รู้จักกับ Harvest Moon: Back to Nature สุดยอดเกมปลูกผักในความทรงจำ

ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อนะครับว่าเกม Harvest Moon หรือซีรีส์ปลูกผักภาคที่เคยได้รับความนิยมสูงสุดภาคหนึ่งอย่าง Back to Nature จะครบรอบ 20 ปีของการวางจำหน่ายบน PS1 ในปี 2019 นี้ ซึ่งภาคดังกล่าวถือเป็นภาคที่จุดประกายให้เกมแนวทำไร่และปศุสัตว์ให้ปังในหมู่เกมเมอร์ได้ น่าเสียดายที่นับตั้งแต่ผู้พัฒนาได้เปลี่ยนมือไป ตัวเกมในภาคหลังๆ ก็เริ่มเสื่อมความนิยมลง ทั้งด้านเกมเพลย์และภาพรวมของเกมที่ไม่ดึงดูดเท่ามาตรฐานที่ภาค Back to Nature เคยทำเอาไว้ และด้วยโอกาสนี้ ทีมงาน OS เลยขอพาเพื่อนๆ ไปย้อนรำลึกกับความทรงจำเก่าๆ เกี่ยวกับเกม Harvest Moon: Back to Nature กันครับ

(ล่าง) ปกเกมเวอร์ชั่นอเมริกา

(ล่าง) ปกเกมเวอร์ชั่นญี่ปุ่น


การพัฒนาและความเป็นมา

– เกม Harvest Moon: Back to Nature เป็นผลงานการพัฒนาโดยสตูดิโอ Victor Interactive ซึ่งเป็นค่ายเกมที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1970 ต่อมาสตูดิโอแห่งนี้ได้มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรและถูกเทคโอเวอร์ไปหลายรอบ ความเคลื่อนไหวล่าสุดของค่ายนี้คือตกอยู่ภายในการดูแลบริหารของบริษัท Thunderful มาตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปี 2018 ที่ผ่านมาครับ

– เกมนี้มีลงให้กับ 2 แพลตฟอร์มเท่านั้น คือ PS1 ที่เริ่มวางจำหน่ายครั้งแรกในวันที่ 16 ธันวาคม 1999 และ PSP ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นพอร์ตที่วางจำหน่ายครั้งแรกในวันที่ 23 พฤศจิกายน 2005 โดยบน PSP นั้นจะมีแถมตัวเกมเวอร์ชั่นที่ตัวเอกเป็นผู้หญิงมาด้วย และเปลี่ยนชื่อแพ็คเกจของเกมมาเป็น Harvest Moon: Boy & Girl อีกทั้งยังเคยมีเวอร์ชั่นรีเมคที่ใช้ชื่อ Harvest Moon: Friends of Mineral Town และภาคเสริมชื่อ Harvest Moon: More Friends of Mineral Town ลงให้กับเครื่อง Game Boy Advance อีกด้วย

– เกมนี้ได้รับคะแนนวิจารณ์เฉลี่ยจากหลายๆ สำนักในต่างประเทศอยู่ที่ประมาณ 80% โดยเฉพาะทางตะวันตกที่มองว่าความสนุกของเกมนี้อยู่ในระดับพอใช้ เล่นเอาขำๆ ไม่มีพิษมีภัยได้ แต่สำหรับในบ้านเรา นี่คือเกมแห่งมวลมหาประชาชนเกมเมอร์ในไทย ซึ่งแทบทุกบ้านที่มี PS1 จะต้องมีเกมนี้ประดับบ้านไว้เล่นกัน แม้แต่ร้านเช่าเล่นในยุคนั้นก็จะต้องพบเห็นคนเล่นเกมนี้อยู่ด้วยแน่นอน


พล็อตเรื่องและเกมเพลย์

พล็อตเรื่องของเกมนี้ จะกล่าวถึงหนุ่มน้อยคนหนึ่งที่แวะไปเยี่ยมปู่ที่ฟาร์มในช่วงหน้าร้อน ทว่าปู่ของเขากลับยุ่งกับงานดูแลฟาร์มจนไม่มีเวลาให้หนุ่มน้อยคนนี้เลย เขาจึงค่อนข้างมีเวลาว่างที่จะออกเดินสำรวจตัวเมืองและป่ารอบๆ ฟาร์ม จนได้ไปพบกับเด็กสาวอายุคราวเดียวกัน และก็ได้ผูกมิตรในเวลาต่อมา พอปิดเทอมหน้าร้อนใกล้จะหมดลง เด็กน้อยก็ได้เวลากลับบ้าน ทว่าก่อนกลับเขาก็ได้สัญญากับเด็กสาวว่าเขาจะกลับมายังที่นี่สักวันนึง กระทั่งในอีก 10 ปีให้หลัง ปู่ของเด็กน้อยก็ได้เสียชีวิตลง เด็กน้อยเองก็เติบโตขึ้นเข้าสู่วัยรุ่นพอดี วันหนึ่งเขาก็ได้กลับมายังฟาร์มของปู่เพื่อสานต่อกิจการในฟาร์ม จากนั้นเด็กหนุ่มก็มีโอกาสได้พบกับผู้ว่าฯ ของเมืองและชาวบ้านคนอื่นๆ ซึ่งทุกคนมีความเห็นตรงกันว่าจะให้โอกาสพ่อหนุ่มคนนี้ดูแลฟาร์มของตัวเองและสานสัมพันธ์กับผู้คนในหมู่บ้านให้ได้ภายในเวลา 4 ปี มิเช่นนั้นเขาจะต้องเก็บกระเป๋ากลับบ้านไป

สืบเนื่องจากการที่เรามีภารกิจต้องทำให้ไร่ของเราอยู่รอดพ้นไปให้ได้ภายใน 4 ปี แกนหลักของเกมเพลย์เกมนี้จึงมุ่งเน้นไปที่การปลูกพืชผัก รวมถึงการทำปศุสัตว์ เพื่อให้เกิดผลิตผลแล้วนำเอาไปขาย กระทั่งพอเราได้เงินมาก็นำไปพัฒนาธุรกิจไร่ของเราให้งอกเงย ขณะเดียวกันก็ต้องขยายกำลังการผลิตพืชผักและสัตว์เลี้ยงไปเรื่อยๆ โดยระหว่างนั้นผู้เล่นก็จำเป็นต้องสังเกตุฤดูที่มันจะออกผล เพื่อวางแผนการจัดสรรพื้นที่ปลูกด้วยอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งบางอย่างเราก็ต้องไปพัฒนา และการพัฒนาเราก็ต้องไปขุดแร่ เก็บของป่า ค้นหาไอเทมลับที่ซ่อนอยู่ในเมือง ตลอดจนตกปลา ปลูกดอกไม้ และสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนบ้านเพื่อเอาไอเทมพิเศษ อีกทั้งดูทีวีเพื่อศึกษาข้อมูลภายในเกม ที่จะมีบอกถึงพยากรณ์อากาศ การสั่งซื้อของทางโทรศัพท์ สร้างอุปกรณ์เพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ เลี้ยงหมาไว้คอยไล่หมาป่า ฯลฯ และอีกสารพัดทำให้ชีวิตภายในเกมมีมากกว่าการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ เราจึงสามารถสรรหาวิธีที่จะได้เงินมาได้อย่างมากมายเพื่อพัฒนาฟาร์มโดยไม่ต้องปลูกพืชหรือเลี้ยงสัตว์เพียงอย่างเดียว สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้ระยะเวลา 4 ปีภายในเกมมีอะไรให้เพลิดเพลินได้ตลอดเวลา

นอกจากนี้ ไม่ใช่ว่าเราจะต้องทำสิ่งที่เกี่ยวกับไร่ของเราเท่านั้น หากแต่ภายในเมืองที่เราอยู่ล้วนมีจุดน่าสนใจให้เราเข้าไปสำรวจ แถมมีเหตุการณ์พิเศษที่ทำให้เราเข้าใจชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเมือง รวมถึงเรื่องราวในอดีต หรือความฝันของพวกเขา ให้เราได้ซึมซับไปกับตัวละครเหล่านี้ บางเหตุการณ์ก็มหัศจรรย์ราวกับเกมแฟนตาซี ได้ชมเบื้องลึกเบื้องหลังของเมืองที่มีตั้งแต่นางฟ้า กัปปะ ยันต้นไม้ร้องขอชีวิต และยังมีเทศกาลพิเศษภายในเมืองที่มีให้ร่วมสนุกตลอด โดยหลายเทศกาลจะเป็นมินิเกมเล็กๆ ให้ได้เล่นแบบสนุกๆ หรือบางเทศกาลก็เปิดโอกาสให้เราเกรียนได้เต็มที่ โดยที่เกมไม่ได้มีข้อห้ามอะไร

อีกไฮไลท์เด็ดของเกม Harvest Moon: Back to Nature ก็คือเกมนี้มีระบบจีบสาวและเราสามารถแต่งงานกับสาวที่เราตกลงปลงใจให้มาเป็นชีวิตคู่ ทว่าการจีบสาวในเกมนี้จะไม่ใช่การจีบแบบเกมจีบสาวประเภทเลือกคำตอบและนั่งดูเหตุการณ์วนไป ในทางกลับกัน เกมนี้เราต้องมีความมานะกันนิดหนึ่ง เพราะสาวๆ แต่ละคนจะมีของที่ชอบ ซึ่งเราก็ต้องนำของที่เธอชอบไปมอบให้เพื่อเพิ่มค่าความสัมพันธ์จนกระทั่งเธอมีใจให้เรา และแน่นอนของที่เธอชอบก็มีตั้งแต่ดอกไม้ริมทางที่เราเก็บมาได้ทุกวัน ยัน ไวน์ขวดละ 300 เอาไว้มอมสาวที่ชอบ และที่สำคัญ สาวๆ ที่เราจีบในเกมล้วนมีเอกลักษณ์ในการออกแบบที่ดีมาก ทั้งน่ารัก มีเสน่ห์ที่น่าหลงใหล ทำให้บางคนเผลอไปจีบสาวก่อนจะมาใส่ใจไร่ของตัวเองด้วยซ้ำไป แถมมีแฟนคลับของสาวๆ แต่ละคนแบบจริงจังและชัดเจน ทำให้โครงสร้างของระบบจีบสาวในเกมนี้ดูลุ่มลึกและมีมิติ และไม่มีความซับซ้อนจนหนีห่างความเป็นเกมแนวแคชชวลมากนัก


ความลับในเกม

– ในวันที่ 2 ของฤดูใบไม้ผลิ จะเป็นวันแรกของเกมที่ผู้เล่นสามารถบังคับตัวละครได้ (หลังจากดูฉากเปิดของเกมจนจบ) ซึ่งวันดังกล่าวเราสามารถนำไอเทมออกจาก Toolbox และนำมาใช้ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง และจะทำกิจกรรมได้ทุกอย่างโดยไม่เหนื่อย ผู้เล่นสามารถใช้ประโยชน์ตรงจุดนี้ในการอัพเลเวลขวาน ค้อน เคียว และอุปกรณ์อื่นๆ จนเต็มได้ในวันแรก ตราบใดที่ยังไม่ออกไปข้างนอกซะก่อน

– เกมนี้จะมีบั๊กอยู่อย่างนึงครับ โดยเมื่อเราได้ลูกบอล Dog Ball จากตัวละครที่ชื่อ Won ปุ๊บ ให้ลองขว้างไปเพื่อให้หมาของเราเก็บมา โดยที่ให้เราพยายามวิ่งตามไปเก็บด้วย หากเราสามารถเก็บลูกบอลได้พร้อมกับหมาพอดี เราก็จะได้ลูกบอลกลับมา 1 ลูก รวมกับอีกลูกที่หมาของเราเก็บมาด้วยอีก 1 ลูก ผู้เล่นสามารถใช้ทริคนี้ฟาร์มจำนวนลูกบอลได้ไม่จำกัดจำนวนเลย

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้