รีวิวเกม Stellar Blade – ก้าวแรกที่พร้อมไปต่อบนคอนโซลของ SHIFT UP

Stellar Blade เป็นเกมที่มีกระแสค่อนข้างแรง และเป็นที่พูดถึงกันอย่างมากจากหลายๆ เรื่องราวในวงการ เรียกว่าเจอมรสุมตั้งแต่ยังไม่วางจำหน่าย แต่ขณะเดียวกันมันก็ทำให้คนที่ไม่เคยจะสนใจหันกลับมามองและพร้อมจะสนับสนุนด้วยเช่นกัน 

ทั้งนี้ตัวเกมถูกพัฒนาโดย SHIFT UP ทีมพัฒนาสัญชาติเกาหลีใต้ ซึ่งแม้จะมีผลงานโด่งดังมาก่อน แต่มันก็เป็นเกมบนมือถือซึ่งมีความแตกต่างในหลายๆ ด้าน Stellar Blade จึงถือเป็นชิ้นงานเดบิวต์บนโลกเกมคอนโซลของพวกเขา ซึ่งว่ากันตามตรงหลายๆ คนก็คงจะอดเป็นห่วงไม่ได้ โดยเฉพาะตัวอย่างโปรโมทช่วงหลังๆ ที่ออกจะดูธรรมดาไปสักนิดเมื่อเทียบกับตอนเปิดตัวแรกๆ ซึ่งสร้างความฮืฮฮาได้มากกว่า 

ทว่าพอตัวเกมปล่อยเดโมออกมาให้ลองกัน มันก็แทบจะลบทุกข้อกังวลไปเลย เพราะเบื้องต้นเห็นได้ชัดว่าเกมสอบผ่านในเกือบทุกอย่าง และทำให้หลายๆ คนแทบจะรอเล่นตัวเต็มไม่ไหว

ส่วนตัวผมเองมีความสนใจเกมนี้มาตั้งแต่แรก และเมื่อได้ใช้เวลาไปกว่า 40 ชั่วโมงจนจบ แม้อาจจะเก็บไม่ครบ แม้อาจจะพบรอยแผลบางประการ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Stellar Blade เป็นเกมแอคชั่นที่สนุกและมีความน่าสนใจในตัวเองสูง นี่คืองานเดบิวต์ที่ทีมพัฒนา SHIFT UP สามารถยืดอกได้อย่างภาคภูมิใจ และทำให้ผู้เล่นรับรู้ได้เลยว่าพวกเขาพร้อมจะก้าวสู่ขั้นถัดไปแล้ว

Stellar Blade

เนื้อเรื่อง

Stellar Blade จะเล่าเรื่องของตัวเอกอย่าง Eve หนึ่งในพลร่มที่ถูกส่งลงมาทำสงครามกับเหล่า เนติบา สัตว์ประหลาดน่าเกลียดน่ากลัวที่ยึดครองพื้นผิวโลกไว้อย่างหนาแน่น ซึ่งแน่นอนว่า Eve ไม่ได้มาคนเดียวเพราะพลร่มนั้นร่วมโดดกันเป็นกองทัพ ทว่าพวกเธอต้องเผชิญการต่อต้านจากเหล่าเนติบาอย่างหนัก จนสุดท้ายแม้แต่ตัว Eve เองก็เกือบจะไม่รอด แต่ได้ Adam ชายหนุ่มปริศนามาช่วยไว้เสียก่อน และจากนั้นการผจญภัยที่จะนำไปสู่บทสรุปที่เปลี่ยนชะตาของทั้งดวงดาวก็ได้เริ่มต้นขึ้น

ตัวเกมไม่ได้มีตัวละครเยอะมากมายครับ และจะโฟกัสไปที่ตัวของ Eve เท่านั้น แม้จะมีเพื่อนร่วมทางอีก 2 คนแต่ทั้งคู่จะไม่ได้ลงสนามจริงและทำหน้าที่ให้คำปรึกษาหรือข้อมูลมากกว่า ช่วงแรกๆ เราอาจจะยังไม่ได้รู้สึกว่าเวิร์ลเซ็ตติ้งมันน่าสนใจอะไรนัก ต่อเมื่อเล่นไปเรื่อยๆ และเริ่มปะติดปะต่อจิ๊กซอว์ตามทาง ทั้งจากการบอกเล่าของ NPC หรือเอกสารต่างๆ ก็จะพบว่า Lore เกมนี้น่าติดตามไม่ใช่น้อย และผู้เล่นจะเริ่มได้ตั้งคำถามไปพร้อมๆ กับตัวละครว่าสถานการณ์ที่เผชิญอยู่นี่มันใช่ใช่ไหม?

ผมใช้เวลาเล่นไป 40 ชั่วโมงเพื่อเก็บเควสต์ย่อยส่วนใหญ่ไปด้วย แต่หากเล่นเอาแค่เนื้อเรื่องจริงๆ ก็น่าจะอยู่ที่ 15-20 ชั่วโมง ไม่สั้นไม่ยาวจนเกินไป แต่ยังไงก็อยากจะแนะนำให้เก็บเควสต์ย่อยอื่นๆ อยู่ดี เพราะมันจะช่วยบอกเล่าและเสริมสร้างเรื่องราวของจักรวาล Stellar Blade ได้อย่างดี กระนั้นตัวละครเสริมบางตัวก็ดูมีโพเทนเชี่ยลที่น่าสนใจ แต่เกมกลับไม่ได้บอกเล่าเรื่องราวหรือให้ซีนพวกเขาได้เยอะพอ แม้ที่สุดแล้วอาจจะมองเป็นข้อสังเกตไม่ได้ขนาดนั้น แต่ก็นับเป็นความน่าเสียดายอยู่ประมาณหนึ่ง

ในภาพรวม Stellar Blade เปิดเกมได้อย่างน่าสนใจด้วยซีนเล่าเรื่องยิ่งใหญ่อลังการ โลกของเกมก็มีรายละเอียดมากมายกว่าที่คิดหากได้ลองค้นหา แม้อาจจะไม่ได้มีความใหม่มากมาย และการเล่าเรื่องบางจุดก็ดูธรรมดาไปสักหน่อย แต่หลังเล่นจบก็ยังรู้สึกสนุกและไฮป์ต่อได้อย่างไม่ติดขิดตะขวงแต่อย่างใด

เสียง

สิ่งที่แอบน่าเสียดายไปสักหน่อยคือการที่ตัวเกมมีเสียงญี่ปุ่นเฉพาะในญี่ปุ่นเท่านั้น ชณะตัวเกมที่ขายแบบ Global จะไม่มี ซึ่งจากจุดนี้คิดว่าเกมเมอร์ไทยก็น่าจะเลือกเปิดกันอยู่ 2 ภาษานั่นก็คืออังกฤษและเกาหลีต้นฉบับ ส่วนตัวผมแล้วในเมื่อมันคือเกมเกาหลีก็อยากเล่นแบบที่เป็นภาษาเขาสักหน่อย ซึ่งผมว่าไม่แย่ แต่มันไม่ได้ส่งอะไรให้สถานการณ์ในเนื้อเรื่องเท่าไหร่ ไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องของสไตล์ หรือตัวผมเองอาจจะติดความเอะอะมะเทิ่งของพากย์ญี่ปุ่นมารึเปล่า จึงรู้สึกว่าเสียงเกาหลีนั้นพากย์ได้เนิบเบาอยู่พอสมควร และไม่ค่อยมีฟีลลิ่งในซีนอารมณ์มากนัก มันจึงราบเรียบไปสักหน่อย แต่ก็ยังสามารถเปิดฟังจนจบเกมได้นะ แค่ไม่ได้โดดเด่นมากนัก

ในขณะที่เพลงประกอบนี่ของดีมากๆ เลย มีหลายเพลงที่ติดหูเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน นอกจากจะช่วยให้เกมไม่เหงาเกินไปแล้วยังส่งอารมณ์ระหว่างเล่นได้พอสมควร ส่วนเสียงประกอบทั่วไปก็ทำได้ดี อย่างเสียงตอนแพรี่ก็หนักแน่น หรือตอนที่เกมเปลี่ยนไปเป็นฟีลลิ่ง Horror นิดๆ เพื่อตัดอารมณ์ก็ทำได้ไม่แย่ หลอนใช้ได้ทีเดียว

กราฟิกและเพอร์ฟอร์แมนซ์

Stellar Blade มีโหมดเกมให้เลือกเปิดอยู่ 3 ระดับคือเน้นประสิทธิภาพ, สมดุล และเน้นความละเอียด ซึ่งเกมจะดีฟอลต์สมดุลมาให้ผมก็เลือกอันนั้นแหละ พบว่าเล่นได้ไม่มีปัญหาเลย อาจจะไม่แน่ใจนักว่าได้ 60 FPS ตลอดไหม แต่ไม่มีเฟรมร่วงจนน่าเกลียดและไม่ใช่ 30 FPS แน่นอน กราฟิกที่ได้จึงน่าประทับใจมากๆ โมเดลละเอียด แสงเงาดูดี เอฟเฟกต์ตูมตามอลังการสุดๆ ถ้าจะมีอะไรปลอมจนน่ารำคาญไปหน่อยเพียงอย่างเดียวก็คือผมหางม้าของ Eve นี่แหละ ซึ่งผู้เล่นสามารถปรับเป็นหางม้าแบบสั้นหรือยาวได้ และผมเลือกเล่นแบบสั้นแทบทั้งเกม เพราะนอกจากจะไม่ดูพะรุงพะรังแล้ว มันยังยาวพอจะมัดใจผู้เล่นได้อยู่เหมือนกัน

นอกจากภาพสวยเล่นลื่นแล้ว ที่ต้องชมคือการออกแบบฉากได้สวยงามตระการตามากๆ มันมีทั้งความใหญ่โต และรายละเอียดสถาปัตยกรรมที่เห็นแล้วรู้สึกได้ว่าไม่ได้ทำฉากออกมาลวกๆ มีสตอรี่และเรื่องเล่าอยู่ในนั้น บางจุดอาจมีเนียนรียูสออบเจ็คบ้างแต่ก็ไม่ได้น่าเป็นประเด็นอะไร สิ่งที่ต้องขายก็พรีเซนต์ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย

อย่างเช่นโมเดลของ Eve ที่มีความละเอียดกว่าชาวบ้านชาวช่องชัดเจน คุณสามารถเปลี่ยนผมด้านหน้าหรือชุดให้เธอได้ แต่สิ่งที่ยังอยู่อย่างจีรังและยั่งยืนคือผมหางม้า ทั้งนี้แม้จะมีเรื่องที่เป็นประเด็นและถกเถียงกันมากมาย แต่ Stellar Blade ก็ชัดเจนในไดเรคชั่นตัวเองและรู้ตัวดีว่าจะขายให้ใคร ดังนั้นแล้วในหลายๆ แง่พวกเขาจึงไม่ขอกั๊ก ไม่ขอเซนเซอร์ใดๆ เหล่าแมนออฟคัลเจอร์จะได้ยิ้มอย่างปลื้มปริ่ม นี่คือเกมที่เข้าใจพวกเขาอย่างถ่องแท้ จนรู้สึกอยากเชียร์ให้ทีมงานใส่อารยธรรมเข้ามาเพิ่มอีกสิแค่นี้มันจะไปพออะไร!?

ขณะที่การออกแบบมอนสเตอร์ก็มีหลายชนิด หลายประเภท มีความน่าสนใจในตัวเอง หลายๆ ตัวเป็นพวกแนวเทนทาเคิล ไม่รู้จะสื่ออะไรไหม แต่ก็มีความน่ากลัวสยดสยองอยู่ในที จะมีข้อสังเกตสักหน่อยตรงส่วนของการแสดงอารมณ์บนใบหน้าที่แอบคิดว่าควรทำได้ดีกว่านี้สักหน่อย โดยเฉพาะกับตัวละครชายอย่าง Adam ที่ด้อยกว่าใครเพื่อนชัดเจนในหมู่ตัวละครหลัก 3 ตัว อย่างไรก็ตามในแง่ของกราฟิกองค์รวมผมถือว่า Stellar Blade ทำได้ดีมากๆ และทาง SHIFT UP น่าจะสามารถต่อยอดจากงานนี้ไปได้อีกยาว

เกมเพลย์

Stellar Blade เป็นเกมแอคชั่นที่เรียกได้ว่าหยิบยืมเอเลเมนต์ของเกมแอคชั่นรุ่นพี่หลายๆ เกมมาผสานเป็นของตัวเองได้อย่างน่าสนใจ ตัวเกมมีความยากประมาณหนึ่ง อาจไม่เท่าเกมโซล แต่ก็ประมาทไม่ได้ ผู้เล่นต้องพยายามมีสมาธิกับมัน เพราะศัตรูที่คุณเคยฆ่าง่ายๆ ในไฟต์ต่อมามันอาจจะเก็บคุณได้ง่ายๆ เช่นกัน ตัวเกมมีเควสต์เนื้อเรื่องกับเควสต์ย่อยและเควสต์ตามป้ายประกาศ ซึ่งจะกระตุ้นให้ผู้เล่นได้ออกไปสำรวจฉากเก่าๆ ในจุดที่อาจจะเป็นความลับหรือไม่เคยไปมาก่อน

ทั้งนี้ฉากในตัวเกมจะแบ่งเป็นสองประเภท คือฉากเส้นตรงเป็นด่านๆ แบ่งแอเรียกันไป กับฉากแบบมาเป็นแผนที่ใหญ่ให้ออกสำรวจ ซึ่งจะมีทั้งความลับและไอเทมรอให้ผู้เล่นนักสำรวจได้ไปพบเจอ การสำรวจแผนที่ใหญ่นั้นก็ถือว่ากินเวลาเอาเรื่องอยู่เพราะมันกว้างจริงและมีอะไรให้สำรวจเยอะพอสมควร ตัวเกมสามารถเวจน้ำหนักการแบ่งประเภทของฉากได้ดีเลย เพราะมันช่วยตัดอารมณ์ไม่ให้ผู้เล่นรู้สึกเบื่อเกินไปนัก

ทั้งนี้ตัว Eve สามารถเก่งขึ้นได้โดยการปลดล็อคผังสกิลและหาไอเทมมาอัปเกรดหลอดเลือด เกราะ และดาบ มีเรื่องตัวเลขสเตตัสน้อยมาก เพราะงั้นใครที่ห่วงว่าเกมจะเป็น RPG เกินไปก็หายห่วงครับ แทบไม่มีเลยแหละ ตัวเกมยังมีมินิเกมให้เล่นพอเพลินๆ แต่ปริศนาบางอย่างก็รู้สึกยากเกินธีมเกมไปหน่อย แทบจะเป็นเกมพัซเซิลแล้ว ยังดีที่มันอยู่ในเควสต์เสริมที่จะทำหรือไม่ทำก็ได้

ระบบต่อสู้น่าจะเป็นประเด็นสำคัญที่หลายๆ คนอยากรู้ ว่ากันตรงๆ เลยคือทำได้ดีทีเดียว แต่มันยังไม่สุดแปลกๆ คือมันมีคอมโบที่ลื่นไหล พวกท่าไม้ตายก็จัดจ้านสะใจดี เพียงแต่พอเกมเหมือนจะเน้นให้แพรี่มากกว่าหลบความแม่นยำในการควบคุมจึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งเหมือน Stellar Blade จะถูกออกแบบให้การออกแอคชั่นมันมีความหน่วงในจังหวะแรกระดับหนึ่ง ทำให้ในหลายๆ ครั้งมันจับจังหวะได้ลำบากไปสักนิด จะเห็นได้ชัดตอนกดแพรี่ที่ตัว Eve จะดีเลย์ไปประมาณครึ่งวินาทีในการยกดาบขึ้นมาป้องกัน ทำให้ต้องปรับตัวกันประมาณหนึ่งจึงจะเริ่มชินมือขึ้นมาบ้าง

ข้อสังเกตส่งท้ายคือการไต่ระดับความยากของเกมที่ผมรู้สึกว่า Stellar Blade ทำได้ดีมาตลอดจนกระทั่งเจอบอสในแผนที่สุดท้ายซึ่งตัวเลขความยากเหมือนจะโดดจาก 3 ไป 5 ไป 7 ยังไงยังงั้น คือตึงแบบก้าวกระโดดจนร้อนไปหลายช็อต โดยเฉพาะบอสตัวสุดท้ายที่แม้จะได้สู้โดยที่อัปเกรดมาเต็มทุกระบบแล้วก็ยังรู้สึกว่ายากเกินเบอร์ไปมากๆ เร็ว ถึก อึด ทน เรียกว่าท้าทายกันจัดๆ หากใครชอบความทรมาณบันเทิงก็จัดไป แต่หากไม่ไหวก็ลองลดความยากลงมาดูได้นะ ตัวเกมมีทางเลือกให้ครับ

สรุป

Stellar Blade ไม่ใช่เกมที่เพอร์เฟกต์ แต่ก็เป็นเกมที่ใช้คำว่าสนุกมากๆ ได้อย่างไม่ติดอะไร ที่สำคัญคือมันเป็นงานที่จริงใจและชัดเจนในตัวเอง ไม่มีลังเล รู้ว่าจะขายให้ใครก็เสิร์ฟคอนเทนต์ที่ลูกค้าจะชอบให้จุกๆ เมื่อไดเรคชั่นชัดเจนขนาดนี้ ความสเน่หาต่อตัวเกมจึงมีอย่างเต็มเปี่ยมพร้อมบวกคะแนนจิตพิสัยให้รัวๆ เพราะก็อย่างเคยเมื่อเกมมันสนุก เรื่องอื่นใดก็ไม่ได้ชัดเจนอะไรในความทรงจำนักแล้วครับ

Stellar Blade

อ้อ! และที่สำคัญคือ Stellar Blade เป็นอีกเกมที่รองรับซับไตเติ้ลภาษาไทยนะครับ อาจจะมีงงๆ เรื่องสรรพนามบางจุด (เข้าใจว่าต้องแปลโดยไม่เห็นเกมจริง) แต่ภาพรวมคือรู้เรื่องแน่นอน และทำให้เราเข้าถึงเกมได้มากขึ้นจริงๆ ครับ

Stellar Blade มีกำหนดวางจำหน่ายวันที่ 26 มีนาคมนี้ บนเครื่อง PlayStation 5 ครับ

VERDICT
8/10

Stellar Blade

ข้อคิดเห็นเพิ่มเติมไม่คิดคะแนนรวมนรีวิวจากหางม้า Maniac ท่านหนึ่ง

– ผมรู้สึกว่าทั้งรักทั้งชัง Stellar Blade พวกเขาให้นางเอกอย่าง Eve ไว้ผมหางม้าทั้งเกมนั่นคือสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุด เป็น GOTY element ที่มองข้ามไม่ได้ ทั้งในเกมยังสามารถปรับสั้นยาวได้อีกต่างหาก แต่รู้อะไรไหม? เท่านั้นมันยังอ่อนหัดนัก! นอกจากการไว้ผมหางม้าแบบยาวจะชวนให้ดูพะรุงพะรังน่าหงุดหงิดคล้ายบังคับกลายๆ ให้เราต้องฝืนใจไปไว้หางม้าแบบสั้นทั้งเกมแล้ว พวกเขากลับไม่มีหางม้าทรงอื่นให้เลือกใช้เลย เราต้องการทางเลือกอย่างการ มัดสูง มัดกลาง มัดต่ำ รวบแค่ปลายผม ไซด์เทล ฯลฯ พวกเขาควรใส่ตัวเลือกออพชั่นเหล่านี้เข้ามาด้วยสิ

ถึงอย่างนั้น เรื่องที่ชวนให้ร้าวรานระทมใจที่สุดก็คือการเปลี่ยนทรงผมด้านหน้า แน่ล่ะว่าจริงๆ แล้วมันเป็นเรื่องยอดเยี่ยมที่ได้เปลี่ยนสไตล์ทรงผมด้านหน้าเพื่อหาฟอร์มูล่าที่จะสอดรับกับการมัดผมด้านหลังอันถือเป็นอารยธรรมขั้นสูงสุดของมนุษยชาติได้อย่างลงตัว หากทว่าในหลายๆ ทรงผมกลับเป็นทรงที่ดูปราดเดียวก็รู้แล้วว่ามันไม่ใช่การรวบ จนก่อเกิดความรู้สึก “ถ้าไว้ทรงนี้ไม่มีหางม้าจะดีกว่าล่ะมั้ง?” 

คุณสร้างสถานการณ์แบบนั้นขึ้นมาได้อย่างไร?

แบบนี้มันเหมือนกับว่าหางม้าเป็นแค่องค์ประกอบหนึ่งที่มีไว้เป็นกิมมิค หรือไม่ได้สลักสำคัญอะไรเสียอย่างนั้น ทำราวกับมันไม่มีหรือไม่ควรมีตัวตน ทั้งๆ ที่มันคือแก่นหลักของเกมแท้ๆ ไม่เช่นนั้นคุณจะสร้าง Eve ให้มีผมหางม้าให้โหมเราได้ดีอกดีใจทำไม ผมรู้สึกเลยว่านี่มันอาจไม่ต่างกับโศกนาฎกรรม เป็น Tragedy ที่อาจนำไปสู่จุดจบของโลกอย่างแท้จริง


ติดตามข่าวเกมพีซี/คอนโซลอื่น ๆ ได้ที่ Online Station

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้