รีวิวเกม ELDEN RING Shadow of the Erdtree สู่การผจญภัยครั้งใหม่ในดินแดนแห่งเงาทมิฬที่ท้าทายกว่าครั้งไหน ๆ

หลังจากที่รอคอยกันมาอย่างยาวนาน ในที่สุด ELDEN RING Shadow of the Erdtree เนื้อหาเสริมของสุดยอดเกม RPG อย่าง ELDEN RING ก็ได้วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้วบน PC และคอนโซล ซึ่งหลังจากที่ทางทีมงาน Online Station ได้ลองเล่นร่วม 80 กว่าชั่วโมงต้องขอบอกว่าช่วยเติมเต็มอารมณ์ ความรู้สึกต่าง ๆ ได้อย่างเต็มอรรถรส เรียกว่าคุ้มค่ากับทุกนาทีที่อยู่ในโลกดินแดนแห่งเงาทมิฬแห่งนี้ ส่วนตัวเกมนั้นจะมีรายละเอียดที่น่าสนใจอย่างไรบ้างนั้น ไปติดตามจากบทความรีวิวนี้พร้อมกันครับ…

Shadow of the Erdtree ดินแดนแห่งเงาทมิฬที่ท้าทายในทุกย่างก้าว

ELDEN RING Shadow of the Erdtree เป็นเนื้อหาเสริมสุดยิ่งใหญ่ของ ELDEN RING เกมแนวแอ็คชั่น RPG โดยในครั้งนี้ตัวเกมจะพาเราไปยังดินแดนแห่งเงาทมิฬที่มีความท้าทายในทุกย่างก้าว ผู้เล่นจะได้เดินตามรอยของท่านมิเคร่าไปสู่การผจญภัยครั้งใหม่ ระบบการเล่นหลัก ๆ ยังคงเหมือนเดิม ตัวเกมมอบอิสระให้เหล่าผู้มัวหมองได้ออกผจญภัยและสำรวจไปยังพิ้นที่ต่าง ๆ ได้อย่างอิสระ เพื่อออกค้นหาไอเทมพิเศษ บางครั้งเราจะได้เจอศัตรและบอสรองสุดแกร่งอีกด้วย ถึงแม้ว่านี่จะเป็นเพียงเนื้อหาเสริม แต่กระนั้นในดินแดนแห่งเงาทมิฬแห่งนี้ก็ถือว่ามีขนาดใหญ่และเต็มไปด้วยรายละเอียดต่าง ๆ เยอะมาก ต้องขอชื่นชมว่าทาง FromSofeware นั้นรังสรรค์และออกแบบฉากหลังออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม

ในด้านเนื้อเรื่องของเกมได้มีการเพิ่มประเด็นใหม่ ๆ มีภารกิจของเหล่าตัวละครหน้ามามาให้เราได้ทำอยู่เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือความน่าฉงนที่เหล่าผู้มัวหมองต้องนำมาประติดประต่อผ่านข้อมูลที่ได้จากไอเทมหรือการพูดคุยกับเหล่า NPC นั้น ๆ ซึ่งถือว่าเป็นเอกลักษณ์การเล่าเรื่องของเกม FromSofeware ไปแล้ว

ในส่วนเสริมตัวนี้ยังมาพร้อมอาวุธ ชุดเกราะ คาถา มนตรา เครื่องราง มูฟเซต และอื่น ๆ เพิ่มเติมเข้ามา เพื่อช่วยขยายรูปแบบการเล่นให้มีมิติ มีความหลากหลายขึ้น อีกทั้งการเข้าไปสำรวจยังดันเจี้ยนต่าง ๆ อย่างสุสาน คุกใต้ดินและอื่น ๆ นั้นถือว่าเป็นอีกหนึ่งส่วนที่เพิ่มความสนุก น่าค้นหา และเผชิญหน้ากับบอสที่สุดท้าทายมากมายหลายตัว ซึ่งในครั้งนี้ขอบอกว่าไม่ง่ายเลยกว่าจะผ่านได้!

ระบบเกมเพลย์ยังคงเอกลักษณ์ในเรื่องความโหดหิน (กว่าเดิม)

ต้องยอมรับว่า ELDEN RING Shadow of the Erdtree นั้นไม่เหมาะกับผู้มัวหมองหน้าใหม่ที่เพิ่งหัดมาลองเล่นส่วนเสริมนี้ ผมอยากแนะนำว่าให้เล่นเนื้อเรื่องภาคหลักจบก่อนก็จะดีไม่น้อย เพราะจะทำให้เราได้คุ้นชินกับความยากจากเหล่าบอสในดินแดนมัชฌิมาก่อนที่จะเข้ามาในดินแดนแห่งเงาทมิฬ เพราะบอกเลยเหล่าศัตรูและบอสในส่วนเสริมตัวนี้นั้นถูกยกระดับให้มีความท้าทายและยากกว่าเกมภาคหลักเอามาก ๆ พวกมันมักจะจู่โจมด้วยท่าคอมโบติด ๆ กัน ไม่ให้เราได้พัก แถมบางทีศัตรูบางตัวก็หลบอยู่ในจุดอับที่ยากแก่การต่อสู้

ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ในเกมหลัก ตัวละครของเราจะเทพเพียงไหน แต่เมื่อย่างก้าวเข้ามาในดินแดนแห่งเงาทมิฬนี้แห่งนี้ดูเหมือนว่ามันไม่ค่อยช่วยให้การผจญภัยในครั้งนี้ราบรื่นเท่าไหร่นัก เห็นได้จากตัวเองนี่ละ (555+) ที่อัปเกรดตัวละครเเบบจัดเต็ม เลเวลเกือบ 170 จัดหนักด้วยอาวุธ ชุดเกราะ แบบเต็มพิกัดอย่าง ดาบใหญ่จันทร์ดับ +10, คทาหินจรัสลูซัท +10, เวทย์คู่ใจ และธุลีสงคราม +10 แต่ก็ไม่วายที่จะโดนศัตรูตามทางตบไม่กี่ทีก็ต้องไปเกิดที่จุดพรใหม่ ยิ่งถ้าได้ลองเผชิญหน้ากับเหล่าบอสในช่วงท้าย ๆ เกมแล้วละก็ บอกเลยว่าพวกมันโจมตีแบบรุนแรงมาก พร้อมด้วยท่วงท่าคอมโบสุดโหด แบบว่าไม่มีช่องว่างให้เราซัดกลับเลย ตรงจุดนี้ทำให้บางครั้งคิดว่ามันโหดร้ายเอามาก ๆ แบบว่าไม่รู้จะหลบยังไงดีก่อน ทำให้บางคนอาจจะรู้สึกว่า Shadow of the Erdtree มันยาก ตึงมือเอามาก ๆ ทำให้เล่นเกมนี้ไม่สนุกและอาจจะเลิกเล่นไปเลยก็ได้

โดยในช่วงแรกที่ผมเข้ามาในดินแดนแห่งนี้ บอกเลยว่าท้อมาก ๆ แต่หลังจากนั้นปรับเปลี่ยนวิธีการเล่นใหม่ คอยเก็บพวก “ธุลีวิญญาณ” และ “เศษพฤกษาเงา” ที่จะช่วยเพิ่มพลังโจมตีและพลังป้องกันภายในฉาก (ต้องออกค้นหาภายในฉาก) ค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนแนวการเล่น เช่น เปลี่ยนมาใช้อาวุธอื่น ใช้มนตรา หรือเครื่องรางอื่น ๆ พร้อมออกสำรวจพื้นที่ไปเรื่อย ๆ ตรงจุดไหนที่รับมือยากก็ถอยไปตั้งหลัก ไปสำรวจตรงจุดอื่น ๆ ก่อน เป็นต้น ทำให้ผู้มัวหมองไร้ฝีมืออย่างผมสามารถพอฟัด พอเหวี่ยงได้ แต่ก็ต้องใช้เวลานานในการปรับตัวพอสมควร หึหึ..

ช่วงการเผชิญหน้ากับบอสนี่ต้องขอบอกว่าท้าทายและใช้ความอดทนในการเล่นอย่างมากเลยทีเดียว บอสแต่ละตัวนั้นก็จะมีท่วงท่าและรูปแบบการต่อสู้ที่มีเอกลักษณ์ พร้อมท่าไม้และการจู่โจมหนักแบบต่อเนื่อง บางตัวทำเอาผมต้องออกจากเกมไปพักไปสัก 2-3 ชั่วโมงก่อน รอให้หัวอุ่น ๆ ก่อนแล้วกลับมาสู้ใหม่ 555+ (สุดท้ายก็ทำเอาหัวร้อน ก่อนที่จะผ่านไปได้)

แม้ว่าตัวเกมจะไม่มีระบบปรับความง่าย-ยากภายในเกม แต่กระนั้นเหล่าผู้มัวหมองก็มีทางเลือกในการที่จะวัดความท้าทายในการเล่น เช่น บางคนอาจจะไม่อยากใช้ซัมมอนในการช่วยเล่น บางคนอาจจะตั้งปนิธานในใจว่าจะอัปเกรดตัวละครให้เลเวลไม่เกินเท่าไหร่ หรือบางคนเลือกจะเล่นแบบสนุก ๆ คือ ให้เพื่อน ๆ ช่วยสู้กับบอสหรือหาผู้มัวหมองคนอื่น ๆ ช่วยในการเล่น เลือกใช้ธุลีสงคราม เพื่อให้ไม่ต้องเหนื่อยและกดดันมากนัก ทำให้เกมนี้นั้นมอบทางเลือกให้กับเหล่าผู้เล่นว่าต้องการเล่นเกมนี้ในรูปแบบอย่างไร

ถึงแม้ว่า ELDEN RING Shadow of the Erdtree จะไม่เหมาะกับเกมเมอร์ทุกคน เพราะเกมนี้นั้นมีความโหดหินในทุกย่างก้าว และจำเป็นต้องใช้ความอดทนในการเล่น (ผมโดนศัตรูข้างทางตบตายอยู่บ่อยครั้ง 55+) แต่เชื่อเถอะครับว่า เมื่อลองได้ฟันฝ่าอุปสรรคต่าง ๆ ที่ตัวเกมถาโถมซัดใส่มาให้ได้สำเร็จ (ผ่านการคิดวิเคราะห์และตายซ้ำ ๆ หลาย ๆ รอบ) เราจะรู้สึกถึงความภาคภูมิใจที่สามารถผ่านจุดนั้นมาได้ ถือเป็นสิ่งที่ทางผู้พัฒนาและตัวเกมนั้นคอยสอนผู้ที่เล่นเกมในแนวนี้ได้อย่างดี

กราฟิกและระบบเสียงที่ถูกออกแบบมาได้อย่างยอดเยี่ยม

นอกจากเกมเพลย์ที่ถือว่าเป็นจุดเด่นของ ELDEN RING Shadow of the Erdtree แล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่โดดเด่นไม่แพ้กันเลยคือ ระบบกราฟิกที่มีความสวยงาม สมจริง ทีมงานใส่ใจในทุก ๆ รายละเอียด รวมถึงการออกแบบแผนที่ สภาพแวดล้อม หรือดันเจี้ยนต่าง ๆ ภายในเกมได้ออกมาอย่างยอดเยี่ยม มันมีความซับซ้อน มีมิติ และงดงามอย่างลงตัว ภายในเกมเราจะได้เห็นฉากที่เต็มไปด้วยงานศิลป์ สิ่งก่อสร้าง ซากปรักหักพังต่าง ๆ เเสงเงาที่ดูมีมิติ ความหลากหลายทางภูมิศาสตร์ บรรยากาศในดันเจี้ยนที่กดดัน บางสถานที่ที่ออกสำรวจแล้วดูเพลิดเพลิน บางสถานที่ที่ได้ไปเยือนรู้สึกหลอน ๆ ก็มี เรียกว่าทีมงาน FromSofeware นั้นรังสรรค์ตรงจุดนี้ได้ดีมาตลอด และใน ELDEN RING Shadow of the Erdtree ก็ไม่ทำให้ผิดหวังเช่นเดียวกัน

ซึ่งตรงจุดนี้มันช่วยเพิ่มอรรถรสในการเล่นได้เป็นอย่างดี เห็นแล้วทำให้รู้สึกถึงผลงานเก่า ๆ ที่ยังมีมนตร์ขลังอย่างในซีรีส์ Dark Souls ยังไงยังงั้นเลย เรียกว่ายังคงเป็นชิ้นงานที่เป็นเอกลักษณ์ของทาง FromSofeware ที่ยากจะหาใครมาเปรียบเทียบเลยก็ว่าได้ครับ

ส่วนเพลงประกอบภายในเกมถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่ช่วยความน่าสนใจให้กับตัวเกมเป็นอย่างมาก ยิ่งเวลาได้เจอกับบอสนี่ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่น่าประทับ เพราะเพลงประกอบแนวออเคสตร้าสุดคลาสสิคนั้นช่วยเพิ่มน่าตื่นเต้น ฮึกเหิม อลังการ แฝงอารมณ์ความรู้สึกที่หลากหลายในการเล่น ถือว่าเป็นตัวชูโรงให้เกมมีความน่าเล่นได้เป็นอย่างดี

อีกสิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกชอบไม่แพ้กันนั่นก็คือ “ระบบบรรยายภาษาไทย” ภายในเกมที่มีการรักษามาตรฐานได้ดีเสมอมา ทีมงานรู้จักสรรหาคำและนำมาใช้ในบริบทต่าง ๆ ได้อย่างดี แปลภาษาจากต้นฉบับและนำมาใช้ได้ในรูปแบบภาษาไทยอย่างสละสลวย น่าประทับใจ ต้องขอชื่นชนทีมงานในส่วนนี้จากใจจริงเลยครับ

บทสรุปส่งท้าย

สำหรับใครที่เป็นแฟนเกมของทาง FromSofeware แล้วนั้น ELDEN RING Shadow of the Erdtree คือเกมที่คุณต้องสัมผัส มันคือเกมที่ยอดเยี่ยมในทุก ๆ ด้าน เป็นชิ้นงานที่ตกผลึกไปทุก ๆ ส่วน แม้ว่าตัวเกมจะไม่ค่อยได้นำเสนอระบบการเล่นที่ก้าวกระโดดไปจากภาคหลักอย่างชัดเจนสักเท่าไหร่นัก รวมถึงปัญหาทางด้านเทคนิคบางอย่าง แต่ด้วยการนำเสนอด้านเนื้อเรื่องที่ซับซ้อน เกมเพลย์สุดท้าทาย การออกสำรวจในโลกดินแดนแห่งเงาทมิฬที่น่าตื่นเต้น ระบบกราฟิก เสียงประกอบ และงานศิลป์ภายในเกมที่ถูกออกแบบมาได้อย่างดีและใส่ใจทุกรายละเอียด รวมถึงองค์ประกอบอื่น ๆ ถือว่าโดยรวมแล้ว ELDEN RING Shadow of the Erdtree นั้นสร้างประสบการณ์การเล่นที่ยอดเยี่ยมเพิ่มเติมจากเกมภาคหลักและนี่อาจจะเป็นเกมเนื้อหาเสริมยอดเยี่ยมแห่งปีนี้ก็เป็นได้

โดยส่วนตัวผมคิดว่านี่คือการผจญภัยที่รู้สึกว่าท้าทายและตึงมือกว่าทุก ๆ เกมของทาง FromSofeware เลยทีเดียว การเผชิญหน้ากับบอสที่ใช้เวลานานมาก ๆ กว่าจะผ่านได้ แต่เราก็จะรู้สึกภาคภูมิใจในทุก ๆ ครั้งที่สามารถผ่านอุปสรรคเหล่านั้นมาได้ เหมือนกับเกมนี้ได้สอนเราว่าควรรับมือกับปัญาที่พบเจอนั้นอย่างไร และไม่ต้องแปลกใจเลยครับ หากผมให้คะแนนเกมนี้อยู่ที่ 9/10 เพราะมันดีจริง ๆ แต่อย่าได้เชื่อเด็ดขาด ยังไงถ้ามีโอกาสอยากให้เพื่อน ๆ ลองหามาเล่นดู เพราะอย่างที่บอกไปข้างต้นว่า เกมนี้นั้นไม่เหมาะกับเกมเมอร์ทุกคน ยังไงเสียก็อย่าได้ยอมพ่ายแพ้ในอุปสรรคที่พบเจอ จงใช้ความอดทน ไหวพริบ และกลวิธีต่าง ๆ เข้าต่อสู้ เราก็จะหาหนทางผ่านมันมาได้ครับ

สุดท้ายขอให้ผู้มัวหมองทุก ๆ ท่านมีความสุขในการเล่นเกม ELDEN RING Shadow of the Erdtree ส่วนเสริมตัวสุดท้ายและตัวเดียวของเกม ELDEN RING พร้อมสนุกเพลิดเพลินไปกับการผจญภัยเดินตามเส้นทางของท่านมิเคร่าและหวังว่าเกมต่อไปของทาง FromSofeware จะได้รับการเปิดตัวเร็ว ๆ นี้นะ 555+