ทีมงาน Online Station ต้องขอขอบคุณทาง Bandai Namco Entertainment ที่เอื้อเฟื้อโค้ดเกมเพื่อใช้ในการรีวิวมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
แพลตฟอร์ม: PS4, Switch (ทีมงานทำการรีวิวจากการเล่นบนเวอร์ชั่น PS4)
ผู้พัฒนา: B.B. Studio
ผู้จัดจำหน่าย: Bandai Namco
สิ้นสุดการรอคอยเสียทีสำหรับเกม Super Robot Wars T (SRW T) ซึ่งเป็นภาค Standalone ภาคที่ 11 ของซีรีส์ โดยภาคนี้จะยังคงใช้ระบบหลักๆ มาจากภาค V และ X ที่เป็นภาคก่อนหน้า ส่วนอนิเมะโรบอตเรื่องใหม่ที่มาเป็นครั้งแรกได้แก่ Expelled from Paradise กับ Magic Knight Rayearth ส่วนหุ่นขาประจำอย่างมาชินก้า จะเป็นภาค Mazinger Z: Infinity ที่เพิ่งจะเข้าฉายไปไม่ถึงปี
เนื้อเรื่อง
ทางด้านเนื้อหาของภาคนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับเกม Super Robot Wars ภาคก่อนๆ แต่ก็จะเป็นเรื่องราวที่นำเอาอนิเมชั่นโรบอตหลายเรื่องมาโยงเข้าด้วยกันเหมือนเดิม โดยจะเป็นเรื่องราวหลังจากสงครามครั้งใหญ่ที่โลกต้องรบกับกองทัพซิออน, เผ่าสัตว์เลื้อยคลานและอสูรจักร เหล่าผู้กล้าหาญอันได้แก่ อามุโร่ผู้บังคับกันดั้ม เก็ตเตอร์ทีม และมาชินก้าทีมก็ได้กลายเป็นตำนานมีชีวิตผู้ช่วยเหลือโลกไว้ กาลเวลาได้ผ่านไปและอันตรายครั้งใหม่ก็กำลังเข้าใกล้โลกอีกครั้ง
ขณะเดียวกัน Saizo พนักงานกินเงินเดือนของบริษัทผลิตอาวุธสงครามยักษ์ใหญ่ VTX Union Inc. เขาได้รับหน้าที่ทดสอบหุ่นรุ่นใหม่ Tyranado ที่เป็นเครื่องต้นแบบของโครงการผลิตอาวุธจำนวนมากให้กับสหพันธ์โลก ในการทดสอบเขาโชว์ผลงานการควบคุมอย่างดี แต่เขากลับเสนอไปว่ามันยังไม่สมบูรณ์และหุ่นตัวนี้น่าจะขับแบบสองคนมากกว่า แล้วการพัฒนาหุ่นก็ยังดำเนินต่อไปจนกระทั่งเด็กสาวที่เป็นพนักงานใหม่นามว่า Rami ได้มารับหน้าที่เป็นคู่หู และในวันนั้นเอง บริษัทก็ถูกจู่โจมจากผู้ก่อการร้ายที่มีเป้าหมายที่ Tyranado ทั้งคู่จึงจำต้องออกรบฉุกเฉินโดยได้รับความช่วยเหลือจากเหล่าหุ่นรบผู้กล้าที่เดินทางมาสนับสนุน ซึ่งนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทั้งสองจะได้เข้าร่วมสงครามตัดสินชะตาของโลก (อนึ่ง ถ้าเราเลือกตัวเอกหญิง เราจะได้เล่นเป็น Sagiri ที่ปกติเป็นคู่แข่งจากบริษัทเดียวกันมาสลับบทแทน Saizo)
เกมเพลย์
ระบบพื้นฐานของ SRW T จะเหมือนกับภาคก่อนๆ โดยตัวเกมจะเป็นแนววางแผนการรบแบบเทิร์นเบส สลับกันเดินระหว่างฝ่ายเราและศัตรู เงื่อนไขในการผ่านฉากโดยส่วนใหญ่ก็คือทำลายศัตรูให้หมด หรือไม่ก็ทำลายบอสของฉาก เหล่าหุ่นรบที่ผู้เล่นบังคับจะมีค่า HP และก็ EN สำหรับใช้อาวุธ ซึ่งในอาวุธบางชนิดจะใช้เป็นจำนวนกระสุนแทน ทั้งนี้ หุ่นจากแต่ละเรื่องก็จะมีคุณสมบัติเฉพาะตัวต่างกันโดยอ้างอิงตามเรื่อง เช่น กันดั้มจะโจมตีไกลและมีค่าหลบหลีกสูง มาชินก้าจะมีความทนทานสูง หรือเก็ตเตอร์จะสามารถแปลงร่างได้สามรูปแบบ
เมื่อเริ่มเกมเราจะต้องเลือกระดับความยากจาก 3 ระดับคือ Standard ที่จะเป็นความยากแบบมาตรฐาน ระหว่างฉากจะมีเงื่อนไขให้ทำเพิ่มฉากละ 1 ช้อ เช่นผ่านฉากภายใน 5 เทิร์น หรือโจมตีบอสให้ตายในครั้งเดียว แล้วจะได้คะแนน SR ซึ่งถ้ามีแต้มนี้สูงเกมก็จะยากขึ้น ส่วนความยากที่เหลือคือ Beginner ซึ่งจะง่ายที่สุดและจะความยากนี้จะไม่ผันแปรตามคะแนน SR และสุดท้ายคือ Expert ที่จะจัดหนักด้วยความยากสูงสุดกับเราตลอด โดยปกติเราจะได้คะแนน SR อยู่แล้ว เพียงแค่ผ่านฉากแบบไม่คอนทินิวและไม่จำเป็นต้องทำเงื่อนไขอื่นใด อย่างไรก็ตาม ระดับความยากจะมีผลเพียงแค่การปรับค่าพลังของศัตรูให้สูงขึ้น แต่สุดท้ายแล้ว AI ศัตรูก็ยังไม่ค่อยฉลาดเหมือนเดิม ถือว่าเป็นเกมที่เล่นดูท่าเอาเพลินๆ มากกว่า
การจะทำให้กำลังรบของเราเก่งขึ้นได้นั้นมีอยู่หลายวิธี แรกสุดก็คือการเพิ่มเลเวลนักบินโดยการนำไปออกรบ ต่อมาคืออัพความสามารถของหุ่นโดยใช้เงินและใช้ค่า TacP (Tactical Points) ที่ได้จากการรบ แต่ค่า TacP จะสำคัญกว่าเพราะใช้ในเรื่องสำคัญหลายอย่าง เช่นซื้อสกิลให้นักบิน ซื้อพาร์ทไว้ติดหุ่น หรืออัพแผนการรบ
นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านฉากบางครั้งเราจะต้องเลือกเส้นทางหรือเงื่อนไขบางอย่าง เช่นทีมกันดั้มจะบุกขึ้นอวกาศแต่ทีมมาชินก้าจะอยู่ต่อบนโลก ทำให้เราต้องเลือกว่าจะตามทีมไหน ซึ่งตัวละครที่ได้ ตลอดจนการอัพเกรดหุ่นก็จะต่างกันไปตามเส้นทางทีเลือกด้วย ซึ่งเราจะต้องเล่นอย่างน้อย 2 รอบขึ้นไปจึงจะเข้าไปเล่นได้ครบทุกฉาก และสิ่งที่เป็นจุดเด่นอีกอย่างของตระกูล SRW คือจะมีเงื่อนไขลับอยู่มากมาย แม้ว่าเราเลือกเส้นทางถูกแล้วก็ยังไม่เพียงพอ เพราะจะต้องทำเงื่อนไขจำเป็นอื่นเพิ่มด้วย เช่น ถ้าเราใช้ตัวละครจากอนิเมะเรื่องนึงสู้กับคู่ปรับของเขาได้ตามจำนวนครั้งที่กำหนด ก็อาจจะได้คู่ปรับมาเป็นพวกหรือได้ท่าไม้ตายเพิ่ม ซึ่งความลับนี้จะไม่มีบอกโดยตรง แต่จะมีบอกใบ้ในเกมเล็กน้อย เช่นจะมีบทพูดคุยเพิ่มมาในช่วงที่เลือกคู่ต่อสู้ถูกคน
สำหรับส่วนที่เปลี่ยนไปของภาคนี้ก็คือ โหมดฝึกนักบินหรือ Sub-Order จะมีเงื่อนไขง่ายขึ้น ซึ่งโหมดนี้จะสามารถส่งนักบินไปฝึกหรือทำภารกิจเพื่อเพิ่มเลเวล หาเงิน ฯลฯ ซึ่งภาคก่อนๆ นี้นักบินที่จะใช้ได้จะต้องไม่ถูกใช้งานในฉากที่ผ่านมา ทำให้มีไม่กี่คนเท่านั้นที่จะสามารถใช้ได้ และมักจะเป็นนักบินที่ไม่เก่งมาก แถมไม่ค่อยถูกใช้งาน แต่ในภาคล่าสุดนี้ ถึงจะเป็นนักบินที่เพิ่งออกรบมาก็ยังใช้ได้จึงทำให้การเล่นเกมนี้สะดวกขึ้นมาก
กราฟิก / การนำเสนอ
เนื่องจากจุดเด่นของซีรีส์ SRW คือช่วงการใช้ไม้ตายที่เน้นความหวือหวาอลังการอยู่แล้ว โดยเฉพาะหุ่นที่เพิ่งมาใหม่ในภาคนี้บางตัวมีท่าไม้ตายที่ทำออกมาสวยกว่าต้นฉบับในอนิเมะเสียอีก แต่ก็น่าเสียดายที่ภาคนี้ยังคงรียูสองค์ประกอบในภาคเก่ากับตัวละครที่เคยมีมาใน SRW ภาคก่อนๆ อยู่มาก เมื่อเทียบกับหุ่นใหม่ๆ แล้วจะมีหุ่นเก่าบางตัวที่ด้านความสวยงามดูด้อยกว่า และยิ่งไปกว่านั้น ฉากคุยดำเนินเรื่องก็ยังพัฒนาไปมาก ไม่ใช่แค่เห็นหน้าตาตัวละครยืนนิ่งคุยกันแบบก่อน หลายฉากที่มีการวาดท่าทางเฉพาะขึ้นมาให้เห็นชัดๆ เลยว่าตัวละครกำลังออกท่าทางพิเศษอยู่ และบางครั้งก็ใช้คลิบวีดีโอจากต้นฉบับมาใช้ร่วมด้วย ถือว่าได้ใจแฟนๆ ที่เคยดูอนิเมะไปเต็มๆ ส่วนเพลงประกอบในระหว่างเล่นก็ถูกเลือกมาจากเรื่องนั้นๆ ได้ลงตัวดี แถมเวอร์ชั่นพิเศษของเกมนี้ยังเป็นเพลงร้องอีกด้วย แต่สำหรับเวอร์ชั่นธรรมดาก็สามารถใส่ไฟล์เพลงแล้วตั้งเป็นเพลงประจำของหุ่นแต่ละตัวได้เช่นกัน (เฉพาะเวอร์ชั่น PS4เท่านั้น เพราะตัวเครื่อง Switch ไม่สามารถลงไฟล์เพลงได้)
จุดเด่น
– แอ็กชั่นท่าไม้ตายมีความสวยงาม อลังการเอาใจแฟนๆ ของซีรีส์เต็มที่
– เนื้อเรื่องของเกมมีการอนิเมะหลายเรื่องมาหาจุดเชื่อมโยงเข้าด้วยกันอย่างลงตัว
– เส้นทางแยกและความลับที่มีในเกมค่อนข้างหลากหลาย ทำให้เล่นซ้ำได้หลายรอบ
– เปิดโอกาสให้ผู้เล่นเลือกใส่เพลงประกอบด้วยตัวเองได้ (เฉพาะบน PS4)
จุดด้อย
– เงื่อนไขการทำคะแนน SR หลายฉากจะค่อนข้างน่าเบื่อ ส่วนใหญ่จะชอบบีบให้เรารีบผ่านฉาก
– AI ศัตรูไม่มีความฉลาดเลย มิหนำซ้ำตัวเกมภาคนี้ยังปรับให้ผู้เล่นทำอะไรได้อิสระขึ้น จึงรู้สึกว่าเกมง่ายเกินไปมาก
– รูปแบบของเกมยังคงเน้นความอนุรักษ์นิยมมานาน จนชวนให้คิดว่าทาง B.B. Studio น่าจะลองทำอะไรที่แหวกแนวบ้างได้แล้ว
สรุป
เกมยังคงมีจุดเด่นที่การผูกหลายๆ เรื่องเข้าด้วยกัน และท่าโจมตีของหุ่นตัวหม่ๆหลายตัวก็ทำมาได้ดี สำหรับแฟนๆ ที่เคยดูอนิเมะมาก่อนถือว่าไม่ควรพลาด แต่ถ้าคนที่ไม่รู้จักแล้วคิดจะเล่นเพราะเห็นว่าเป็นเกมวางแผนการรบ อาจจะผิดหวังได้เพราะเกมค่อนข้างง่ายเกินกว่าจะต้องไปวางแผนอะไรกับมันนัก
