หากใครที่ชื่นชอบเกมสไตล์ Souls-Like (เกมที่ยากคล้ายกับ Dark Souls) ก็คงต้องเคยได้ยินเกมที่ชื่อว่า Nioh กันมาบ้าง ไม่มากก็น้อย ซึ่งในภาค 2 ชาว Console ก็ได้เล่นกันมาแล้วตั้งแต่ช่วงต้นปี 2020 ส่วนฝั่ง PC ก็เพิ่งได้มีโอกาสเล่นกันเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2021 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นตัว Complete Edition ที่รวม DLC ทุกตัวที่มีในเกมเอาไว้แล้ว
ตัวเกม Nioh 2 เป็นเกม Souls-Like ที่มีความเป็นตัวเองสูงมาก โดยเฉพาะเรื่องของธีมเกมที่หากใครชอบตำนานญี่ปุ่นในช่วงยุคเซ็งโงกุที่ผสมผสานความแฟนตาซีแทบจะไม่ผิดหวัง เพราะตัวเกมนั้นนำเสนอจุดขายตรงนี้มาได้อย่างดีมากๆ โดยเฉพาะความหลากหลายของศัตรูภายในฉากที่ทำให้ตัวเกมสามารถดำเนินไปจนจบได้อย่างไม่น่าเบื่อ
เนื้อเรื่องของตัวเกมภาค 2 นั้น จะเป็นช่วงเนื้อหาก่อนภาคแรก ซึ่งจะมีช่วงมาบรรจบกันในตอนท้ายที่ใครไม่เคยเล่นภาคแรกมาก่อนอาจจะเกาหัวได้ว่าตัวละครเหล่านี้คือใครกันแน่ แต่เอาเข้าจริงๆ ตัวเกมก็ไม่ได้มีจุดเด่นด้านเนื้อเรื่องสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะในภาค 2 มีการเล่าเรื่องที่ “ชวนงง” มากพอสมควร ในระดับที่คนไม่รู้ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น อาจจะงงได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวละครนี้
แม้เนื้อเรื่องจะไม่ได้เป็นจุดเด่น แต่ตัวเกมก็นำเสนอด้านเกมเพลย์มาเป็นอย่างดี ทำให้ผู้เล่นสามารถลุยเกมนี้ได้มากกว่า 100 ชม. จากอาวุธที่มีมากถึง 11 ชนิด ซึ่งในแต่ละอาวุธก็จะมีการกดคอมโบที่แตกต่างกัน ที่นับเป็นจุดเด่นของตัวเกม ต่างจาก Dark Souls ที่เน้นตีธรรมดารอจังหวะเสียมากกว่า
และอีกสิ่งที่พลาดไม่ได้ก็คือเรื่องของการสร้างตัวละคร ที่สามารถทำหน้าตาออกมาได้หลากหลายและสวยมาก เรียกได้ว่าไม่ผิดหวังสมกับเป็นค่ายที่ทำเกม Dead or Alive จริงๆ ทำให้มี Preset การปรับแต่งหน้าตาตัวละครที่ถูกใจใครหลายๆ คน เป็นแน่แท้
นอกจากนี้ระบบ Co-op ของเกมยังทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งเราสามารถสร้างห้องเล่นเนื้อเรื่องกับเพื่อนของเราได้เรื่อยๆ (ต่างจาก Dark Souls ที่คนจะเข้าไปช่วยได้ต้องผ่านแอเรียนั้นเสียก่อน) นอกจากนี้หากกดเข้าด่านไปพร้อมกับเพื่อน จะทำให้ตัวเกมเปลี่ยนระบบเป็นแบบตายแล้วสามารถชุบได้อีกด้วย
ดูจากองค์ประกอบหลายอย่าง ก็เหมือนกับว่าเกมนี้ควรจะเป็นเกมที่ดังพอประมาณ แต่ด้วยปัจจัยหลายอย่างก็ทำให้เกมไม่ค่อยถูกพูดถึงมากนัก จากช่วงต้นปี 2020 ที่เกมออกมา ก็ถูกชิงสปอตไลท์ไปจากหลากหลายเกม ไม่ว่าจะเป็น Doom Eternal, Final Fantasy 7 Remake, Animal Crossing: New Horizons และเกมอื่นๆ ทำให้ตัวเกมบน Console ไม่ถูกพูดถึงมากนักในช่วงนั้น
และแม้จะได้ชื่อว่า Souls-Like เกมก็ตาม แต่ในภาค 2 นี้ ตัวเกมถือว่าง่ายขึ้นพอสมควร โดยเฉพาะเมื่อผ่านช่วงกลางเกมไปสักพักที่ผู้เล่นเริ่มสามารถอัพสกิลและจัดของต่างๆ ใส่ได้ ทำให้ตัวเกมค่อนข้างขาดความท้าทายเล็กน้อย โดยเฉพาะอาวุธใหม่ๆ ที่ค่อนข้าง OP พอสมควร อีกทั้งหากเล่นแบบ Co-op กับเพื่อน จะทำให้เกมนี้ง่ายขึ้นอย่างมากเช่นกัน
อีกหนึ่งปัญหาที่ผู้เล่นจริงจังหลายคนต้องประสบ หลังจากเริ่ม New Game+ กับการ Grinding ของต่างๆ ซึ่งดรอปยากมากกกกกก! อีกทั้งไอเท็มต่างๆ ต่างมีการสุ่ม Stat ที่วุ่นวายสุดๆ ทำให้การจะปรับเปลี่ยนสไตล์การเล่นเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมากในเกมนี้ ถึงขนาดที่คนทำคลิปแนะนำ Build หลายคน ต้องหยุดทำไปเพราะไม่สามารถไล่ฟาร์มของเพื่อเปลี่ยนสไตล์การเล่นของตัวเองไหว รวมไปถึงการ RNG Stat ไอเท็มที่ค่อนข้างยุ่งยาก
โดยรวมแล้วเกม Nioh 2 เป็นเกมที่ดีมากเกมหนึ่ง โดยเฉพาะการเล่น First Run ครั้งแรก ที่จะทำให้คุณได้รับประสบการณ์การเล่นที่ดีที่สุดเกือบ 100 ชม. แต่ในแง่ของการกลับมาเล่นซ้ำใน New Game+ อาจจะทำให้หลายๆ คนเบื่อไปเสียก่อน ถึงอย่างนั้นใครที่ชอบเล่นเกม Co-op กับเพื่อน เกมนี้ก็ถือเป็นเกมที่ทำออกมาได้ดีมากเลยทีเดียว