ในปัจจุบันนั้นเกมเมอร์อย่างเราๆ หรืออย่างน้อยก็หลายๆ ท่านน่าจะเคยผ่านเกมแนวๆ survival open world กันมาไม่มากก็น้อยนะครับ แน่นอนว่าแต่ละเกมก็พยายามจะนำเสนอจุดเด่น หรือจุดที่แตกต่างของตัวเอง นอกไปเสียจากคอร์เกมเพลย์อันเป็นพื้นฐานเบื้องต้นของเกมแนวนี้
แต่จะมีสักกี่เกมที่ชูความต่างออกมาได้ชัดเจน หรือนำเสนอความโดดเด่นออกมาได้โดดเด้งและชวนให้รู้สึกว่านี่คืองานเกมที่ตั้งใจทำ ไม่ได้เป็นผลงานแบบขอไปทีเพื่อมาหลอกแฟนเกมแนวนี้ให้เสียเงินซื้อมาเล่นแค่แป๊บเดียวคอนเทนต์ก็หมดก๊อก
ดังนั้นผมจึงอยากแนะนำให้รู้จักกับ Enshrouded เกมแอ็คชั่น RPG ผสมผสาน survival open world น้องใหม่ ที่เพิ่งวางจำหน่ายแบบ early access เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาในรีวิวนี้ให้รู้จักกันครับ
เพราะ Enshrouded จะนำพาผู้เล่นไปประสบพบกับประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นในโลกอันกว้างใหญ่ ซึ่งมีคอนเทนต์ต่างๆ มากมายไม่หวาดไม่ไหวรอให้ได้ไป สำรวจ ต่อสู้ และคิดอ่านอย่างสร้างสรรค์เพื่อเอาตัวรอด ไม่ว่าจะตัวคนเดียวหรือกับเพื่อนๆ และที่สำคัญคือรองรับภาษาไทยอีกต่างหาก!
ถ้าพร้อมจะรู้จัก Enshrouded กันแล้ว ก็ไล่สายตาตามมาด้านล่างได้เลย!
เนื้อเรื่อง
ผู้เล่นจะได้รับบทเป็น Flameborn แสงสว่างสุดท้ายของมวลมนุษยชาตินี้ที่กำลังจะสิ้นสุดลง ภารกิจของเราคือกอบกู้อาณาจักร Embervale ที่ล่มสลาย เหตุจากความโลภ ความริษยา และภัยร้ายที่มาพร้อมกับหมอก ซึ่งนอกเหนือจากการกอบกู้เหล่ามวลมนุษย์แล้ว ตัวเราเองจะยังต้องค้นหาความจริงด้วยว่า มันเกิดอะไรขึ้นกับดินแดนกันแน่ ถึงเต็มไปด้วยสัตว์ร้ายซึ่งแฝงเร้นกายอยู่ในหมอกควันที่แผ่กระจายไปทั่วนี้
เสียง
ด้วยความที่ตัวเกมนั้นมีความเป็น Open World ดังนั้นระบบเสียงแบบแบ่งแยกซ้ายขวาหน้าหลังจึงถือเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะเวลาที่ผู้เล่นต้องออกตะลุยดันเจี้ยนซึ่งมีอันตราย การระแวดระวังหน้าหลังก็ถือเป็นเรื่องที่ผู้เล่นอย่างเราๆ นั้นมักจะใส่ใจเป็นสามัญ โดยตัวเกมก็มีในจุดนี้มาให้ตามมาตรฐาน แต่ที่ขอให้เป็นข้อสังเกตเล็กน้อยก็คือเรื่องของเสียงเอฟเฟกต์ คิดว่าตัวเกมน่าจะทำให้ดีกว่านี้ได้ เพราะแทบทุกอย่างของเกมมันค่อนข้างพรีเมี่ยมมีคุณภาพอยู่ในระดับสูง เลยกลายเป็นว่าเราสามารถสังเกตจุดที่อาจไม่ได้แย่แต่ก็ไม่ได้โดดเด่นได้ง่าย มาตรฐานมันดูด้อยกว่าภาพรวมของเกมไปเสียหน่อย อีกทั้งเสียงเพลงคลอที่เป็นบรรยากาศก็ค่อนข้างจำเจและจืดชืด หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทีมพัฒนาจะเห็นปัญหาในจุดนี้และปรับปรุงมันให้ดียิ่งขึ้นในอัปเดตถัดๆ ไป
กราฟิก
ในขณะที่เสียงนั้นทำออกมาได้ไม่ถึง ทว่ากราฟิกของเกมก็จัดว่าดีงามเลยทีเดียว ถ้าหากใครมีสเปคคอมพ์ฯ ที่แรงพอ ผมก็ขอแนะนำให้ปรับกราฟิกให้สุดครับ บอกเลยว่าคุณจะเพลิดเพลินไปกับการออกสำรวจโลก และการสร้างสิ่งก่อสร้างต่างๆ แน่นอน เพราะทั้งแสงเงา เอฟเฟกต์พวกไฟ พวกเวท การไล่เฉดสี การออกแบบ texture พื้นผิวต่างๆ ตัวเกมนั้นทำออกมาได้โคตรดีมากๆ สวยในระดับเดียวกับเกม AAA ทุนสร้างสูงด้วยซ้ำไป ที่สำคัญ Object ต่างๆ ในเกม ไม่ว่าจะเป็นอาคาร, โต๊ะ, ถ้วย, ชาม, ไห ตลอดจนพื้นดินและก้อนหิน ต่างก็สามารถถูกโจมตี ขุดเจาะ หรือทำให้มันพังทลายลงได้ นี่ถือเป็นอีกหนึ่งหมัดเด็ดของเกมเลยกับการทำลายสภาพแวดล้อม เรียกได้ว่าในด้านของงานภาพและวิช่วลนั้น เอาไปเต็มเลยครับสำหรับเกมประเภทนี้
เกมเพลย์
มาถึงเรื่องสำคัญอย่างเกมเพลย์กันบ้างครับ ต้องบอกว่าตัวเกมหลักๆ แล้วมันคือ RPG Open World ในมุมมองบุคคลที่ 3 ผู้เล่นจะได้สร้างตัวละครขึ้นมาหนึ่งตัว โดยความหลากหลายของตัวละครก็ตามมาตรฐาน ทั้งการเลือกเพศ, สีผิว, สีผม, ทรงผม หรือหนวดเคราต่างๆ อาจจะไม่ได้หลากหลายจนถึงขั้นปรับแต่งขนาดร่างกายแยกตามส่วนได้ แต่ที่ให้มาก็ไม่น่าเกลียด
เมื่อสร้างตัวละครเสร็จแล้ว Flameborn อย่างเราจะเกิดออกมาในดินแดน Embervale ที่ล่มสลายไปแล้ว มันคือพื้นที่รกร้าง ว่างเปล่า ไร้ผู้คน มีแต่เหล่าสัตว์ ซากปรักหักพัง แล้วก็หมอกน่ากลัวที่ด้านในเต็มไปด้วยตัวประหลาดผิดมนุษย์มนา ในช่วงแรกตัวเกมจะสอนให้เราสร้างสิ่งก่อสร้างพื้นฐานขึ้นมาก่อน อย่างพวก Flame Altar ที่เรียกกันง่ายๆ ว่าจุดเซฟ โดยมันใช้เป็นทั้งที่สำหรับ Fast Travel เพิ่มระยะเวลาที่อยู่ในหมอก รีเซ็ตสกิล และเป็นจุดศูนย์กลางของฐานที่เราครอบครองอยู่ ซึ่งสามารถอัปเกรด เพื่อขยายพื้นที่ของผู้เล่นได้ และอีกพื้นฐานสำคัญก็คือโต๊ะ Craft Item กับค้อนก่อสร้าง ซึ่งจะเป็นการเข้าสู่ส่วนสำคัญของเกมเพลย์อย่างการ Craft ครับ
สำหรับการ Craft หรือสร้างไอเทม การ Craft ในเกมนี้จะมีทั้งสิ่งที่ผู้เล่นสามารถสร้างได้ด้วยตัวเอง ที่ไหนก็ได้ขอแค่มีวัตถุดิบเพียงพอ ส่วนไอเทมบางอย่างนั้นก็จำเป็นที่จะต้องใช้โต๊ะที่ผมกล่าวไปก่อนหน้า โดยหลักๆ แล้ว เกมนี้สิ่งที่เราจะต้องทำก็คือ การออกไปเก็บวัตถุดิบ ไม่ว่าจะเป็นการตัดไม้ ขุดแร่ ทำลายสิ่งของต่างๆ แล้วเราก็จะได้มาซึ่งวัตถุดิบพื้นฐาน ทั้งท่อนไม้, กิ่งไม้, แร่, หนังสัตว์, กระดูก, เหล็ก ฯลฯ โดยสิ่งเหล่านี้ยังจะสามารถนำมาต่อยอดสร้างเป็นสิ่งต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นคบเพลิง, ธนู, โต๊ะ, เก้าอี้ แต่ในขณะเดียวกันถ้าหากเราต้องการจะสร้างสิ่งปลูกสร้าง ผู้เล่นจะต้องไปที่โต๊ะ และทำการสร้าง Block ขึ้นมาเสียก่อน โดย block นี้มันก็จะแบ่งออกเป็นตามประเภทของวัตถุดิบ เช่น บล็อคไม้, บล็อคหิน,บล็อคเหล็ก ซึ่งเราจำเป็นต้องสร้างไว้เป็นจำนวนมาก และผู้เล่นจะสามารถสร้างสิ่งปลูกสร้างได้โดยการใช้ค้อนก่อสร้าง ก็จะเป็นการเข้าสู่เกมเพลย์โหมดก่อสร้างทันที โดยเราสามารถเลือกสิ่งปลูกสร้างชนิดต่างๆ ได้มากมาย ทั้งพื้น, ผนัง, เพดาน, หลังคา, หน้าต่าง, ประตู รวมไปถึงสภาพพื้นดินหรือพื้นหินก็ยังได้ ผู้เล่นสามารถสร้างโครงสร้างที่ต้องการได้อย่างอิสระ และจะใหญ่โตหรือสูงอลังการแค่ไหนก็ได้ ตราบใดที่มีวัตถุดิบหรือจำนวนบล็อคเพียงพอ
มาถึงในส่วนของการต่อสู้และการออกสำรวจบ้างครับ เมื่อผู้เล่นสร้างบ้านของตัวเองในช่วงแรกเริ่มเสร็จแล้ว ตัวเกมก็จะมีเควสต์ที่ให้เราได้ออกผจญภัย ทั้งการตามหา NPC ที่เป็น Flameborn เหมือนกับเรา รวมไปถึงสิ่งจำเป็นต่อการอัพเกรด Flame Altar โดยพื้นที่นั้นมีหลากหลายสภาพภูมิอากาศครับ ทั้งอากาศปกติ อากาศหนาวเย็น รวมไปถึงพื้นที่สำคัญอย่างหมอก ที่เมื่อเข้าไปแล้วมันจะมีข้อความว่า Enshrouded โผล่ขึ้นมากลางจอ พร้อมกับเวลานับถอยหลังที่เป็นบาร์ด้านบน ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะพื้นที่หมอกนั้นจัดเป็นพื้นที่อันตรายที่มีเวลาในการสำรวจที่จำกัด เมื่อเวลาที่นับถอยหลังนี้หมดลง ผู้เล่นก็จะตายทันที และจะต้องเสียเวลาวิ่งมาเก็บไอเทมที่ศพของตัวเองใหม่ แต่ถ้าหากอยากสำรวจพื้นที่หมอกให้นานขึ้น ผู้เล่นก็จำเป็นที่จะต้องทำเควสเพื่ออัพเกรด Flame Altar ไปเรื่อยๆ ครับ
ความยอดเยี่ยมของการสำรวจในเกมนี้นั้นนอกจากจะมีแผนที่สุดใหญ่โตและพื้นที่หลากหลายแล้ว หลายๆ จุดของตัวเกมนั้นยังเอื้อต่อการใช้อุปกรณ์ช่วยเหลืออย่างอื่น เช่น Hook Shot ที่จะพาเราข้ามจุดต่างๆ ที่ไม่สามารถไปถึงด้วยวิธีการปกติ รวมไปถึงเครื่องร่อน ที่ทำให้เราลงจากที่สูงสู่ที่ต่ำได้โดยที่ไม่โดน Fall Damage แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องคอยระวังหรือคอยดู Stamina ของตัวละครด้วย ในภาพรวมนั้นต้องบอกว่าการได้สำรวจนั้นค่อนข้างเพลินเอาเรื่องทีเดียว
สำหรับการต่อสู้ หลักๆ แล้วก็จะเป็นการแอกชั่นพื้นฐาน ทั้งการโจมตีด้วยอาวุธระยะใกล้ ระยะไกล เวทมนต์ รวมไปถึงระเบิด ผู้เล่นสามารถ Parry หรือปัดป้องได้ด้วยการกดป้องกันให้ถูกจังหวะ เมื่อทำถึงจุดหนึ่งศัตรูก็จะมึนงง โดยปกติแล้วท่าพื้นฐานของตัวละครเราก็จะเป็นการโจมตีปกติ การป้องกัน การกระโดด และการกลิ้งหลบ ทุกอย่างจะมีความแอกชั่นเพิ่มขึ้นจากสกิล บางสกิลนั้นทำให้การกระโดดโจมตีกลายเป็นท่าใหม่ บางสกิลทำให้การกลิ้งหลบกลายเป็นการเทเลพอร์ตระยะสั้นๆ ทั้งนี้ตัวเกมก็ได้แบ่งสายการเล่นออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนเวลาเข้าหน้า Skill Tree ซึ่งผู้เล่นก็สามารถเลือกเล่นได้อย่างอิสระเลยครับว่าจะไปสายไหน และตัวเกมก็น่าจะมีอิสระมากพอให้ผู้เล่นสามารถอัปสกิลได้มากกว่า 1 สายด้วย แต่ก็คงต้องเก็บเลเวลกันเหนื่อยหน่อย เพราะการจะได้มาซึ่งเลเวลของเกมนี้นั้นค่อนข้างช้า เนื่องจากเป็นระบบ EXP จากการกระทำสิ่งต่างๆ เช่นตัดไม้, ทำฟาร์ม, ฆ่าศัตรู ถ้าหากอยากได้แต้มสกิลมาเลยก็ต้องออกสำรวจตามดันเจี้ยนหรือพื้นที่หมอก โดยการเคลียร์พื้นที่หมอกสำเร็จ บางครั้งก็จะได้ผลตอบแทนเป็นแต้มสกิล รวมไปถึงการรวบรวมเหล่า NPC ที่แบ่งออกเป็นสายอาชีพต่างๆ ก็จำเป็น เพราะ NPC แต่ละตัวนั้นสามารถมอบเควสต์พิเศษ ทั้งยังสร้างไอเทมเฉพาะให้กับเราได้อีกต่างหาก เรียกได้ว่าตัวเกมมีคอนเทนต์อัดแน่นอยู่จนน่าตกใจเลยล่ะครับ
สรุป
ในภาพรวมนั้นตัวเกม Enshrouded มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ผู้ชื่นชอบเกมแนวนี้ต้องการอย่างครบถ้วนเลยครับ ทั้งการออกสำรวจในโลก open world อย่างอิสระ การสร้างบ้าน สร้างฐานทัพ ออกเดินทางไปทำเควส อ่านเนื้อเรื่อง อัปเกรดตัวละคร สร้างชุดเกราะหรืออาวุธ หรือทำ Build ตัวละครในสายต่างๆ ที่สำคัญคือสามารถเล่น Co-op กับเพื่อนได้สูงสุดถึง 16 คน แถมยังรองรับภาษาไทยอีกด้วย อาจน่าเสียดายที่บางองค์ประกอบนั้นดูด้อยไปสักเล็กน้อย เช่นเรื่องของเสียงเพลงที่ชวนง่วง เอฟเฟกต์บางจุดที่ดูธรรมดาไปหน่อย รวมไปถึงปัญหาเรื่อง Performance ของเกมในบางช่วงที่ทำให้เกมออกอาการหน่วงเวลาเปลี่ยนจากกลางวันเป็นกลางคืน เป็นต้น
แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็ต้องบอกว่ามันคือเกมที่ยังขายอยู่ในช่วง early access แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น Enshrouded ก็ยังคงยอดเยี่ยมมากๆ ในแนวของมัน กังนั้นถ้าหากใครชอบเล่นเกมประเภทนี้ Enshrouded ถือเป็นอีกเกมที่คุณควรต้องได้ลองครับ
VERDICT
8/10
ติดตามข่าวเกมพีซี/คอนโซลอื่น ๆ ได้ที่ Online Station