รวม 5 เกมตระกูล Resident Evil ที่แฟน ๆ ลืมไปแล้วว่า Capcom เคยทำ

เป็นที่ทราบกันดีนะครับว่า Resident Evil นั้นเป็นเกมซีรีส์ที่ถูกทำออกมาแล้วหลายภาค ไม่ว่าจะภาคหลักหรือภาคสปินออฟ ซึ่งด้วยฐานความนิยมที่ซีรีส์นี้สั่งสมจากในภาคหลัก ก็ทำให้ภาคสปินออฟบางภาคได้รับอานิสงฆ์ถึงเรื่องยอดขายและเป็นที่รู้จักไม่แพ้ภาคหลักด้วย

ทว่าในทางกลับกัน ซีรีส์ Resident Evil ก็ยังมีอยู่บางภาคที่ไม่ค่อยเป็นที่กล่าวถึงในหมู่แฟน ๆ เท่าไหร่ ตรงนี้ก็อาจเป็นเพราะตัวภาคนั้นมีการโปรโมทน้อยเกินไป หรืออาจเพราะองค์ประกอบต่าง ๆ ในเกมไม่มีอะไรให้น่าจดจำนัก ซึ่งรอบนี้เราได้รวบรวม 5 เกมจากซีรีส์ Resident Evil ที่แฟน ๆ น่าจะลืมกันไปแล้วว่า Capcom เคยทำมาขาย โดยจะมีภาคไหนบ้างนั้น มาดูกันโลด

Resident Evil Survivor 2 – Code: Veronica

Gun Survivor (หรือ Survivor ในเวอร์ชั่นที่ขายนอกญี่ปุ่น) เป็นหนึ่งในซีรีส์สปินออฟของ Resident Evil ที่ทำออกมาในแนว FPS โดยภาคที่แฟน ๆ มักจำกันไม่ได้ก็คือภาค 2 ที่นำธีมจากภาค Code: Veronica มาใช้นั่นเอง ตัวเกมเคยลงตู้อาเขตหยอดเหรียญในช่วงกลางปี 2001 ก่อนที่จะถูกพอร์ตลง PS2 ในช่วงปลายปีเดียวกัน และยังมีการออกแบบเกมเพลย์ให้สามารถเล่นร่วมกับจอยปืน GunCon 2 ที่พัฒนาโดย Namco ได้อีกด้วย ซึ่งก่อนหน้านั้นใน Survivor ภาคแรกสมัยเครื่อง PS1 ก็เคยใช้เล่นร่วมกับจอยปืน GunCon รุ่นแรกได้มาก่อนแล้ว

เกมเพลย์ของภาคนี้จะแบ่งออกเป็น 2 โหมดใหญ่ ๆ ได้แก่ ดันเจี้ยนโหมด และ อาเขตโหมด โดยอาเขตโหมดจะเป็นการลุยตามเนื้อเรื่องเหมือน Code: Veronica ที่เป็นเกมหลัก ซึ่งระหว่างที่เล่นจะมีทางแยกให้ไปหลายทาง ในการจะเข้าบางจุดก็ต้องตามหากุญแจให้พบ และบอสที่เราจะได้เจอก็จะผันแปรไปตามเส้นทางที่เราเลือกด้วย ในขณะที่โหมดดันเจี้ยนจะเป็นฝ่าดงศัตรูที่ถูกปล่อยมาเป็นระลอก อารมณ์คล้ายกับการเล่นสไตล์ Survival ยิ่งปราบได้มาก อยู่รอดได้นาน คะแนนก็จะยิ่งเพิ่มเป็นทวีคูณ

Resident Evil: Deadly Silence

ภาคนี้เป็นหนึ่งในเวอร์ชั่นอัพเกรดของ Resident Evil ภาคแรกสุด ที่ลงบนเครื่อง Nintendo DS (เรียกย่อว่า DS) เมื่อปี 2006 และใช้ลูกเล่นของปากกา Stylus และทัชสกรีนของ DS อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งโครงการในการพัฒนาเกมนี้ก็สืบเนื่องมาจาก Capcom ต้องการฉลองครบรอบ 10 ปีของซีรีส์นี้ที่เริ่มวางขายภาคแรกสุดตอนปี 1996 นั่นเอง ตัวเกมมีโหมดใหม่ที่ชื่อ Rebirth ที่ผู้เล่นต้องไขปริศนาด้วยการใช้ทัชสกรีนและไมโครโฟนของเครื่อง DS เป็นหลัก โดยใครที่เคยเล่นภาคนี้น่าจะยังพอจำมินิเกมสุดแปลกในเกมได้ ที่เราต้องเป่าลมเข้าช่องไมโครโฟนเพื่อปั๊มหัวใจให้กับริชาร์ด หนึ่งในสมาชิกของหน่วย S.T.A.R.S. ที่ได้รับบาดเจ็บมานั่นเอง

Resident Evil: The Mercenaries 3D

หลังจากที่โหมด Mercenaries ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเกม Resident Evil ในฐานะโหมดพิเศษที่จะมีให้เล่นหลังจบเกม โดยมีเป้าหมายคือการปราบศัตรูในฉากให้มากที่สุดเพื่อทำคะแนนสูง ๆ กัน นับแต่นั้นมาโหมดนี้ก็ได้รับความนิยมมากขึ้นเพราะใช้เล่นเอาเพลิน ๆ ได้ แถมได้ความบันเทิงแบบไม่ต้องพะวงเรื่องหลอนอีกต่อไป Capcom คงเล็งเห็นโอกาสจากตรงนี้ เลยหยิบเอาโหมดดังกล่าวมาทำแยกเป็นเกมนึงไปเลย แล้วลงให้กับเครื่อง Nintendo 3DS พร้อมกับใส่ฟีเจอร์ที่รองรับกราฟิก 3D ของเครื่อง 3DS ด้วย

รูปแบบการเล่นจะได้รับอิทธิพลจาก Mercenaries ของ Resident Evil 5 เป็นหลัก ซึ่งตัวละครในภาคนี้จะมีให้เลือกทั้งหมด 8 ตัว ได้แก่ คริส, จิล, แบร์รี่, รีเบคก้า, แคลร์, คราวเซอร์, เวสเกอร์ และ ฮังค์ แต่ด้วยความที่มันเป็นภาคมินิเกม และไปลงเครื่องที่ไม่ใช่แพลตฟอร์มของกลุ่มฐานผู้เล่นส่วนใหญ่ คนเลยแทบไม่มีการพูดถึงกันเท่าไหร่นัก

Resident Evil Gaiden

สำหรับภาคนี้หากจะแทบไม่เหลือใครพูดถึงเลยก็คงไม่แปลกครับ เพราะ Gaiden ถือเป็นภาคที่แม้ทีมสร้างยังอยากจะลืมเลยด้วยซ้ำว่าพวกตนเคยทำกันมา และสุดท้ายเนื้อเรื่องของภาคดังกล่าวก็ไม่ถูกนำไปนับร่วมในไทม์ไลน์ของซีรีส์ เรียกได้ว่าตัดหางปล่อยวัดไปอย่างสิ้นเชิง ทั้งนี้ Resident Evil Gaiden เป็นภาคที่เคยลงให้กับเครื่อง Game Boy Color และใช้มุมกล้องเป็นแบบ Top-Down คล้าย Metal Gear Solid ภาค 1-3 แต่เมื่อเจอตัดเข้าฉากสู้กับศัตรู จะเปลี่ยนมาเป็นมุมมองบุคคลที่ 1 และจะมีเกจวิ่งไปมาซ้าย-ขวา แล้วเราต้องกดปุ่มเพื่อหยุดเกจให้ตรงช่องที่กำหนดไว้ จึงจะโจมตีศัตรูโดน

ทางด้านเนื้อเรื่องนั้นเป็นการเล่าถึงลีออนกับแบร์รี่ ที่ต้องไปสืบคดีเกี่ยวกับเหตุการณ์เชื้อแพร่ระบาดบนเรือสำราญ โดยคาดว่า Umbrella เป็นผู้อยู่เบื้องหลังวินาศภัยที่เกิดขึ้นทั้งหมด

Resident Evil: Genesis

ถ้าใครคิดว่า 4 ภาคที่พูดถึงไปก่อนหน้ายังไม่ใช่ภาคที่ถูกลืมมากพอ ต้องมารู้จักกับภาค Genesis กันสักหน่อยแล้วครับ ซึ่งภาคนี้ได้ลงเฉพาะบนโทรศัพท์มือถือเท่านั้น โดยวางจำหน่ายเมื่อปี 2008 ครั้งที่ยุคมือถือยังเป็นระบบซิมเบี้ยน ไม่ใช่ iOS หรือ Android อย่างที่นิยมกันในปัจจุบัน

ตัวเกมใช้พล็อตเรื่องแตกไลน์มาจากเหตุการณ์ใน Resident Evil ภาคแรกที่จิล และพรรคพวกในหน่วย S.T.A.R.S. ทีมอัลฟ่าต้องออกตามหาสมาชิกคนอื่น ๆ ของทีมบราโว่ที่ขาดการติดต่อไป และเมื่อเกมถูกพัฒนาลงมือถือ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเน้นให้เป็นเกมแนวไขปริศนาเป็นหลัก เพราะปุ่มบนมือถือมันไม่อำนวยเลย อีกทั้งการเล็งยิงศัตรูก็เป็นการกะช่องบนพื้นแล้วรอศัตรูวิ่งมาตกตรงเป้าแล้วค่อยใช้กดยิง แต่ที่น่าเสียดายกว่านั้นคือภาค Genesis มีวางจำหน่ายเฉพาะบางประเทศเท่านั้นด้วยครับ (แต่ยังพัฒนาโดย Capcom อยู่นะ)