Kena: Bridge of Spirits ถือเป็นเกมที่ได้รับความสนใจอย่างมากตั้งแต่เปิดตัว และมีกระแสที่แรงพอสมควรตั้งแต่วันที่มันวางจำหน่าย ว่ากันว่าเป็นเกมที่เล่นแล้วเหมือนได้ดูอนิเมชั่นเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว ทั้งยังเป็น IP ใหม่แกะกล่อง ซึ่งดูทรงแล้วสามารถต่อยอดไปได้อีกยาวๆ แต่ตัวเกมจะดีจริงหรือไม่ วันนี้ Chamokung จะมารีวิวให้อ่านกันครับ
Kena: Bridge of Spirits บทรีวิวโดย Chamokung
ก่อนอื่นต้องบอกว่าตัวผมเองทำการเล่นบน PC เป็นหลัก ซึ่งตัวเกมนั้นวางจำหน่ายในราคาที่ถูกกว่าเวอร์ชั่นคอนโซลอยู่พอสมควร ซึ่ง Playstation Store ไทยนั้นขายอยู่ที่ 1,290 บาท ส่วนบน PC มีขายอยู่ที่เดียวในตอนนี้คือ Epic Games Store ที่ราคา 552 บาท ซึ่งถึงหากใครอยากอัพเกรดเป็นเวอร์ชั่น Deluxe ก็จ่ายเพิ่มไม่มาก ซึ่งสิ่งที่เพิ่มได้มาก็คือ Digital Soundtrack ตามมาด้วยสกินของอาวุธ และสกินของเจ้า Rot ตัวน้อยที่เป็นสีทอง แค่นั้น ไม่ได้มีผลอะไรต่อเกมเพลย์ครับ
เนื้อเรื่อง
ว่ากันที่เนื้อเรื่องก่อน เอาจริงๆ แล้วถึงแม้ว่าภาพลักษณ์ของ Kena: Bridge of Spirits นั้นจะดูเป็นอนิเมชั่นให้เด็กดู เหมือนพวก Frozen และเรื่องอื่นๆ แต่เอาจริงๆ แล้วการเล่าเรื่องของเกมนี้ค่อนข้างที่จะดูมีความเป็นผู้ใหญ่นิดๆ ครับ คือเริ่มเกมมาผู้เล่นจะไม่ได้มีการปูพื้นเนื้อเรื่องใดๆ ผ่านคัทซีนเลย มีแค่คำบรรยายนิดหน่อยที่ว่าด้วยเรื่องของหน้ากากไม้ที่ทำขึ้นมาเพื่ออุทิศให้ผู้ล่วงลับ แล้วก็ที่มาที่ไปของผู้นำทางวิญญาณหรือ Spirit Guide ซึ่งก็คือตัวละครเอกอย่าง Kena นั่นล่ะ
แต่ว่าผู้เล่นจะได้ซึมซับเนื้อเรื่องผ่านเหตุการณ์และสภาพแวดล้อมที่เกิดขึ้นตรงหน้า ซึ่งก็มีทั้งคัทซีนสวยๆ เหมือนหนังอนิเมชั่นให้ดู รวมไปถึงผ่าน Dialog ที่ตัวละครอื่นพูดออกมา
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เนื้อเรื่องของเกมนี้ก็ไม่ได้ตีความยากอะไร มันค่อนข้างเป็นเส้นตรงพอสมควร เพียงแต่ว่าผู้เล่นจะต้องเรียบเรียงเรื่องราวในหัวเองนิดหน่อยเท่านั้น ซึ่งโดยรวมก็ถือว่าค่อนข้างสนุก ผู้เล่นอินได้ไม่ยาก ไม่ถึงกับดาร์คจนไม่เหมาะกับเยาวชน เพียงแต่ว่ามันมีความรุนแรงนิดๆ หน่อยๆ ตามสไตล์เกมผจญภัยสำหรับวัยรุ่นที่อายุ 12 ปีขึ้นไปตามการจัดเรทของ PEGI ครับ
และสุดท้ายที่ผมชอบมากเลยก็คือ ช่วงคัทซีนฉากสำคัญต่างๆ มันเหมือนได้ดูอนิเมชั่นจริงๆ ทั้งมุมกล้อง การเคลื่อนไหว ทำออกมาได้ดีไม่แพ้เกมจากค่ายยักษ์ใหญ่เลยทีเดียว
งานภาพ
มาที่เรื่องของ Visual ต่างๆ บ้าง จุดนี้ถือว่าดีมากๆ เลย นี่คือเกมฟอร์มไม่ใหญ่จากค่ายน้องใหม่ที่ทำออกมาได้ยอดเยี่ยม และไม่น่าเกลียดสำหรับยุคนี้ รวมไปถึงเครื่องคอนโซล Gen ใหม่ ถึงแม้ว่า PC ของผมที่มี Ram 16 GB การ์ดจอ 2070 และ CPU Ryzen 7 ตัวท๊อปจะเกิดอาการเฟรมร่วงอยู่บ้างแม้ปรับ Low แต่นั้นก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในพื้นที่กว้างๆ เห็นฉากไกลๆ แค่นั้น แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเวลาสู้กับบอส
ส่วนบนเวอร์ชั่น Playstation 5 นั้นหายห่วง แทบไม่มีปัญหาอะไร ส่วนในเรื่องของบรรยากาศนั้นก็ดูดี สีสันสดใสงดงาม แยก Object ต่างๆ ออกได้ง่าย ถึงแม้ว่าตลอดทั้งเกมส่วนใหญ่ผู้เล่นจะเจอแต่ป่าเขาเขียวขจีมีลำธาร แต่ก็จะมีบางฉากที่เป็นบรรยากาศอึมครึม ฝนคะนองฟ้าผ่า หรือบรรยากาศที่ดูลึกลับ น่ากลัว ทุกอย่างทำออกมาได้ลงตัว แสงสีเสียงรวมไปถึง Effect จากการต่อสู้ทั้งหมดดูเป็นเกมที่ผ่านการขัดเกลามาเป็นอย่างดี
เพลงประกอบ
ส่วนเรื่องเพลงประกอบก็ดีงามครับ ยิ่งถ้าหากคุณซื้อบน PC ที่ราคา 500 กว่าบาทคุณจะรู้สึกว่าเกมนี้มันคุ้มจังวะ คือเพลงมันมีสไตล์ที่เข้ากับ Setup ของเกม ทั้งเครื่องเคาะ ทั้งจังหวะหลายๆ อย่าง คือมันรู้ได้เลยว่าทีมงานทำการบ้านมาว่าเกมมีธีมแบบนี้ สไตล์เพลงควรจะเป็นแบบนี้ถึงจะเหมาะ โดยรวมแล้วก็คือว่าผ่านมาตรฐานเลยทีเดียว ส่วนเสียง Effect อื่นๆ เวลาสู้หรือใช้สกิลก็ตามมาตรฐานเกมทั่วไป ถือว่าไม่แย่เลยล่ะครับ
เกมเพลย์
มาถึงเรื่องสำคัญอย่างเกมเพลย์กันบ้าง คือต้องบอกว่า Kena: Bridge of Spirits นั้นมันไม่ถือว่าเป็นเกม Open World นะครับ คือมันมีแผนที่ๆ ดูใหญ่ก็จริง แต่จริงๆ แล้วมันไม่ได้ใหญ่อะไรขนาดนั้น วิ่งแป๊ปเดียวก็สุดฉากแล้ว แถมตัวเกมก็ไม่ได้มีความยาวที่มากขนาดนั้น ซึ่งถ้าหากเป็นผู้เล่นที่มี Sense และไม่ได้แวะอะไรเยอะไม่ถึง 10 ชั่วโมงเกมก็จบได้
ซึ่งผมเองขนาดสำรวจฉากแบบละเอียดและพยายามเก็บ Object พอสมควรก็ยังใช้เวลาแค่ 11 ชั่วโมงด้วยซ้ำ และใช่ครับ ถ้าหากคุณเล่นเกมที่ระดับความยากแบบเริ่มต้น คุณน่าจะใช้เวลาน้อยกว่านั้นเข้าไปอีก แต่ผมไม่แนะนำเท่าไหร่ เพราะเกมมันจะไม่สนุกและขาดความท้าทายไปพอสมควร
เกมเพลย์หลักๆ ของเกมนี้ก็คือการออกผจญภัยเพื่อค้นหาความจริง และการเดินทางไปยัง Moutain Shrine หรือแทนบูชาแห่งขุนเขาศักดิ์สิทธิ์ ระหว่างทางไปที่นั่น Kena ก็จะพบเจอกับเหล่าตัวละครที่เดือดร้อน และต้องการความช่วยเหลือจากเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นและกัดกินไปทั่วดินแดนแห่งนี้ การต่อสู้ของเกมนี้จะเป็นแอคชั่นที่ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน มีสกิลและท่าให้ใช้เพียงไม่กี่ท่า มีตีหนักตีเบา ท่าพิเศษนิดหน่อย มีการหลบ เปิดเกราะป้องกัน ปาระเบิด และการยิงธนูที่มี Freeze Time ให้ยิงเท่ๆ แค่นั้น
ถ้าจะให้ผมอธิบายง่ายๆ เกมนี้ฟีลมันเหมือนเกมตระกูล Dark Souls ผสมกับ Zelda: Breath of the Wild ฉบับย่อๆ ครับ คือมันไม่ได้ยากโหดหินถึงขนาดเกมตระกูล Souls แต่ผมบอกเลยว่าโหมดยากสุดของเกมนี้ก็ถือว่ายากพอสมควรเช่นกัน ซึ่งถ้าใครอยากลองก็ต้องเคลียร์เกมไปรอบก่อนถึงจะเล่นได้นะครับ
คือฟีลการต่อสู้ของเกมมันก็แค่ใช้สกิลที่มีและอาวุธให้ถูกกับประเภทศัตรู ไม่ได้ละเอียดถึงขั้นมีการแพ้ธาตุอะไร แค่ศัตรูจะมีเงื่อนไขบางอย่างไม่งั้นมันตีไม่ตายแค่นั้น แต่โดยรวมก็แค่หลบให้ดี และป้องกันให้ถูกจังหวะ แล้วหาโอกาสสวนเท่านั้น ซึ่งสิ่งที่ทำให้เกมนี้ง่ายขึ้นก็คือท่าใหญ่ที่มาจากเจ้าตัวน้อยอย่าง Rot ซึ่งผมจะขอเรียกมันว่าน้องเน่าก็แล้วกัน
คือพวกน้องเน่าเนี่ย มันจะมีอยู่ตามฉากเยอะแยะไปหมด มีเป็นร้อยตัว การสังเกตก็คือจุดนั้นมันจะมีออร่าสีม่วงๆ ลอยฟุ้งออกมา บางตัวแค่เดินไปเคาะไม้เท้าก็ได้มาครอบครอง แต่บางตัวอาจจะต้องแก้ Puzzle นิดหน่อย ถ้าหากเก็บได้เยอะพอ ก็จะได้ Rot Level เพิ่ม และมันจะทำให้ผู้เล่นได้ Rot Action เพิ่มขึ้นมา ซึ่งสิ่งนี้ คือราคาที่ต้องจ่ายในการใช้ท่าใหญ่อันรุนแรงหรือประสิทธิภาพสูง รวมไปถึงการฟื้นฟูพลังชีวิตด้วย
ใช่ครับ ตัวเกมไม่ได้ละเอียดและลึกถึงขั้นมีไอเทมกดใช้ หรืออุปกรณ์สวมใส่เพิ่มสถานะ มันมีแค่การเก็บสะสมเหล่าบรรดาน้องเน่าและแต้มตามฉาก แล้วเอามาอัพเกรดตัวละครให้มีท่าและสกิลที่หลากหลายขึ้น รวมไปถึง Rot Action ที่ทำให้ผู้เล่นสามารถใช้ท่าดีๆ และฟื้นฟูพลังชีวิตได้แค่นั้น เมื่อการต่อสู้จบลง พลังชีวิตก็จะกลับไปเต็มอัตโนมัติ
ปริศนา
มาที่เรื่องของ Puzzle กันบ้าง ในส่วนนี้ต้องบอกว่ามันเป็นอะไรที่ไม่ได้ยาก แทบจะ 100% เลยคือไม่ต้องไปนั่งเปิดยูทูปดูแล้วทำตาม ส่วนใหญ่ก็แค่มองหาหินแสงหรือดอกไม้เพื่อยิงธนูใส่ ส่วนพวกหินที่เป็นแม่เหล็กก็แค่ปาระเบิดใส่เท่านั้น นานๆ ที่จะมีพวก Puzzle ที่ต้องจำแล้วเรียงลำดับให้ถูก หรือต้องไปหารูปปั้นมาวางให้ครบ แต่เอาจริงๆ คือทุกอย่างมันรวมอยู่แถวนั้นแหละครับ เดินทั่วๆ เดี๋ยวก็เจอ
ถึงแม้ว่าการต่อสู้โดยรวมมันอาจจะไม่ได้หวือหวาและเทียบเท่าพวกเกม Hack and Slash แต่สิ่งที่ต้องชมก็คือ Boss Fight ครับ คือบอสหลายตัวมันให้ฟีลแบบ Dark Souls จริงๆ ยิ่งถ้าหากคุณเล่นโหมดยากนี่ผมบอกเลยว่าใกล้เคียงเลยทีเดียว แต่ละตัวนั้นจะมีท่าและวิธีการต่อสู้ที่ไม่เหมือนกัน บางตัวอาจต้อง Parry หรือใช้ธนูยิงจุดอ่อนก่อน บางตัวอาจต้องใช้ระเบิดช่วย อะไรแบบนี้เป็นต้น ส่วนพวกมินิบอสที่ถึงแม้จะดูมีหลายประเภท แต่โดยรวมมันก็แค่ตีๆ และใช้ท่าใหญ่ให้ตายไปไวๆ แค่นั้น ไม่ได้มีการแบ่ง Phase ชัดเจนเหมือนบอสใหญ่
สุดท้าย มาที่เรื่องน่าเสียดายกันบ้าง อย่างที่ผมบอกครับว่า เกมนี้มันไม่ได้ยาวมากและค่อนข้างเป็นเส้นตรง ภารกิจก็ซ้ำพอควร แถมผมแอบรู้สึกนิดๆ ว่าฉากจบของตัวเกมมันออกแนวจบดื้อๆ ไปหน่อยชอบกล อีกทั้งพวกน้องเน่าหรือไอเทมต่างๆ ที่แอบซ่อนอยู่มันก็ไม่ได้มีแรงจูงใจมากพอให้ไปตามเก็บขนาดนั้น
คือผมจบเกมมาด้วยน้องเน่า 79 ตัว ทั้งๆ ที่วิ่งหาแบบละเอียดพอสมควรแล้ว แถมเมื่อเล่นจบตัวเกมก็ไม่ได้เปิดโอกาสให้เราไปวิ่งเล่นเพื่อเก็บให้ครบ ซึ่งมันก็พอเข้าใจได้เพราะคล้ายกับ Zelda: Breath of the Wild เพียงแต่ว่า แผนที่ภายในเกมมันไม่ได้เอื้อต่อการให้สำรวจ คือบางโซนนี่แทบไม่มีอะไรเท่าไหร่เลยจริงๆ หรือพวก Side Quest ให้ทำตามสไตล์ Open World ก็ไม่มี มันเลยทำให้ผมขี้เกียจเก็บน้องเน่าให้ครบไปโดยปริยาย
ซึ่งถ้าหากใครอยากได้ถ้วย Platinum บน Playstation ก็ต้องเก็บให้ครบนะครับ สู้ๆ แล้วบอสใหญ่ของเกมก็มีไม่กี่ตัว น่าเสียดายไปหน่อย อ้อ! ขอแอบสปอยนิดๆ ครับ โหมดยากสุดของบอสตัวรองสุดท้าย มันคือ Dark Souls จริงๆ ครับ
ภาพรวม
โดยรวมแล้วตัวเกม Kena: Bridge of Spirits นั้นยอดเยี่ยม เป็นอีกหนึ่งเกมที่คุณไม่ควรพลาดในปีนี้ เพียงแต่ว่าบนเวอร์ชั่น PC นั้นคุณควรจะมีเครื่องที่แรงพอ หรือไม่ก็ต้องรอการ Optimize ที่ดีกว่านี้จากผู้พัฒนา มันเป็นเกมที่เล่นได้เรื่อยๆ ไม่ค่อยมีช่วงเบื่อ เนื้อเรื่องโอเค มีคัทซีนระดับอนิเมชั่นให้ดู องค์ประกอบหลายอย่างมันมาจากเกมเจ๋งๆ หลายเกม ได้ฟีลการผจญภัยแบบ Tomb Raider การต่อสู้มีกลิ่น Dark Souls หรือ Sekiro นิดๆ แล้วก็ Element ตามฉากแบบ Zelda: Breath of the Wild ผสมผสานกับการทำอนิเมชั่นสไตล์ดิสนีย์จึงออกมาเป็นเกมนี้
มันควรค่าต่อการเล่นและการเสียเวลา เกมนี้ดีไม่ดีผู้พัฒนาอาจจะหวังรางวัลพอสมควร เพราะมันมีทั้งความเป็นหญิงแกร่ง และ LGBT คนเอเชีย และผิวสีแฝงอยู่ด้วย ถือว่าผู้พัฒนาใส่ใจพอสมควรเลยครับถึงความหลากหลายในสังคม