รีวิวเกม Battlefield 2042 สู่ยุคใหม่ของซีรีส์ กับสงครามที่ยกเครื่องยิ่งใหญ่กว่าเดิม

เริ่มเปิดให้เล่นตัวเต็มกันแล้วสำหรับ Battlefield 2042 สำหรับผู้ที่ซื้อ Gold Edition ขึ้นไป เรียกได้ว่ากลับมาครั้งนี้ก็สร้างความสนุกสมการรอคอยใครหลายคนจริงๆ ซึ่งก่อนหน้านี้ตัวผู้เขียนเคย พรีวิว Battlefield 2042 ช่วงทดสอบ รอบสื่อกันไปแล้ว มาคราวนี้เรามาดูกันดีกว่าว่าตัวเกมเต็มออกมานั้นมีความเจ๋งมากกว่าเดิมยังไงบ้าง


All-Out Warfare

ตัวเกมหลักของ Battlefield 2042 กับโหมด All-Out Warfare ที่จะมีให้เลือกหลักๆ อยู่สองรูปแบบนั่นก็คือ Conquest กับ Breakthrough แต่ที่พิเศษกว่านั้นคือผู้เล่นที่มากกว่าเดิมถึง 128 คน ทำให้การปะทะภายในสนามรบครั้งนี้ เดือดขึ้นมากกว่าครั้งไหนๆ

ส่วนตัวในภาคเก่าๆ ผู้เขียนไม่ค่อยชอบโหมด Conquest เท่าไหร่นัก เพราะมันมักจะมีสถานการณ์เหงาๆ บ่อยครั้ง เวลาแอบวิ่งไปยึดจุดคนเดียว แต่ความรู้สึกนั้นก็ต้องเปลี่ยนไปเมื่อผู้เล่นมากถึง 128 คน หรือฝั่งละ 64 ทำให้ภายในสนามรบแทบจะไม่มีที่ว่างให้พักสักเท่าไหร่นัก แม้จะมีสถานการณ์แอบวิ่งเหงาไปยึดจุดอยู่บ้าง แต่ก็มักจะมีคนเข้ามาตามสมทบเสมอ เป็นอีกหนึ่งความรู้สึกใหม่ที่ได้จากจำนวนผู้เล่นที่มากขึ้นนี่เอง

ส่วนในโหมด Breakthrough ก็ให้ความรู้สึกใหม่เช่นกัน ด้วยความที่ผู้เล่นสูงสุดมากขึ้นแต่จุดให้ยึดก็ยังมีแค่ 2-3 จุดเหมือนเดิม ทำให้การปะทะยิ่งดุเดือดขึ้นมากกว่าตัวเกมภาคก่อนๆ ใครที่ชอบความวุ่นวาย ตัวโหมดนี้ก็ถือว่าตอบโจทย์ได้ดีมากเช่นกัน แต่ในแง่ความบาลานซ์ ทีมบุกอาจจะเสียเปรียบเล็กน้อย เพราะด้วยจำนวนผู้เล่นที่มากขึ้น ทำให้ทีมป้องกันค่อนข้างได้เปรียบตรงจุดนี้

นอกจากนี้ระบบการเลือกตัวละครใหม่เป็น Specialist แม้เผินๆ จะดูทำให้ความเป็น Battlefield แบบปกติเสียไป แต่ในความเป็นจริงมันก็เพิ่มความหลากหลายและตัวเลือกให้กับการเล่นแบบเป็น Squad เป็นอย่างมาก หากคุณชอบที่จะเป็นแพทย์สนามพร้อมกับใช้ปืน Sniper ไปด้วย ก็เป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ในภาคก่อน แต่ใน 2042 เราสามารถปรับแต่งรูปแบบตัวละครให้เหมาะสมกับเราได้ และสามารถนัดแนะกับเพื่อนร่วมทีมเปลี่ยน Gadget ต่างๆ ให้เหมาะกับสถานการณ์ โดยที่เราไม่จำเป็นต้องเสียปืนหลักที่เราใช้ไปด้วย


Hazard Zone

โหมดใหม่แกะกล่องจากภาค 2042 ที่จะใช้ตัวแผนที่เดียวกันกับโหมด All-Out Warfare เพียงแต่จะปรับเปลี่ยนรูปแบบการเล่นเป็นการชิง Drive ก่อนที่จะพยายามเอาตัวรอดให้ได้จากแผนที่ ซึ่งมันก็จะมีกลิ่นอายคล้าย Battle Royale เล็กน้อย เพียงแต่เป้าหมายคือเอาตัวรอดออกจากสนามรอบให้ได้ โดยไม่จำเป็นต้องไล่ปะทะกับใคร

ว่ากันตรงๆ ผู้เล่นที่เข้ามาเล่น Battlefield อาจจะไม่ชอบโหมดนี้กันเท่าไหร่นัก เพราะมันไม่ได้ให้อารมณ์การลุยในสนามรบเท่าไหร่นัก แถมรูปแบบการเล่นก็จะตึงกว่าการเล่นทั่วไป เพราะหากโดนยิงล้มตายกันหมด Squad เกมก็จะจบทันที ทำให้ใครที่ไม่ใช่คอเกมประเภทนี้อาจจะไม่ถูกจริตสักเท่าไหร่

แม้คอซีรีส์อาจจะไม่โดนใจโหมดใหม่นี้เท่าไหร่นัก แต่ก็ถือว่ามันเป็นตัวเลือกหนึ่งที่ผู้เล่นสามารถเข้าไปเปลี่ยนบรรยากาศกันได้ อีกทั้งตัวโหมดนี้จะต้องเน้นการสื่อสารและเล่นกันเป็นทีมมากขึ้นกว่าเดิม เหมาะสำหรับผู้เล่นเป็นทีมที่ชอบความท้าทายเป็นอย่างมาก


Portal

หากโหมดใหม่ทั้งสองแบบที่ผ่านมาไม่ถูกใจคอ Battlefield ที่ต้องการความดั้งเดิม ตัวเกมก็ได้นำเสนอโหมด Portal ที่จะเป็นการนำตัวเกมภาคเก่าๆ ให้เราได้มาเล่นกันในภาพใหม่ไฉไลกว่าเดิม ซึ่งจะมีโหมด Classic ได้แก่ภาค 1942, Bad Company 2 และ ภาค 3 ซึ่งตัวเกมก็จะปรับรูปแบบการเล่นเป็นเหมือนภาคนั้นๆ อีกทั้งด่านก็ยังเป็นของภาคเหล่านั้นอีกด้วย

ในหมวด Portal นั้น นอกจากรูปแบบการเล่นแบบ Classic ผู้เล่นยังสามารถไปหาห้องแปลกๆ ที่สร้างด้วยเงื่อนไขต่างๆ เช่น โหมดซอมบี้ ที่จะมีฝั่งใดฝั่งหนึ่งวิ่งเร็วกว่าปกติ แต่ใช้ได้แค่มีดเท่านั้น หรือจะตั้งเป็นแบบโหมด Hardcore ที่สามารถยิงเพื่อนร่วมทีมได้อีกด้วย

หากใครที่มีความคิดสร้างสรรค์สามารถออกแบบรูปแบบด่านที่สนุกๆ ได้ ก็สามารถใช้ Battlefield Builder ผ่านทางเว็บไซต์ Portal.Battlefield เพื่อปรับรูปแบบตัวเกมสุดเจ๋งในแบบของเราได้อีกด้วย


ไม่ปฏิเสธว่าตัวเกมในตอนนี้อาจจะมีบั๊กอยู่บ้างประปราย แต่ก็ยังไม่มีบั๊กที่รุนแรงถึงขั้นทำให้ไม่สามารถเล่นได้ ซึ่งในอนาคตก็คงต้องรอแก้กันต่อไป แต่ที่แน่ๆ หากใครที่โหยหาประสบการณ์การเล่น Battlefield ไม่ว่าจะแบบใหม่หรือแบบเก่า ภาค 2042 นี้ ถือเป็นภาคที่ตอบโจทย์เหล่าผู้เล่นได้ทุกรูปแบบจริงๆ ใครที่สนใจก็สามารถติดตามที่ช่องทางการซื้อเหล่านี้ได้เลย

ลิงก์ร้านค้า Origin
ลิงก์ร้านค้า Steam
ลิงก์ร้านค้า Epic Games

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้