน่อยก็คือเสียงปืน Bolter ที่แอบรู้สึกว่าเบาไปยังไม่ค่อยสะใจเท่าที่ควร คือมันก็ไม่ได้แย่อะไร แต่จากมาตรฐานเสียงส่วนอื่นแล้ว คิดว่าเสียงปืนควรต้องทำได้ดีกว่านี้ ขณะที่เสียงพากย์โอเคมากๆ ไม่ติดขัดอะไร และหากใครลองปรับเป็นภาษาญี่ปุ่นก็จะได้ความเบียวเพิ่มขึ้นมาอีกระดับ

Warhammer

กราฟิก

สิ่งที่ Space Marine 2 ทำได้ดีที่สุดก็คือการสร้างโลกและสภาพแวดล้อมมาเสริมการเล่าเรื่องราว ตัวกราฟิกมีความสวยงาม อาจจะไม่ถึงขั้นสวยที่สุด แต่ก็ดีพอจะให้ดีเทลและภาพของโลก Warhammer 40K ได้ตรงจินตนาการและภาพจำของผู้เล่น ไม่ว่าจะสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ สเกลของสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดต่างกันชัดเจนตรงตาม Lore หรือภาพการรุกรานของกองทัพฝ่ายต่างๆ ที่แม้จะเป็นฉากหลังเสียส่วนใหญ่ แต่สิ่งนี้ช่วยเสริมเติมอารมณ์ระหว่างเล่นได้เป็นอย่างดี

Warhammer

ผมเล่นโหมด Performance บน PS5 ก็ถือว่าทำได้ดีไม่มีติดขัดอะไร อาจมีเฟรมร่วงหรือหน่วงๆ บ้างตอนศัตรูเยอะๆ แต่ก็ไม่มีปัญหา ถึงอย่างนั้นในแง่ความสวยงามก็ต้องบอกว่าอยู่ในระดับพึงใจเท่านั้น เพราะยังพบเห็นการโหลดกราฟิกไม่ทัน หรือปรับลดดีเทลบางอย่างอยู่บ้าง (เช่นสีหน้าตัวละครที่บางคราวอย่างกับเกมเมื่อ 2 เจนที่แล้ว) แม้จะไม่บ่อย แต่ก็แอบเสียอารมณ์ไม่น้อย

ทีนี้หลังเล่นเวอร์ชั่น PS5 จบผมก็ลองมาเล่นบน PC บ้าง ก็พบว่าค่อนข้างต่าง ดีเทลเล็กๆ น้อยๆ มีความคมชัดมากขึ้น เฟรมเรตลื่นไหลหายห่วง พอเฟรมไม่ร่วงก็รู้สึกว่าสู้กับศัตรูได้ดีขึ้น สนุกขึ้นครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับสเปค PC ของคุณด้วยเช่นกัน ถ้าไม่แรงพอ ตัวเลือก PS5 ก็ไม่เลวนะ เพอร์ฟอร์แมนซ์ทุกอย่างอยู่ในเกณฑ์ที่ดี แต่หากคุณมี PC ที่แรงพอ ผมก็ค่อนข้างเชียร์ให้ซื้อใน PC ครับ

เกมเพลย์

ว่ากันตรงๆ แม้จะดุเดือด เลือดสาด ชวนให้อาดรีนาลีนหลั่งขนาดไหน เรื่องที่เกมนี้ทำได้ด้อยที่สุดเมื่อเทียบกับพาร์ทอื่นๆ ก็น่าจะต้องชี้มาที่เกมเพลย์นี่แหละครับ ออกตัวก่อนว่ามันไม่ได้แย่นะ เล่นแล้วไม่ค่อยมีปัญหา และผมก็เป็นคนโอเคกับเกมเส้นตรงแบบ Linear ถ้าหากทำสคริปต์และจังหวะเล่าได้ดีพออยู่แล้ว ซึ่งเกมนี้ก็ทำได้อีกนั่นแหละ เพียงแต่คอร์เกมเพลย์ของมันนั้นมันไม่มีอะไรมากไปกว่าวิ่งและสู้ พอถึงจุดหนึ่งก็ต้องป้องกันเวฟศัตรูเพื่อทำภารกิจ วนลูปไปแบบนี้เรื่อยๆ จนจบเกม

Warhammer

แน่ล่ะว่าการสามารถเปลี่ยนอาวุธได้แทบตลอด กับความสะใจถึงเลือดถึงเนื้อในการกระทืบศัตรู ผนวกกับความยาวที่ไม่มากนักของเกมก็ทำให้ผู้เล่นสามารถรู้สึกเอนจอยกับมันได้ตลอดรอดฝั่ง แต่ทั้งๆ ที่โหมด Co-op ของมันนั้นเต็มไปด้วยการปรับแต่งที่หลากหลาย ฟีเจอร์นี้กลับไม่ถูกใช้ในโหมดเล่นคนเดียวเลย มันแตกต่างอย่างชัดเจนมากๆ อาวุธปรับไม่ได้ สกินปรับไม่ได้ ไม่มีอบิลิตี้เสริม หรือแม้กระทั่งเพื่อนร่วมทีมก็ปรับคลาสไม่ได้เช่นกัน

เป็นไปได้ว่าอาจเป็นข้อจำกัดบางอย่างกับทาง Games Workshop หรืออาจพยายามรักษา Lore หรือไอเดนติตี้บางอย่างของโหมดแคมเปญไว้ แต่กับผมที่ชอบเล่นแคมเปญเกมนี้ก็ได้แต่รู้สึกเสียดายที่ไม่สามารถปรับแต่งกัปตันไททัสและเพื่อนร่วมทีมอีก 2 หน่อในแบบที่ต้องการได้

Warhammer

ขณะที่โหมด Co-op ก็ดูจะเป็นคอนเทนต์ End Game ที่ทีมงานตั้งใจทำมากๆ นอกจากการปรับแต่งที่หลากหลายตามที่ได้บอกไปแล้ว ยังจะมีคอนเทนต์อัปเดตตามมาอีกมากเลยครับ ส่วนรูปแบบแคมเปญซึ่งทีมงานมีการออกแบบให้เป็นเนื้อเรื่องคู่ขนานไปกับเนื้อเรื่องหลักก็ช่วยเสริมความแน่นของเนื้อหาขึ้นไปอีก แต่มันก็มาพร้อมข้อเสียคือหากคนไม่เล่นโหมดนี้เลยก็จะไม่ได้รับเนื้อหาที่ครบถ้วน ไอ้ครั้นจะลองเล่นดูตัวเกมก็เหมือนจะบังคับอีกว่าจำเป็นต้องมีเพื่อนเพื่อมาเล่นด้วยครับ เพราะแม้จะมีบอทให้ใช้แต่แคมเปญถูกออกแบบมาเอื้อให้คนเล่นด้วยกันมากกว่า รู้สึกว่าทีมงานบาลานซ์ตรงนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ในภาพรวมก็อาจไม่ได้ผิดพลาดอะไรนัก แค่ยังอยากย้ำคำเดิมว่าน่าเสียดายไปสักหน่อย

สรุป

Warhammer 40K: Space Marine 2 เป็นเกมที่พกความคลาสสิคของเกมเพลย์มาเต็มรถถังเบย์นเบลด พร้อมยิงแจกจ่ายความสนุกแบบเบิ้มๆ ไปทั่วสารทิศ คือมันไม่ได้มีนวัตกรรมใหม่อะไรมานำเสนอ แต่ก็เพียบพร้อมด้วยความมันส์สะใจแบบง่ายๆ เสริมด้วยการสร้างบรรยากาศของโลก 40K ที่เต็มไปด้วยสงครามในทุกหย่อมหญ้าจนชวนให้เลือดลมฉีดพล่านแบบไม่มีใครเหมือน ก็ไม่แปลกเลยที่เกมนี้จะทำสถิติหลายอย่างนับตั้งแต่เริ่มวางจำหน่ายและได้ใจเกมเมอร์ไปกันถ้วนหน้า เพราะก็อย่างเคย “ถ้าเกมมันสนุกซะอย่าง เรื่องอื่นๆ ก็ไม่สลักสำคัญแล้วครับ”

Warhammer

Warhammer 40K: Space Marine 2 วางจำหน่ายแล้ววันนี้บน PS5, Xbox Series และ PC ครับ


VERDICT
8.5/10

รีวิวบน

  • PS5
  • PC: CPU AMD Ryzen 5500, Nvidia Geforce 4070TI, Ram 32 GB

ติดตามข่าวเกมพีซี/คอนโซลอื่น ๆ ได้ที่ Online Station

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้