รีวิว เทอมสอง สยองขวัญ – หนังสยองที่หากเลือกเล่าเรื่องเดียวคงกลมกล่อมกว่านี้

เทอมสอง สยองขวัญ ภาพยนตร์ไทยแนวสยองขวัญรับต้นปี 2022 นี้เป็นที่จับตามองอย่างมาก เพราะเป็นภาพยนตร์ที่รวมเอานักแสดงวัยรุ่นมากฝีมือมาไว้ในเรื่องเดียวไม่ว่าจะเป็น เจมส์ ธีรดนย์, มิวสิค BNK48 หรือหน้าใหม่ขวัญใจใครหลายคนอย่าง กิต Three Man Down

ซึ่งแม้ว่าจะเป็นเรื่องเดียวแต่ตัวหนังก็ถูกซอยย่อยเป็น 3 ตอน 3 เรื่องที่แยกกันชัดเจน ความเจ๋งคือทั้ง 3 เรื่องแม้จะเบสออนหนังสยองขวัญ แต่ก็เป็นคนละแนวคนละอารมณ์ไปเลย ส่วนตัวแล้วรู้สึกว่าแต่ละเรื่องมีไอเดียในการนำเสนอที่ดี ทว่าด้วยข้อจำกัดหลายๆ อย่างโดยเฉพาะเรื่องเวลา ก็ทำให้ทั้ง 3 เรื่องมีความไม่สมประกอบและดูประดักประเดิดอยู่ในทีพอสมควร ผมจะไม่ใช้คำว่าหนังแย่ เพราะเดิมทีสารตั้งต้นของทั้ง 3 เรื่องจัดว่าน่าสนใจไม่เบา พอผลลัพท์มันออกมาครึ่งๆ กลางๆ จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียดาย จะมีก็แค่เรื่องสุดท้ายที่คิดว่าเข้าท่าจริงๆ

***บทความนี้อาจมีสปอยล์เนื้อหาบางส่วน

เรามาเริ่มกันที่เรื่องแรกซึ่ง มิวสิค BNK48 เป็นตัวนำ เรื่องนี้มีความเป็นสยองขวัญเทรดดิชันแนลมากที่สุดใน 3 เรื่อง เน้นฉากมืด บรรยากาศไม่น่าไว้ใจ มีช็อตจั๊มป์สแกร์เป็นระยะ ตัวเนื้อเรื่องพูดถึงประเด็นพิธีการรับน้อง ซึ่งรุ่นน้องไม่สะดวกใจจะเข้า รุ่นพี่ก็ไม่สะดวกใจจะให้กลับ ขณะที่ตัวของมิวสิคก็เป็นเด็กที่มีความพิเศษบางอย่างเช่นเดียวกันกับเพื่อนสนิทอีกคน แต่เมื่อคนหนึ่งอยากมูฟออน ทว่าอีกคนทำไม่ได้ แม้จะรักกันขนาดไหนมันก็จะเกิดปัญหาขึ้นมาอยู่ดี

เทอมสองสยองขวัญ

นอกจากประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนสนิทแล้ว ก็ยังมีการใส่ประเด็นวิพากษ์สังคมอย่างโจ่งแจ้ง เช่นการให้คนบ้าอำนาจยึดหลักอาวุโสมาพูดถึงความเป็นประชาธิปไตยไม่ว่าจะในเชิงท้าทายหรือข่มขู่ การที่คนกล้าจะแสดงออกว่าไม่สะดวกใจจะอยู่ตรงนี้ต้องถูกมองเป็นคนประหลาดในสายตาคนหมู่มาก

ประเด็นที่ใส่เข้ามาก็คือน่าสนใจจนแทบจะกลบความเป็นหนังผีอยู่แล้ว ซึ่งเอาเข้าจริงมันก็คงไม่ใช่ปัญหาอะไรถ้าเวลาถ่ายทอดมันมีเพียงพอ พอเวลาน้อยจนไม่มีเวลาไปเล่าจุดอื่นก็ทำให้ความอินมันไม่ซึมเข้าไปในหัว พอเราไม่อินในความสัมพันธ์ของเพื่อนสนิท มันจึงบีบรัดคนดูได้ไม่มากพอ สุดท้ายกลายเป็นจบลงไปแบบอืมๆ แม้ว่านักแสดงนำจะทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยมขนาดไหนก็ตาม

เทอมสองสยองขวัญ

เรื่องที่ 2 The C นำแสดงโดย เจมส์ ธีรดนย์ ว่าด้วยเรื่องของผีที่จะกลับมานอนเตียง C ในวันสถาปนาสถาบัน กับพระเอกนักศึกษาแพทย์ผู้มีความลับบางอย่างซ่อนไว้ หนังพูดถึงความสัมพันธ์ที่อมพะนำเรื่องบางอย่างไว้กับตัวไม่เคลียร์คัตให้ชัดเจน คล้ายๆ กับเรื่่องแรก ระหว่างพระเอกหนุ่มกับแฟนสาวของตน ที่เลยเถิดจนเกิดเรื่อง

แม้กระนั้นในพาร์ทของความสยองขวัญมันออกไปในทางหนังมอนสเตอร์เอาตัวรอดมากกว่า หนังไม่ค่อยมีจั๊มป์สแกร์แต่เน้นความลุ้นระทึกในสถานการณ์ กับผีที่มีการเคลื่อนไหวผิดธรรมชาติมาแบบเป็นตัวๆ ไม่ต้องวับๆ แวมๆ การแสดงของ เจมส์ ธีดนย์ น่าสนใจและชวนทึ่งมากๆ แต่ก็มาตกมาตายกับบทเหมือนเดิม ถึงแม้ว่าไอเดียและประเด็นจนน่าสนใจก็ตาม

เทอมสองสยองขวัญ

เรื่องสุดท้าย อาจจะพอเดาได้กันจากตัวอย่างอยู่แล้วว่าจะมาแนวตลก ซึ่งก็เป็นแบบนั้น ตัวหนังพยายามล้อทุกขนบของหนังผีไทยหรือเงื่อนไขการถูกผีหลอก โดยพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างพี่สาวนักเรียนวิทยาศาสตร์กับน้องชายไรเดอร์คลั่งรักผู้เรียนไม่จบ และมันทำได้ดีเลย ฮาในเกือบทุกช็อต

กิต Three Man Down คือตัวแบกของเรื่อง เล่นตลกได้ธรรมชาติมากๆ หากใครคิดไม่ออกว่ามันเป็นยังไง หนังเรื่องที่ 3 จะมีความคล้าย Scary Movie เพียงแต่ไม่เลยเถิดขนาดนั้น ช่วงท้ายมีการตบกลับเข้าประเด็นความสัมพันธ์สองพี่น้องเพื่อเรียกความซึ้งเล็กน้อย แต่พูดจริงๆ แล้วส่วนตัวอยากได้ความบ้าบอหลุดโลกกว่านี้ ไหนๆ ก็มาเวย์นี้แล้ว เอาสุดไปเลยท่าจะดี

เทอมสองสยองขวัญ

จะเห็นได้ว่าทั้ง 3 เรื่องมีมู้ดแอนด์โทนต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่มีจุดร่วมกันอย่างหนึ่งคือการพูดถึงความสัมพันธ์กับคนใกล้ตัว ไม่ว่าจะเพื่อนสนิท, แฟน หรือพี่น้อง ถ้าหากแคร์กันจริงๆ การหันหน้ามาพูดคุยกันเพื่อให้เข้าใจในกันและกันมากขึ้น ก็คงจะบรรเทาปัญหาในหลายๆ เรื่องลงไปได้

จะว่าไปภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คล้ายกับการมีเอเลเมนต์เขย่าขวัญบางๆ เป็นส่วนประกอบ มีผี มีจั๊มป์สแกร์ แต่มันไม่ได้เค้นความกลัวเราขนาดนั้น อีกอย่างคือการแต่งหน้าผีและการทำ CG ที่ไม่แน่ใจว่าทีมงานจงใจไหม แต่มันดูหลุดความน่ากลัวไปไกล คือมันก็คงน่ากลัวแหละ แต่เราอาจรู้สึกแปลกๆ กับมันมากกว่าจนกลายเป็นลืมชั่วขณะว่าฉากนี้ต้องกลัวแล้วนะ

เทอมสอง สยองขวัญ มีไอเดียทั้ง 3 เรื่องที่น่าสนใจ น่าเสียดายที่หากปรุงรสได้กลมกล่อมหรือหาจุดลงตัวได้ถูกต้องกว่านี้ไอเดียที่ใส่ลงไปก็คงเฉิดฉายได้มากกว่าการที่ดูจบแล้วต้องมานั่งตั้งคำถามพร้อมอารามหงุดหงิดกับ 2 เรื่องแรกที่เปิดได้เยี่ยมแต่จบได้แย่ไปหน่อย จะมีก็แค่เรื่องสุดท้ายที่พูดได้เต็มปากว่าเจ๋งดี โอเคเลย ที่พอจะช่วยให้ภาพยนตร์ดูเข้าท่าขึ้นมาบ้าง


VERDICT

6/10

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้