รีวิวเกม Resident Evil 4 ในครั้งนี้ ถือเป็นระยะเวลาที่ยาวนานเกือบ 2 ทศวรรษเลยทีเดียว กับรอยต่อระหว่างเกม Resident Evil 4 เวอร์ชั่นออริจินัลกับรีเมค ซึ่งตัวออริจินัลที่ออกมาเมื่อปี 2005 นั้นก็เคยได้สร้างปรากฏการณ์หลายอย่างขึ้นมามากมายในแวดวงอุตสาหกรรมเกม รวมถึงเป็นใบเบิกทางสู่ยุคใหม่ของซีรีส์ Resident Evil ในขณะนั้น
กระทั่งล่าสุด ภาครีเมคนี้ก็ถูกส่งตรงถึงผู้เล่นทั้งหน้าเก่าอีกครั้ง รวมถึงนำเสนอต่อผู้เล่นหน้าใหม่ เพื่อให้ได้ร่วมสัมผัสกับประสบการณ์ที่ผ่านการปรับปรุงและเจียระไนใหม่ไปด้วยกัน ซึ่งการรีเมคที่ว่าจะมีคุณภาพคับแน่น สมกับการรอคอย 18 ปีหรือไม่ หวังว่ารีวิวนี้จะช่วยประกอบการตัดสินใจให้เพื่อน ๆ ได้บ้างครับ
รีวิวเกม Resident Evil 4
ผู้พัฒนา: Capcom
แนวเกม: แอ๊กชั่น / ผจญภัย
วางจำหน่าย: 24 มีนาคม 2023
แพลตฟอร์ม: PS5, PS4, Xbox Series X|S และ PC (ทีมงานเล่นจากแพลตฟอร์ม PS5)
เรื่องย่อ
เนื้อหาของเกมภาคนี้จะเชื่อมต่อกับภาค 2 ตัวรีเมคโดยตรง แต่จะเป็นเหตุการณ์ 6 ปีให้หลังหรือปี 2004 นั่นเอง โดยหนุ่มลีออน หนึ่งในผู้รอดชีวิตจากหายนะที่เกิดขึ้นกับเมืองแร็คคูนซิตี้ได้ถูกเกณฑ์เข้ามาฝึกเป็นเจ้าหน้าที่พิเศษให้กับรัฐบาลสหรัฐอเมริกา กระทั่งวันหนึ่ง แอชลีย์ ลูกสาวของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ถูกลักพาตัวไปคุมขังอยู่ที่หมู่บ้านชนบทแห่งหนึ่งในประเทศสเปน ลีออนจึงได้รับมอบหมายให้มาทำภารกิจสุดเสี่ยงตายนี้เพื่อนำตัวแอชลีย์กลับมาให้ได้
ทางด้านเรื่องราวในเกมจะค่อนข้างเหมือนกับเกมตัวต้นฉบับอยู่หลายจุด ใครที่เคยเล่นตัวออริจินัลมาก่อนก็จะรู้อยู่แล้วว่าภาคนี้ใครเป็นตัวดี ใครเป็นตัวร้าย แต่สิ่งที่มีเพิ่มเติมเข้ามาคือเนื้อเรื่องปูมหลังของเหล่าตัวละครสมทบ ทำให้ผู้เล่นรู้เบื้องลึกเกี่ยวกับที่มาที่ไปของตัวละครกลุ่มนี้มากขึ้น หากตามอ่านไฟล์ที่วางอยู่ตามจุดต่าง ๆ จะค่อย ๆ ปะติดปะต่อเรื่องราวได้ละเอียดและลึกกว่าของเก่า ตรงจุดนี้ถ้าใครอยากเสพเกมเพลย์แบบต่อเนื่องไม่มีสะดุดก็ดูเฉพาะคัตซีนเอาได้เหมือนกัน เพียงแต่ในคัตซีนจะเล่าเรื่องพวกปูมหลังได้ไม่ละเอียดเท่าครับ
นอกจากนั้นแล้ว บรรดาตัวละครทุกตัวที่ไม่ใช่ระดับตัวประกอบและเคยปรากฏตัวในตัวออริจินัล ก็ได้ถูกปรับปรุงให้มีบทและแอร์ไทม์มากกว่าเดิม บางตัวที่เคยโผล่มาแค่ไม่กี่ฉากก็ได้บทที่มีปฏิสัมพันธ์กับลีออนเยอะขึ้น จนเกิดเป็นโมเมนต์ที่น่าจดจำต่อตัวละครนั้น ซึ่งข้อดีอีกอย่างคือเกมมีการเกลี่ยบทตัวละครอื่น ๆ นอกเหนือจากลีออนกับแอชลีย์ได้ค่อนข้างดี ตัวไหนบทพูดน้อยก็ใส่ฉากปรากฏตัวมาเพิ่มบางจุด ทำให้ไม่มีตัวไหนดูจืดจางเกินไปครับ
เกมเพลย์
หายหน้าหายตาไปฝึกหนักมานานถึง 6 ปี ย่อมไม่แปลกที่ในภาคนี้ลีออนจะเก่งกาจกว่าเดิม และระบบใหม่อย่างแรกที่เพิ่มเข้ามาคือ ผู้เล่นสามารถใช้มีดเพื่อปัดป้อง (Parry) การโจมตีทั่วไปของศัตรูได้ โดยช่วงกรอบเวลาในการใช้ Parry จะค่อนข้างกว้างและปราณีผู้เล่นมากกว่าเกมที่เน้น Parry จัด ๆ อย่าง Sekiro ค่อนข้างมาก เอาเข้าจริง ๆ ระบบนี้จะค่อนข้างเป็นมิตรกับผู้เล่นให้ลองฝึกฝนได้และใช้เวลาไม่นานก็ชินมือ
แต่เพื่อไม่ให้เป็นการทำให้ระบบนี้ดูเทพหรือปล่อยให้ผู้เล่นใช้การ Parry เป็นท่าหากินมากจนเกินไป เกมก็เลยใส่ความสมดุลเข้ามาอย่างหนึ่งก็คือเกจความทนทานของมีดครับ ซึ่งทุกครั้งที่เรา Parry หรือนำมีดไปโจมตีศัตรู หรือใช้มีดในการลอบสังหารศัตรูจากด้านหลังก็จะใช้เกจที่ว่านี้จำนวนหนึ่ง ซึ่งปริมาณการใช้เกจจะผันแปรตามแอ๊กชั่นที่เรากระทำ ดังนั้นผู้เล่นจึงไม่สามารถนำมีดไปดัก Parry เป็นท่าหากินอย่างพร่ำเพรื่อได้ เพราะหากเกจความทนทานหมด มีดจะพังและต้องเสียเงินซ่อมกับพ่อค้า (ที่อยู่ในเกมตัวเต็ม) สถานเดียว
ขณะเดียวกัน เกมภาครีเมคจะมีระบบลีออนได้ย่องเดิน เข้าสู่โหมดลอบเร้นเพื่อหลีกเลี่ยงการต่อสู้ที่ไม่จำเป็น อย่างไรก็ตาม การลอบเร้นของลีออนจะมีจุดที่ชวนขัดใจอยู่บ้าง นั่นก็คือเมื่อเราเล็งอาวุธขณะที่ย่อตัวอยู่ ตัวเราจะลุกขึ้นยืนทันที ทั้ง ๆ ที่ตัวละครเกมอื่นในยุคเดียวกันที่มีระบบลอบเร้นจะสามารถใช้อาวุธขณะย่อตัวหรือนอนราบไปกับพื้นก็ยังได้ เลยเป็นข้อด้อยที่เห็นได้ชัดเมื่อเปรียบเทียบกับเกมอื่นครับ
ถึงแม้ว่าเกมจะเปิดโอกาสให้เราได้ลอบเร้นก็จริง ทว่าในหลาย ๆ พื้นที่ก็ยังค่อนข้างบังคับให้เราต้องบู๊อยู่ หรือต่อให้มีโซนที่พอย่องได้ ก็จะมีศัตรูที่เปิดช่องให้เราลอบสังหารได้เพียงไม่กี่ตัว
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เกมก็ไม่ได้บีบให้เราต้องใช้ Parry หรือลอบเร้นเสมอไป หากใครที่จับจังหวะ Parry ไม่เก่ง จะเล่นแบบแนวทางเก่าที่เน้นยิงโจมตีรักษาระยะก็ทำได้ หรือใครอยากบู๊ล้างผลาญ เกมก็ยังมีทางเลือกให้ผู้เล่นได้ทำเช่นเดิม การเล่นทุกสไตล์ยังคงเปิดกว้างในเกมนี้ เพียงแต่ในระดับความยากที่สูงขึ้นผู้เล่นอาจต้องเน้นในแต่ละดีเทลให้มากขึ้น หรือคิดให้รอบคอบกว่าเดิมในการลุยแต่ละพื้นที่
AI ของศัตรูในเกม
AI ของศัตรูในเกม รวมถึงการจัดวางตำแหน่งของศัตรูและลำดับการโผล่ของพวกมันในแต่ละห้องทำออกมาได้ดีเกินคาด แถมบางจุดมีการสับขาหลอกผู้เล่นด้วย โดยในหลาย ๆ พื้นที่มักจะมีศัตรูปรากฏตัวแบบล้อมหน้า-หลังเราอยู่บ่อย ๆ หรือในบางโซนก็วางศัตรูหลอกล่อให้เราเข้าไปลอบจัดการ แต่ก็มีการวางศัตรูอีกตัวไว้ซ้อนแผนเราอีกที ดังนั้นใครที่เล่นในรอบแรกน่าจะต้องมีโดนมุกแสบ ๆ เหล่านี้กันบ้าง
แอชลีย์ (Ashley)
แอชลีย์ (หรือน้องอัญชลีที่เกมเมอร์ในไทยนิยมเรียกกัน) ก็ถูกปรับระบบรวมถึง AI ให้มีความซับซ้อนขึ้น โดยแอชลีย์ในตัวรีเมคจะไม่มีเกจพลังชีวิตให้เราต้องคอยห่วงแล้ว แต่หากเธอโดนศัตรูโจมตีเข้าก็จะลงไปนั่งทรุดทันที ซึ่งเราต้องรีบช่วยให้ทันก่อนที่จะมีอะไรมาโจมตีซ้ำ และนั่นจะทำให้แอชลีย์ตายและเกมโอเวอร์ได้
รวมทั้งยังปรับโหมดจากของเดิมที่มีแต่เซ็ตให้แอชลีย์อยู่กับที่หรือวิ่งตาม มาเป็นวิ่งตามห่าง ๆ และคอยประกบเราติดแทน การทำเช่นนี้ก็ยังมีผลให้แอชลีย์อยู่ใกล้เราตลอดเวลา ทว่าการตามห่าง ๆ จะมีข้อดีตรงที่เธอจะไม่ค่อยมาบังวิถีกระสุนของเราเวลาอยู่ในช่วงชุลมุน หรือการให้แอชลีย์วิ่งประกบเราก็จะช่วยลดโอกาสที่เธอจะถูกศัตรูอุ้มได้ไม่น้อยเหมือนกัน
พ่อค้า
ในส่วนของพ่อค้านั้นเป็นระบบที่ถูกเพิ่มเข้ามาในซีรีส์ครั้งแรกก็ภาค 4 ตัวออริจินัลนี่แหละครับ และยังเป็นจุดที่ทำให้ผู้เล่นได้รู้สึกผ่อนคลายหลังกรำศึกกับพวกศัตรูมา โดยนอกจากการนำเงินที่หาเก็บได้จากศัตรูหรือตามฉากมาซื้ออาวุธหรืออัปเกรดแล้ว เรายังคงนำสมบัติที่ได้มาผสมกับอัญมณีเพื่อเพิ่มมูลค่าเวลานำไปขายให้กับพ่อค้าได้เช่นเคย
แต่สิ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงในระบบเศรษฐกิจนี้ก็คือหิน Spinel ที่ถูกปรับบทบาทจากไอเทมที่นำไปขายพ่อค้าเพื่อเงินก้อนเล็ก ๆ ก้อนหนึ่ง มาเป็นหินที่นำมาแลกไอเทมพิเศษอย่างแผนที่ระบุตำแหน่งสมบัติ หรือชิ้นส่วนประกอบเพื่อเพิ่มคุณสมบัติให้กับปืนได้ ทำให้ฟีเจอร์ของพ่อค้าดูมีอะไรหลากหลายดี
ความลับในเกมตระกูล Resident Evil ยังเป็นอีกหนึ่งมนต์เสน่ห์ที่แฟนเกมชื่นชอบกัน แน่นอนครับว่านอกจากไอเทมต่าง ๆ ที่จะมีให้ปลดล็อคหลังจบเกมก็ยังมีความลับอื่น ๆ ที่แฝงในเกมอีกมากมาย อาทิ อีสเตอร์เอ้กต่าง ๆ หรือทริคแปลก ๆ ที่หลายคนอาจจะคาดไม่ถึง ซึ่งในส่วนนี้ทางเรา Online Station จะนำข้อมูลส่วนนี้มานำเสนอให้เพื่อน ๆ ได้ชมกันในภายหลังด้วย
กราฟิกและการแสดงผล
นับตั้งแต่ Capcom เริ่มใช้ RE Engine เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาเกม งานภาพของเกมซีรีส์ Resident Evil ก็ดูดีขึ้นผิดหูผิดตา เบ้าหน้าของตัวละคร ฉากสภาพแวดล้อม สิ่งปลูกสร้างที่พบเห็นในเกมล้วนมีความสมจริงยิ่งขึ้น ซึ่งจากที่ทีมงานเล่นบน PS5 ตัวเกมจะมีให้เลือกปรับโหมดแสดงผลได้ว่าจะเน้นความละเอียดสูงสุดที่ 4K หรือจะมุ่งไปที่เรื่องของเฟรมเรตที่รัน 60 FPS นิ่ง ๆ ได้แบบสบาย หรือถ้าใครอยากได้ภาพที่ยกระดับขึ้นไปอีกก็เปิดระบบ Ray Tracing ได้อีก เพียงแต่เฟรมเรตที่ได้จะดรอปลงเล็กน้อย เหลือราว ๆ 55-57 FPS พ่วงด้วยฟีเจอร์การโหลดเกมที่เร็วด้วยขุมพลังของ SSD ที่มีอยู่ในเครื่องคอนโซลเจนปัจจุบัน ทำให้ประสบการณ์การเล่นเกมนี้ไหลลื่น ต่อเนื่อง แทบไม่ค่อยมีฉากโหลดให้กวนใจ (หรือถ้ามีฉากโหลดก็กินเวลาไม่กี่วินาที)
ซาวด์ประกอบ
สำหรับซาวด์หรือเพลงประกอบของเกมนี้จะมีเวอร์ชั่นออริจินัลให้สลับฟังได้ เพียงแต่ทาง Capcom จะมีขายแยกต่างหากเฉพาะคนที่ซื้อแบบ Standard Edition ส่วนคนที่ซื้อแบบ Digital Deluxe Edition หรือ Collector’s Edition จะมี DLC ส่วนนี้รวมมาในเกมให้เลยแต่แรก โดยซาวด์ของปืน ระเบิด เอฟเฟกต์ทั่วไปในเกมยังอัดแน่นด้วยคุณภาพ เหมือนดูภาพยนตร์แอ๊กชั่นดี ๆ เรื่องหนึ่ง แม้ว่าทีมงานจะจำเป็นที่ต้องใช้เสียงปืนจำลองด้วยเหตุผลที่มองว่าเข้ากับเกมมากกว่าเสียงปืนของจริงก็ตาม ทว่าหากมองกันในภาพรวมแล้ว ทั้งเพลง ทั้งซาวด์ต่าง ๆ ล้วนเข้ากับบรรยากาศในเกมได้เป็นอย่างดี และชวนให้ตื่นเต้นไปได้ตลอดทั้งเกมเลย
สรุป
คงไม่ใช่เรื่องต้องกังขาใด ๆ อีกต่อไปแล้วครับว่า Resident Evil 4 คือหนึ่งในเกมรีเมคที่ทำออกมาได้ดีที่สุดเกมหนึ่ง ซึ่งมีความครบเครื่องทั้งความมันส์ของส่วนแอ๊กชั่น ขณะที่ส่วนของช่วงผจญภัยก็มีอะไรให้ทำเยอะสิ่ง และคุ้มค่าที่จะลองทำมันทุกรอบที่เล่นด้วย อีกทั้งบทบาทของตัวละครหลายตัวก็ดูโดดเด่นขึ้นมาก และเรื่องราวที่หาอ่านในเกมได้เพิ่มเติมก็ล้วนทำให้แบ็คกราวด์ของทุกคนดูมีอะไรน่าค้นหามากกว่าออริจินัล แถมยังมีการเล่ากลมกลืนผ่านเกมเพลย์และไดอาล็อกของตัวละครด้วย แม้ว่าจะมีเนื้อหาเล็กน้อยที่ถูกตัดออกไปแต่ก็เป็นไปด้วยเหตุผลด้านความสมจริงของพล็อต ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่เข้าใจได้
ถ้าจะมีอะไรที่รู้สึกว่าเกมนี้ยังไม่สมบูรณ์ดีนัก ก็คงจะเป็นโหมดพิเศษอย่าง Separate Ways ที่เป็นเนื้อเรื่องเสริมฝั่งเอด้า กับโหมด The Mercenaries ที่เป็นการถล่มฝูงศัตรูตามด่านต่าง ๆ เพื่อทำคะแนน ซึ่งไม่ได้ถูกใส่มาในเกมตัวเต็ม ณ วันวางจำหน่ายครับ โดย Capcom เพิ่งจะประกาศไปหมาด ๆ ในช่วงเกมวางขายใหม่ ๆ ว่าโหมด The Mercenaries จะถูกเพิ่มเข้ามาในรูปแบบ Free DLC แน่นอนในวันที่ 7 เมษายนที่จะถึงนี้ ส่วนโหมด Separate Ways นั้นยังไม่มีการประกาศแต่อย่างใด ตรงนี้คาดว่าผู้เล่นอาจต้องรอกันสักพักใหญ่ ๆ กว่าจะมีการนำเข้ามาเสริมครับ
ดังนั้นถ้าคุณเคยประทับใจกับ Resident Evil 4 ตัวออริจินัลมาก่อน ตัวรีเมคคือขั้นกว่าที่จัดหนักแบบครบวงจร โดยในเกมจะมีแนะนำด้วยว่าคนที่เคยผ่านตัวออริจินัลมาแล้วควรเริ่มที่ระดับความยาก Hardcore เลยเพื่อต่อยอดความระห่ำไปอีก ถึงต่อให้เป็นผู้เล่นหน้าใหม่ ตัวเกมก็ยังมีการพัฒนาให้เข้ากับเกมยุคปัจจุบัน ใครขาลุยก็เล่นได้นานสะใจ ใครสายฟาร์มหรือเล่นละเอียดก็สามารถวนเล่นซ้ำได้หลายรอบ คุ้มค่ากับการรอ 18 ปีของแฟนซีรีส์นี้กันแบบหมดห่วงครับ
คะแนน 10
ติดตามข่าวเกมพีซี/คอนโซลอื่น ๆ ได้ที่ https://www.online-station.net