เรารับรู้กันดีว่า DCEU นั้นได้จบลงไปแล้ว ผลจากการรื้อใหม่ทำใหม่ของ James Gunn ที่จะมาเป็นผู้กำหนดทิศทางให้กับภาพยนตร์ DC ทำให้พวกภาพยนตร์ที่ทำค้างๆ ไว้นั้น มีสถานะที่ไม่ได้ไปต่อค่อนข้างจะแน่นอน ซึ่งมันก็ส่งทั้งผลดีและผลเสียกับภาพยนตร์พอสมควรครับ เพราะในบางช่วงเราก็จะมีความรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้มันทำมาให้จบๆ กันไป แต่ขณะเดียวกันเพราะไม่ต้องพะว้าพะวงอะไรแล้วก็ทำให้ Aquaman and the Lost Kingdom ยังคงมีความเป็นตัวเองอยู่สูง และส่งให้มันเป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์สุดบันเทิงลำดับต้นๆ ของ DCEU ได้อย่างไม่ยากไม่เย็น
ออกตัวไว้ก่อนว่า Aquaman ภาคแรกเป็นภาพยนตร์ที่ผมชอบที่สุดของ DCEU มีฉากต่อสู้ มีความแฟนตาซี มีสงครามใหญ่ มีทุกสิ่งที่ผมต้องการในหนังเรื่องเดียว ผมจึงอวยยศมากๆ แต่กับภาคต่อที่ต้องรอกันนานแถมยังเจอวิบากกรรมรัวๆ ไม่ว่าจะด้านโปรดักชั่นหรือนักแสดง ก็ทำให้ความไฮป์ทีเคยมีหายไปเยอะ แม้กระนั้นก็ยังอยากจะหวังในฝีมือของผู้กำกับอย่าง James Wan ขอแค่อย่างน้อยๆ มันยังคงเป็นหนังที่ดูสนุกได้ ด้วยสภาพการณ์ของมันสำหรับผมก็ถือว่าสอบผ่านแล้ว
Aquaman ภาคนี้นำเสนอประเด็นของครอบครัวและการช่วยเหลือกันของพี่น้องมาเป็นประเด็นหลักๆ พร้อมกับสอดแทรกเรื่องโลกร้อนเข้ามาเป็นประเด็นรอง ตอนที่ดูก็เควสชั่นสักหน่อย แต่ก็พอจะไปเนียนๆ สอนเด็กๆ ได้บ้างแบบว่า ถ้าโลกเรายังร้อนอยู่ ปีศาจร้ายก็จะออกมาอาละวาดอะไรงี้ ขณะที่ตัวโกงก็ถูกขยายปมความแค้นเพิ่มเติมมาจากภาคแรกซึ่งมันก็ดูรุนแรงขึ้น เท่ขึ้น อันตรายขึ้น แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้มิติหลากหลายกว่าเดิมนัก Black Manta ยังเป็นตัวละครที่ถูกขับเคลื่อนด้วยความแค้นแบบเพียวๆ ไม่มีอะไรมาผสม ออกจะน่าเสียดายไปสักหน่อย แต่ก็เข้าใจได้
แต่ของเด็ดของภาคนี้คือการได้ออกตะลุยร่วมกันของคู่หูพี่น้อง ที่มีทั้งความฮาป่วง บ้าบอ แซวจิกกัดตัวเองอยู่ตลอด เช่น ***สปอยล์ มุข Thor & Loki กับท่าวิ่งนารุโตะนี่อย่างจี้ คือภาคแรกผมไม่รู้สึกว่า Patrick Willson เป็น Orm ได้เข้าท่าเท่าไหร่ อาจจะเพราะติดภาพมาจาก Conjuring หนักๆ สลัดไม่หลุด แต่พอมาเล่นเวย์นี้แล้วอย่างดี แล้วเคมีดันเข้ากันกับ Jason Momoa อย่างไม่น่าเชื่อ คือถ้าจะทำหนังแล้วมีแค่ 2 ตัวนี้ผมก็เอานะ สนุกดีจริงๆ น่าเสียดาย (อีกแล้ว) ที่มันต้องจบลงตรงนี้นี่แหละ
ส่วนของงานวิชวลยังคงดูดีมากๆ แม้ไม่ได้เห็นฉากสงครามใหญ่ๆ แบบภาคแรก แต่ทีมงานยังรักษามาตรฐานภาพรวมได้ดีมีโชว์ของเป็นระยะ กับมุมกล้องสุดเจ๋งแบบเฉพาะ James Wan ที่ถูกออกแบบมาให้ส่งเสริมซีนแอ๊กชั่นได้อย่างดี มันแปลก มันฉวัดเฉวียน และมันโคตรเท่มากๆ เลย James Wan พิสูจน์ตัวเองได้อย่างดีไม่ว่าหนังแนวไหนเขาก็มีของทั้งนั้น ยอดเยี่ยมจริงๆ
แต่สำหรับใครที่อาจจะกังวลเรื่องตัวละครเมร่าก็ต้องบอกตามตรงว่าบทของนางอาจจะหั่นได้ยากมากๆ เพราะค่อนข้างสำคัญกับการสื่อถึงเรื่องราวภาพรวม กอปรกับสถานการณ์ของตัวภาพยนตร์ที่อาจจะไม่ต้องคิดอะไรมากแล้ว ทำให้บทของตัวละครเมร่ายังคงมีอยู่ อาจจะไม่ได้ตลอดเรื่อง แต่ก็มากกว่าที่ผมคิด และมีซีนเป็นของตัวเองในแทบทุกครั้ง ดังนั้นแล้ว คงได้แต่บอกว่าก็ลองชั่งใจกันดูครับ
Aquaman and the Lost Kingdom เป็นภาพยนตร์ที่ถ่ายทำด้วยกล้อง IMAX ตลอดทั้งเรื่อง ดังนั้นรับประกันเรื่องสีสันและความโอ่อ่าตระการตาของฉากต่างๆ ได้เลย รวมไปถึงเสียงตูมตามที่หากจะรับชมให้เต็มอารมณ์ก็ต้องเรียนเชิญที่ IMAX เท่านั้นครับ แต่ก็อย่างที่บอก Aquaman and the Lost Kingdomไม่ได้ดีแค่เรื่องงานภาพ แต่มันยังถูกบอกเล่าได้อย่างสนุกสนานผ่านการผจญภัยของ 2 พี่น้องจ้าวสมุทรที่เคมีลงตัวกันอย่างเหลือเชื่อ เป็นอีกหนึ่งบล็อกบัสเตอร์จกป๊อปคอร์นที่สามารถมอบความบันเทิงง่ายๆ ส่งท้ายปีให้ผู้ชมได้อย่างแน่นอนครับ
VERDICT
8/10
ดูรอบและสำรองที่นั่งได้ที่ – https://majorcineplex.com/booking2/search_showtime/movie=2154
ขอขอบคุณ Major Cineplex สนับสนุนการรับชม
ติดตามข่าวหนังอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่นี่ Online Station