ไม่ว่าจะแฟนเก่าหรือแฟนใหม่ ตัวผมเองไม่แน่ใจนักว่าจะใช้คำไหนได้ เพราะต้องยอมรับว่าผมเกิดไม่ทันตอนภาพยนตร์ภาค 2 อันเป็นยุคทองเข้าฉายเมื่อปี 1984 แต่ชื่อ Ghostbusters ก็เป็นอะไรที่เด็กๆ ยุค 90 ที่สนใจในป๊อปคัลเจอร์จากต่างประเทศค่อนข้างรู้จักกันดี โดยเฉพาะเพลงธีมอมตะนิรันดร์กาลของมันที่ผมได้ฟังจากเวอร์ชั่นการ์ตูนอนิเมชั่นและติดหูมาจวบจนทุกวันนี้
เรียกได้ว่าแค่รู้จักแต่ก็ไม่ได้มักจี่ ผ่านตาการ์ตูน ตัวละครไอคอนิค และของเล่นของซีรีส์มาบ้าง แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นปวรณาตัวเป็นแฟนอะไร ทำให้ผมไม่ได้คาดหวังกับ Afterlife ขนาดนั้น… กระทั่งได้รับชมมันจนจบและสามารถบอกได้เลยว่านี่เป็นหนังที่เล่นเอารู้สึกว่าชอบจนเซอร์ไพรส์ตัวเองตั้งแต่ต้นปีเลยทีเดียว
***บทความนี้ไม่มีสปอยล์
Ghostbusters: Afterlife เป็นภาพยนตร์จอเงินลำดับที่ 4 ของแฟรนไชส์… 3 ก็ได้ถ้าไม่นับเวอร์ชั่นทีมหญิงเมื่อปี 2016… ตัวภาพยนตร์เป็นกึ่งๆ การรีบูตคล้ายพยายามแนะนำตัวกับผู้ชมรุ่นใหม่ๆ กับเหล่าแก๊งค์ปราบผีรุ่นใหม่ แต่ในขณะเดียวกันมันก็เป็นเหมือนภาค 3 ของซีรีส์ด้วยเช่นกันเพราะมีเนื้อเรื่องที่ต่อจากภาค 2 เลย ทำให้ตัวหนังมีบรรยากาศชวนรำลึกถึงความหลังอยู่มากมาย เสริมทับด้วย Easter Egg เป็นรถบรรทุก ที่จะโถมกระหน่ำเรียกความทรงจำวัยเยาว์ของแฟนๆ ชนิดที่ถ้าใครเคยอินมากๆ ต้องมีปาดน้ำตากันบ้าง
ดังนั้นถ้าใครจะทำการบ้านก็ลองไปหาภาค 1 กับ 2 มาดูทวนไว้ก่อนก็ได้ครับ แต่อย่างผมที่เข้าไปดูโดดๆ จำได้แค่ผีมาชเมลโล่กับเพลงธีมและปืนโฟตอนก็ยังรู้สึกเอนจอยกับมันได้อย่างไม่เคาะเขินเลย ขอแค่จับจุดนิดหน่อยได้ก็ไหลไปกับเนื้อเรื่องได้ง่ายๆ ช่วงแรกๆ อาจจะเพซอืดไปหน่อยเพราะปูเรื่องราวเยอะแยะ แต่เครื่องมันจะค่อยๆ ติดขึ้นเรื่อยๆ นำไปสู่ไคลแมกซ์องค์สุดท้ายที่ชวนประทับใจ
ความน่าทึ่งคือผู้กำกับ Jason Reitman เก่งมาก ที่ทำให้หนังทีเล่นทีจริงซึ่งดูจะเอ้าท์ไปแล้วในยุคนี้ยังดูสนุกได้ แม้อะไรๆ จะเดาได้ง่ายไปหน่อยตามสูตรสำเร็จ แต่จุดด้อยนั้นมันถูกกลบทับด้วยอุปกรณ์สุดโม้จากปีมะโว้ที่ถูกเปิดใช้ในปี 2021 อีกครั้ง ซีนดราม่าครอบครัว รวมไปถึงการแสดงของเหล่านักแสดงรุ่นเยาว์ที่รับส่งกับรุ่นใหญ่ที่มาประคับประคองได้อย่างลงตัว
หนูน้อย Mckenna Grace ในบทบาทของ Phobe คือความมหัศจรรย์ของเรื่องนี้ การแสดงที่เต็มไปด้วยออร่า ซีนเนิร์ดก็ได้ซีนอารมณ์ก็ปัง ซีนเท่ก็เอาอยู่ เรียกว่าหนังเกินกว่าครึ่งเรื่องถูกแบกไว้โดยการแสดงของเธอ ซึ่ง ณ เวลาถ่ายทำเธอน่าจะอายุไม่ห่างจากตัวละครที่เธอเล่นเท่าไหร่ (12 ปี) ทำให้สามารถถ่ายทอดออกมาได้ยอดเยี่ยมมาก
เมื่อรวมกับทีมนักแสดงอื่นๆ ทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่ เบอร์เล็กเบอร์ใหญ่ มันทำให้ Ghostbusters ได้ทีมเด็กรุ่นใหม่ที่พร้อมแบกรับแฟรนไชส์ต่ออย่างเต็มตัว ในแง่ของผู้ชมใหม่ก็รู้สึกว่าพร้อมจะไปต่อกับเด็กพวกนี้ ขณะที่แฟนๆ ยุคเก่าก็วางใจได้ทันทีเพราะทีมปราบผีที่พวกเขารักได้คนสานต่อที่คู่ควรแล้ว
Ghostbusters: Afterlife เป็นหนังที่อาจไม่ได้มีโทนที่จริงจังในทางใดทางหนึ่งตามกระแสบล็อคบัสเตอร์ยุคใหม่ แต่ท่าทีทีเล่นทีจริงราวกับหนังตกยุคแบบนี้ก็เป็นอะไรที่หาได้ยากยิ่งในยุคสมัยนี้เช่นกัน ที่สำคัญคือมันมีทั้งความสนุกและอิ่มเอมหัวใจอย่างครบถ้วนไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนเก่าของภาพยนตร์ชุดนี้ หรือแฟนๆ รุ่นใหม่ที่เผลอหลงเข้าไปดูมันก็ตาม นี่คือเซอร์ไพรซ์แรกของปีที่ไม่อยากให้ทุกๆ คนพลาดเข้าไปชมกันในโรงภาพยนตร์ครับ
ขอขอบคุณ Major Cineplex ที่สนับสนุนการชมภาพยนตร์ในครั้งนี้ครับ