ทีมงาน Online Station ขอขอบคุณทางบริษัท Sega Games ที่เอื้อเฟื้อโค้ดเกมเพื่อใช้ในการรีวิวเกมมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
แพลตฟอร์ม: PS4
ผู้พัฒนา: Ryu Ga Gotoku Studio
แนวเกม: แอ็กชั่น / ผจญภัย
Judgment นั้นเกมเป็นแนวแอ็กชั่นกึ่งผจญภัยที่จัดว่าเป็นภาคสปินออฟของซีรีส์ Yakuza และมีเรื่องราวอยู่ในจักรวาลเดียวกัน โดยหลังจากที่เกม Yakuza 6 ได้หาทางลงให้กับพระเอกคู่บุญของซีรีส์อย่าง คาซึมะ คิริว ได้จบอย่างสวยๆ ไปแล้ว ทางทีมผู้พัฒนาก็ได้ปล่อยเกม Judgment ออกตามมา และเปลี่ยนธีมของเกมให้มีกลิ่นอายของแนวสืบสวนสอบสวนเข้ามาเป็นพล็อตหลัก ซึ่งโครงสร้างของเกมจะเน้นไปที่เนื้อเรื่องของการสืบสวนไขคดีมากกว่าซีรีส์ Yakuza แถมตัวเอกของเกมนั้นยังได้นักร้อง-นักแสดงชื่อดังรุ่นเก๋าของญี่ปุ่นอย่าง ทาคุยะ คิมุระ มาเป็นแบบให้กับโมเดลตัวละครเอกของเกมด้วยเช่นกัน
เนื้อเรื่อง
พล็อตของเกมจะเล่าถึง ทาคายูกิ ยางามิ อดีตทนายความที่ประสบเหตุการณ์สำคัญระหว่างการว่าความให้กับจำเลยในคดีหนึ่ง จนทำให้เขาเลือกยุติบทบาททนายแล้วผันตัวมาเป็นนักสืบเอกชนแทน พอผ่านไป 3 ปีให้หลัง อยู่มาวันหนึ่งก็เกิดคดีฆาตกรรมต่อเนื่องในเมืองคามุโรโจที่เขาอาศัยอยู่ และเมื่อสืบสาวราวเรื่องลงลึกไปเรื่อยๆ ก็พบว่าคดีนี้มีความเกี่ยวโยงกับคดีที่ยางามิเคยรับผิดชอบสมัยที่ยังเป็นทนาย เขาจึงต้องค้นหาความจริงอันดำมืดที่อยู่เบื้องหลังของคดีให้กระจ่างในที่สุด โดยมีคู่หูที่เป็นอดีตยากูซ่านามว่า ไคโตะ พร้อมด้วยตัวละครอื่นๆ ที่ยางามิได้เคยร่วมงานกัน รวมถึงผู้คนในคามุโรโจที่ยางามิได้พบเจอคอยช่วยเหลือด้วย
เกมเพลย์
รูปแบบการผจญภัยของเกม Judgment จะได้อิทธิพลจากซีรีส์ Yakuza มาเป็นส่วนใหญ่ คือเป็นลักษณะแบบ “กึ่ง” โอเพ่นเวิลด์ ด้วยอาณาเขตจำกัดอยู่เฉพาะในเมืองคามุโรโจ (ที่จำลองสถานที่มาจากย่านคาบุกิโจ เขตชินจูกุ ของจังหวัดโตเกียว) โดยผู้เล่นต้องดำเนินเนื้อเรื่องไปเรื่อยๆ ทีละ Chapter และระหว่างที่ดำเนินเนื้อเรื่องก็จะมีเควสต์หลักให้ทำเป็นระยะ ซึ่งจุดแรกที่เกมนี้แตกต่างจากซีรีส์ Yakuza ก็คือ ยางามิ ตัวเอกของเกมนั้นเป็นนักสืบ ด้วยเหตุนี้บรรดาเควสต์และภารกิจส่วนมากจึงเป็นการค้นหาพยาน หลักฐานวัตถุ แอบสะกดรอยติดตามเป้าหมาย และคอยไขคดีไปเรื่อยๆ
ภารกิจประเภทค้นหาหลักฐานและไขคดีนั้นจะเป็นสิ่งที่ผู้เล่นต้องทำเกือบตลอดทั้งเกม โดยการค้นหาหลักฐานแต่ละครั้ง เกมจะแสดงหัวข้อและเป้าหมายของภารกิจให้เห็นอยู่ตลอดว่าเราต้องค้นหาอะไรบ้าง ซึ่งก็มีทั้งช่วงที่เป็นโหมดค้นหาหลักฐาน (Search Mode) ที่เราต้องเราเลื่อนอนาล็อกเพื่อมองหาวัตถุหรืออะไรที่ดูน่าสงสัยแล้วกดสำรวจ พอหาหลักฐานได้ครบจึงจะเข้าสู่ขั้นตอนต่อไปได้ คือต้องอาศัยความช่างสังเกตและคอมมอนเซ้นส์ของแต่ละบุคคล ถึงกระนั้นตัวเกมก็ยังมีตัวช่วยสำหรับผู้เล่นที่จนปัญญาจริงๆ ด้วยการกดยอมแพ้เพื่อขอดูคำบอกใบ้ แต่ก็ต้องแลกกับการพลาดรางวัลคะแนน SP ที่เอาไว้ใช้อัพสกิลไปโดยปริยาย
นอกจากนั้นแล้ว ในบางโอกาสเราจะได้คุยกับบางตัวละคร แต่ตัวละครนั้นไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลแก่เรา จนกว่าจะมีหลักฐานไปแย้งหรือยืนยันข้อมูลได้ ซึ่งถ้าเราเลือกหลักฐานผิดชิ้นก็จะต้องเลือกใหม่จนกว่าจะถูก แต่ก็จะเสียโอกาสได้รับแต้มโบนัส SP เช่นกัน ดังนั้นระหว่างเล่นเกมนี้ ผู้เล่นจึงจำเป็นจะต้องอ่านบทพูดของตัวละครให้ละเอียด พยายามอย่ากดข้ามหรือกดเร่งจนอ่านไม่ทัน จะช่วยให้ผ่านเกมง่ายขึ้นและซึมซับความสนุกจากเนื้อเรื่องของเกมนี้ได้อย่างเต็มที่
งานนักสืบอีกอย่างที่เราจะได้เจอกันบ่อยๆ ก็คือภารกิจสะกดรอยเป้าหมาย โดยเราจะต้องคอยเดินตามเป้าหมายไม่ให้รู้ตัว ถ้าเผลอให้เป้าหมายคลาดสายตา เราก็จะต้องรีบตามหาตัวให้เจออีกครั้งก่อนที่เวลาจะหมด โดยเป้าหมายจะมีเกจความระแวงอยู่ด้านบนของจอภาพ เมื่อไหร่ก็ตามที่เราเข้าใกล้เป้าหมายมากเกินไปแล้วถูกหันมาเจอ ก็จะทำให้มิเตอร์ความระแวงเพิ่มขึ้น ถ้าเกจเต็มเราก็จะถูกจับได้และเกมโอเวอร์ทันที วิธีแก้ก็คือรีบมองหาที่กำบังแล้วกดซ่อนตัว หรือยืนแอบอยู่หลังวัตถุที่มีความสูงกว่าตัวของเราแล้วเกจความระแวงก็จะลดลงเอง ซึ่งงานสะกดรอยในช่วงแรกๆ นั้นจะง่าย ขนาดที่ว่าต่อให้เราเดินทะเล่อทะล่าจนหน้าเรากับเป้าหมายแทบจะชนกันก็ยังสามารถวกกลับมาซ่อนตัวแล้วตามสะกดรอยต่อได้ แต่พอเล่นไปถึงช่วงหลังๆ การสะกดรอยจะเริ่มยากขึ้นโดยเป้าหมายบางคนจะระวังตัวมาก คอยหันดูรอบๆ ตลอด หรือบางครั้งก็จะมีเป้าหมายที่อยู่กันเป็นกลุ่มแล้วเราต้องพยายามหลบสายตาของทุกคน ซึ่งถ้าเราอัพสกิลด้านสะกดรอยมาด้วยก็จะช่วยให้เล่นสะดวกขึ้นมาก
ถัดมาเป็นเรื่องของการต่อสู้ ที่เป็น 1 ในปัจจัยหลักของเกมนี้ โดยระบบการต่อสู้นั้นจะมีความคล้ายกับเกม Yakuza 0 กล่าวคือตัวยางามิจะมีสไตล์การต่อสู้ที่ปรับเปลี่ยนได้ 2 ชุด ได้แก่ หมัดพยัคฆ์ ที่เน้นโจมตีเป้าหมายเดียว มีความรุนแรงสูง กับหมัดนกกระเรียนที่จะมีท่าเตะกวาด เน้นโดนหลายเป้าหมายพร้อมๆ กัน ซึ่งผู้เล่นสามารถกดเปลี่ยนสลับไปมาระหว่างหมัดพยัคฆ์และหมัดนกกระเรียนเพลงมวยได้ด้วยการกดปุ่ม D-Pad บนจอย และนอกจากท่าโจมตีพื้นฐานแล้วยังมีการสะสมเกจพลังเพื่อออกท่าโจมตีพิเศษ โดยจะมีท่าพิเศษให้ใช้หลากหลายตามสถานการณ์และตามสกิลที่เราได้เรียนมา ทั้งนี้ การเรียนสกิลจะต้องใช้ค่า SP ที่จะได้จากการกำจัดศัตรูหรือทำเควสต์ ส่วนสกิลที่สามารถเรียนได้นั้นจะมีมาเพิ่มจากการผ่านเหตุการณ์ต่างๆ ตามเนื้อเรื่อง รวมถึงการซื้อตำราวิชา หรือปลดล็อคด้วยการหา QR Code ที่ซ่อนตามที่ต่างๆ ให้พบแล้วถ่ายรูปมาจากระยะใกล้
ขณะเดียวกัน สกิลจำพวกท่าพิเศษที่ใช้เกจพลังนั้นนั้นมีประโยชน์ในการพลิกสถานการณ์อย่างมาก เช่นจังหวะที่เราล้มหรือถูกศัตรูรวบตัว ถ้ามีเกจพลังพอก็สามารถกดปุ่มสามเหลี่ยมเพื่อออกท่าพิเศษเพื่อโจมตีสวนกลับได้ทันที นอกจากจะเท่แล้ว ระหว่างที่เราใช้ท่าก็ยังเป็นอมตะอีกด้วย ทว่าท่าพิเศษบางท่าจะมีเงื่อนไขที่ต้องใช้งานในจังหวะเฉพาะเท่านั้น เช่นท่าโหนชิงช้าโจมตีก็จะใช้ได้ในบริเวณสนามเด็กเล่นที่มีชิงช้าเท่านั้น หากเรานำแต้ม SP มาเรียนท่าได้ครบก็จะช่วยให้เราต่อสู้ได้ทุกสถานการณ์
การหาเงินในเกมถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเกมนี้จะขยับตัวทำอะไรก็ต้องมีค่าใช้จ่าย ทั้งการซื้อไอเทมจากร้านมินิมาร์ท เข้าร้านอาหาร หากเจ็บตัวจากการต่อสู้แล้วไม่อยากใช้ไอเทมก็ต้องมีค่ารักษาพยาบาล หรือหากคิดจะทำเควสต์จีบสาวก็ต้องมีเงินพอที่จะเปย์ในการซื้อของขวัญให้สาวๆ อีก มิหนำซ้ำหลายๆ จุดในเควสต์เนื้อเรื่องหลักก็ยังจำเป็นต้องใช้เงินเผื่อผ่านเควสต์ด้วย แต่ครั้นจะเดินเตร็ดเตร่ในเมืองเพื่อไล่ต่อยตีกับอันธพาลหาเงินก็ไม่ใช่วิธีที่ดีนัก เพราะเงินที่ดรอปจากพวกกุ๊ยตามทางนั้นค่อนข้างน้อยและไม่ได้มีอัตราการดรอปที่แน่นอนตายตัว ดังนั้นการทำกิจกรรมหาเงินนอกเหนือจากการเล่นเนื้อเรื่องหลักจึงมีความสำคัญขึ้นมา ซึ่งงานนักสืบที่จะมีลูกค้ามาจ้างวานไม่ว่าจะเป็นงานตามหาคน หรืองานแนวสายลับจับบ้านเล็กก็จะมีค่าตอบแทนเป็นเงินสูงถึงหลักหมื่นหลักแสนเยนเลยทีเดียว
มินิเกมที่มีเพิ่มมาใหม่ในเกมนี้ และทำมาได้น่าสนใจมากคือ Paradise VR โดยการเล่นมินิเกมดังกล่าวจะเป็นการสวมแว่น VR เข้าไปเล่นเกมทอยลูกเต๋าคล้ายกับเกมเศรษฐี แล้วก็เดินไปตามช่องต่างๆ ตามแต้มที่เราทอยได้ ซึ่งแต่ละช่องก็จะมีเหตุการณ์ที่เกิดกับเราแตกต่างกัน เช่น ทำภารกิจไขตู้เซฟ เจอกับศัตรู ได้รับลูกเต๋าเพิ่ม หรือโดนลดลูกเต๋าเป็นการลงโทษ ซึ่งถ้าเราสามารถใช้เต๋าที่ได้มาอย่างจำกัดทอยไปจนถึงเส้นชัยได้ก็จะได้รับเงินตอบแทนจำนวนมหาศาล รวมทั้งเงินจากเหตุการณ์ในช่องต่างๆ ก็อาจมีมูลค่าถึงหลักล้านเยนเลย อีกทั้งโหมดนี้ยังมีศัตรูที่แปลกกว่าโลกความเป็นจริง อาทิ เสือ หรือนินจา เป็นต้น แถมในบางครั้งเราอาจสุ่มได้อาวุธแปลกๆ มาใช้ เช่นดาบไลท์เซเบอร์แบบหนังสตาร์วอร์ส หรือปืนเลเซอร์ ฯลฯ ถือเป็นโหมดสร้างสีสันที่มอบความสนุกแก่เราได้ไม่แพ้เนื้อเรื่องหลักด้วยซ้ำไป
อุปกรณ์ไฮเทคอีกอย่างที่เป็นทั้งส่วนสำคัญในการสืบคดีและมีเป็นมินิเกมให้เล่นสนุกๆ ก็คือโดรน ซึ่งในส่วนของการดำเนินเนื้อเรื่องหลักนั้น เราจะต้องบังคับโดรนทำมิชชั่นในการบินตรวจสอบสถานที่เพื่อมองหาเป้าหมายแล้วถ่ายภาพหลักฐานอยู่หลายครั้ง โดยหากนับเฉพาะการใช้งานโดรนในส่วนของเนื้อเรื่องหลักจะถือว่าค่อนข้างง่าย เพราะเราสามารถเล่นเนื้อเรื่องหลักจนจบได้โดยไม่ต้องอัพเกรดสกิลควบคุมหรือหาชิ้นส่วนมาปรับแต่งโดรนเลย ขณะที่การอัพเกรดหรือปรับแต่งโดรนจะไปมีบทบาทในตอนที่เราเล่นมินิเกมแข่งโดรนแทน ที่เมื่อเราชนะก็จะได้รับแต้ม SP และไอเทมดีๆ ตอบแทน การแข่งประลองความเร็วจะใช้ระบบบินรอบเส้นทางที่กำหนดสามรอบ โดยจะมีเส้นสีชมพูแสดงเส้นทางการบินตลอดไม่ให้เราหลง เทคนิคที่ทำให้ชนะก็คือจะต้องพยายามบินผ่านจุดลูกศรสีฟ้าซึ่งจะช่วยเร่งความเร็วให้โดรนของเราและถ้าเราเผลอบินไปชนวัตถุต่างๆ เกจพลังชีวิตของโดรนก็จะลดลง เราต้องคอยหาเก็บเครื่องหมายบวกที่ลอยอยู่ระหว่างแข่งที่จะช่วยฟื้นค่าความเสียหายตรงนี้ได้ ความยากที่แท้ทรูของมินิเกมนี้คือบางสนามจะมีเส้นทางที่ให้เราบินเข้าในตัวอาคาร ซึ่งจะมีโอกาสชนเพดานหรือสิ่งกีดขวางได้ง่าย และถ้าเสียหายมาก โดรนของเราก็จะพังจนต้องออกจากการแข่งขัน ดังนั้นการเรียนสกิลเกี่ยวกับการควบคุมโดรนและหาซื้อชิ้นส่วนมาปรับแต่งด้วย อีกทั้ง AI ที่เราต้องแข่งด้วยนั้นค่อนข้างเก่งและปรับแต่งโดรนมาอย่างดี
หลังจากที่เราเล่นเกมจบไปรอบนึงแล้ว จะสามารถปลดล็อคโหมดแนว Free-Roaming ที่ให้เราเข้าไปเก็บเควสต์ที่ตกค้าง เควสต์จีบสาว หรือมินิเกมที่เรายังทำเป้าหมายไม่สำเร็จให้ครบได้ ซึ่งจะไม่มีเรื่องของภารกิจเนื้อเรื่องหลักมากวนใจเราอีกต่อไป แถมยังมีไอเทมโบนัสให้นิดๆ หน่อยๆ หลังจากจบเกม และถ้าใครลองเข้าไปดูในส่วนของ DLC ที่มีจำหน่ายใน PlayStation Store ก็จะมีพวกไอเทมช่วยตั้งตัวในระยะเริ่มต้น รวมถึงไอเทมอำนวยความสะดวกในการเล่นสำหรับคนที่มีทักษะกับเกมแนวนี้ไม่สูงนัก ตลอดจนเสื้อผ้าสวยๆ ของสาวๆ ที่เราจีบได้ ใครเป็นสายเปย์ก็สามารถลองดูได้ครับ
กราฟิก / การนำเสนอ
เอกลักษณ์ที่เกมซีรีส์นี้สร้างไว้เป็นลายเซ็นของตัวเองก็คือการจำลองสถานที่ที่มีอยู่จริงๆ ในญี่ปุ่นมาเป็นโลเคชั่นหลักของเกม ซึ่งนอกจากเนื้อเรื่องที่มีการนำเสนอได้ยอดเยี่ยมแล้ว บรรยากาศของเมืองคามุโรโจก็มีมนต์เสน่ห์ให้เรารู้สึกเหมือนได้ไปเที่ยวย่านคาบุกิโจจริงๆ และพอผนวกกับกราฟิกที่ปั้นโมเดลและเบ้าหน้าตัวละครให้ดูมีกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่น ไหนจะรูปอาหารต่างๆ ที่มีให้เลือกกินตามร้านที่เหมือนจริงจนเล่นไปหิวไป ทุกอย่างเมื่อนำมารวมกันแล้วทำให้เกมดูมีสีสัน ชีวิตชีวาได้อย่างไม่น่าเชื่อ ใครที่ติดใจมาตั้งแต่ซีรีส์ Yakuza ถ้ามาลองเล่น Judgment ก็จะได้ฟีลไปอีกแบบ หรือแม้ใครจะมาลองจับ Judgment ก่อน Yakuza ดีไม่ดีพอเล่นจบแล้วอาจจะไปตามหา Yakuza มาเล่นดูบ้างก็เป็นได้
จุดเด่น
- เนื้อเรื่องมีปมประเด็นที่น่าติดตาม สนุกเหมือนกำลังดูหนังนักสืบดีๆ เรื่องนึง อีกทั้งมีพล็อตหักมุมเป็นระยะ เหตุการณ์พลิกไปมาตลอดเวลา
- ตัวละครหลักอย่างยางามิ หรือแม้แต่ตัวบทรอง รวมถึงตัวประกอบอื่นๆ ดูมีมิติ มีแง่มุมที่จับต้องได้ แม้แต่ตัวละครฝ่ายธรรมะก็ยังมีความเป็นสีเทาเจือปน ไม่มาแนวฮีโร่จ๋าจนดูเป็นพ่อพระในนิยาย
- สกิลการต่อสู้ของยางามิทั้ง 2 สไตล์ ล้วนผ่านการออกแบบมาอย่างดี มีความหลากหลาย ประยุกต์ใช้ได้ในหลายสถานการณ์ แถมยังมีประโยชน์เกือบทุกท่าด้วย
- ภายในเมืองคามุโรโจมีมินิเกมให้เล่นหลากหลาย ไม่ว่าจะแข่งโดรน คาสิโน ตู้เกมอาเขต หรือแม้แต่มินิเกมจีบสาวที่เล่นแล้วเพลินไปหมด
- เควสต์ย่อยต่างๆ ในเกมมีเนื้อหาที่น่าสนใจ ขณะที่หลายเควสต์ก็ช่วยให้รู้อีกแง่มุมและแนวคิดของตัวละครยางามิด้วย ถือว่าเป็นจุดขายของเควสต์ย่อยเกมนี้เลย
- บรรยากาศของเมืองคามุโรโจ จะกลางวันหรือกลางคืน ตลอดจน AI ผู้คนที่เดินสัญจรไปมา ช่วยให้เมืองดูมีชีวิตชีวาราวกับได้ไปเที่ยวในย่านคาบุกิโจ (ที่เป็นต้นแบบของคามุโรโจ) จริงๆ
จุดด้อย
- จำนวนมินิเกมเมื่อเทียบกับซีรีส์ Yakuza แล้วยังรู้สึกว่าน้อยกว่าพอสมควร
- มินิเกมบางประเภทอย่าง ไพ่นกกระจอก (Mahjong) หรือหมากรุกญี่ปุ่น (Shogi) เป็นสิ่งที่ผู้เล่นในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างเราๆ ซึ่งไม่ได้มีวัฒนธรรมคลุกคลีกับการละเล่นเหล่านี้เป็นกิจวัตร สามารถเข้าถึงได้ยาก ดังนั้นเลยต้องใช้เวลาเรียนรู้หรือทำความเข้าใจกับมันนานมาก นานจนคนที่อยากจะเก็บ Completion หรือโทรฟี่รู้สึกท้อไปเลย บ่อยครั้งผู้รีวิวยังรู้สึกว่าควรตัดมินิเกมนี้ออกจากตัวเกมเวอร์ชั่นที่วางจำหน่ายนอกประเทศญี่ปุ่นหรือนอกภูมิภาคเอเชียตะวันออกด้วยซ้ำ
สรุป
- ตัวเกมมีเนื้อเรื่องที่เข้มข้นและใช้กลวิธีนำเสนอได้ดีมาก ขณะเดียวกัน ระบบแอ็กชั่นก็ทำได้ตามมาตรฐานที่ซีรีส์ Yakuza เคยทำมา ซึ่งก็มีหลายอย่างที่ต่อยอดออกไปได้ดี แถมยังมีมินิเกมภายในเมืองให้เล่นมากมาย เอาแค่จำนวนเวลาเล่นเกมที่เราหมดไปกับเกมนี้ เมื่อนับรวมทั้งเนื้อเรื่องหลัก เควสต์ย่อย และมินิเกม ก็เกินคุ้มค่าเกมแล้วครับ นับว่าเป็นหนึ่งในเกมระดับคุณภาพจากฝั่งญี่ปุ่นที่ไม่ควรพลาดอย่างแรง