รีวิว Astro Bot Rescue Mission – เกม VR ที่ชาว PS4 ไม่ควรมองข้าม

ทีมงาน OS ขอขอบคุณบริษัท Sony Interactive Entertainment สาขาประเทศสิงคโปร์ ที่สนับสนุนโค้ดของเกม Astro Bot Rescue Mission เพื่อใช้ในการรีวิวมา ณ ที่นี้ด้วยครับ


Astro Bot Rescue Mission

แพลตฟอร์ม: PS4 (ต้องเล่นควบคู่กับอุปกรณ์ PlayStation VR)
แนวเกม: แอ็กชั่น
ผู้พัฒนา: Japan Studio


สารภาพตามตรงกันเลยว่า หลังจากผู้เขียนได้ซื้อ PlayStation VR ประดับอยู่ติดบ้านมาตั้งแต่เริ่มวางจำหน่ายเมื่อช่วงปลายปี 2016 จนปัจจุบันนี้ก็ยังหาเกม VR ที่ถูกใจปังๆ และสามารถเล่นได้ยาวๆ โดยไม่เวียนหัวได้ไม่มากนัก กระทั่งหลังได้เล่น Astro Bot Rescue Mission ซึ่งเป็นเกมแอ็กชั่นแพลตฟอร์มโฉมใหม่ ก็ได้ค้นพบความสนุกขั้นเทพแบบที่ต้องรีบบอกต่อทันทีครับ

เท้าความกันก่อนครับว่า Astro Bot นั้นเคยเป็น 1 ในมินิเกมของเกม PlayStation VR Worlds ที่วางจำหน่ายพร้อมกับอุปกรณ์ PlayStation VR มาตั้งแต่แรก ใครที่เคยเล่นเกมดังกล่าวมา น่าจะผ่านตากับหุ่นในชุดมนุษย์อวกาศตัวจิ๋วสวม PlayStation VR ที่ต้องคอยหยิบวัตถุมารุมปาใส่สัตว์ประหลาดไซส์เท่าตึก ทว่าใน Rescue Mission นี้จะเป็นเกมหลักที่มีเจ้า Astro Bot เป็นพระเอกเต็มตัว โดยเรื่องราวของเกมจะเล่าด้วยเหตุการณ์แบบง่ายๆ ว่าเหล่า Astro Bot ได้เดินทางท่องไปทั่วกาแล็กซีด้วยยานอวกาศ แต่แล้วก็ดันมียานของมนุษย์ต่างดาวมาฉกเอาแว่น VR ที่ติดอยู่หน้ายานของ Astro Bot ไป ทำให้ยานของ Astro Bot เกิดระเบิด และบรรดา Astro Bot ก็กระเด็นกระดอนไปอยู่จุดต่างๆ ของกาแล็กซีแบบไม่ทราบชะตากรรม ดังนั้นหน้าที่ของผู้เล่นก็คือสวมบทบาทเป็น Astro Bot ตัวสุดท้ายที่เหลือ แล้วออกเดินทางตามหาพรรคพวกกลับมาให้ได้

รูปแบบการควบคุมของเกมนี้จะใช้ลูกเล่นของตัว PlayStation VR ควบคู่กับจอย DualShock 4 ผ่านมุมมองที่ล็อคกล้องให้เคลื่อนที่ตรงไปตามทางได้อย่างเดียว แต่ระหว่างทาง เราสามารถหยุดอยู่กับที่แล้วให้ Astro Bot เคลื่อนที่ไปสำรวจรอบๆ ไต่ขึ้นที่สูง หรือทำลายบล็อคต่างๆ ได้อย่างอิสระ และหากเจอจุดที่เป็นมุมอับ ผู้เล่นสามารถใช้วิธีการชะโงกหัวหรือเอี้ยวตัวตามเพื่อขยายวิสัยทัศน์ในการสำรวจฉากได้อีกด้วย ซึ่งลูกเล่นนี้ถือว่ามีประโยชน์มากๆ ในการผจญภัยในเกม รวมถึงค้นหาความลับต่างๆ ที่ซ่อนอยู่ในฉาก

โครงสร้างของโลกในเกม ได้ถูกแยกย่อยออกเป็น World ต่างๆ คล้ายกับเกมแนวแอ็กชั่นแพลตฟอร์มยอดฮิตของฝั่ง Nintendo รวมๆ แล้วมีประมาณ 20 ด่าน โดยแต่ละฉากก็จะมีหุ่น Astro Bot ให้เราเข้าไปช่วยทั้งหมด 8 ตัว บางตัวก็รออยู่ในที่เปิดโล่งให้เราเข้าไปช่วยได้ง่ายๆ ในขณะที่บางตัวก็แอบอยู่ในหลืบที่ต้องใช้การหันศีรษะเพื่อสังเกตทุกซอกทุกมุมของฉาก ตรงนี้เกมจะพอช่วยเราอยู่บ้าง ซึ่งเหล่า Astro Bot ส่วนใหญ่มักจะส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือให้เราได้ยินหากไปอยู่ใกล้จุดที่พวกมันซ่อนตัวอยู่ อีกทั้งบางด่านก็จะมีบอสให้สู้ด้วย นอกจากนี้ ภายในฉากก็จะมีไอเทมให้เราเก็บหลายอย่าง ทั้งแบบไอเทมทั่วไปอย่างเหรียญทอง และไอเทมจำพวก Collectible ต่างๆ พร้อมกับศัตรูรายทางที่เราสามารถจัดการได้ด้วยการกดปุ่มสี่เหลี่ยม หรือด้วยวิธีการเฉพาะบางอย่าง เป็นต้น

เมื่อลุยไปไกลระดับหนึ่ง ตัว Astro Bot ของเราจะมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกในการผ่านด่าน หรือเข้าไปในบางจุดแบบเฉพาะที่ให้ใช้ ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้ล้วนใช้ลูกเล่นของจอย DualShock 4 ในการควบคุมทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือดึงกำแพงลงมา รวมถึงเครื่องมือทำทางข้ามฟาก ตลอดจนเครื่องมือที่สร้างพื้นชั่วคราวให้กับเจ้า Astro Bot โดยวิธีการใช้อุปกรณ์ก็ค่อนข้างสัมพันธ์กับฟีเจอร์ที่ผู้เล่นต้องทำกับตัวจอย เช่น เอียงจอย ถูทัชแพด ฯลฯ ทำให้รู้สึกได้ว่าเกมเพลย์ของเกมนี้ได้ใช้งานฟีเจอร์ของทุกอุปกรณ์ ไม่ว่าจะจอยหรือ VR ได้โคตรจะคุ้มค่า และมีเหตุผลพอให้เรารู้สึกว่ามันเป็นสิ่งจำเป็นต้องใช้อีกด้วย

รายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆ ที่เรียกว่าเป็นจุดเติมเต็มให้เกมนี้มีอรรถรสมากขึ้น ก็คือการที่เราสามารถใช้จอย DualShock 4 เล่นหรือหยอกล้อกับตัว Astro Bot ได้หลากหลายวิธีครับ อย่างเวลาเราอยู่ในฉากเลือกด่านที่จะลุย เจ้า Astro Bot ก็จะลอยเคว้งใกล้ๆ จอยของเรา และ ณ จุดนี้เราสามารถเคลื่อนจอยไปชนตัวมันให้กระเด้งเล่นเหมือนเดาะลูกปิงปองก็ได้ หรือระหว่างที่เราลุยอยู่ในฉากต่างๆ เราจะอยู่นิ่งๆ แล้วจ้องมองอิริยาบถน่ารักของ Astro Bot ที่มีต่อเราก็ได้เช่นกัน บางครั้งมันจะทำหน้ายิ้ม หรือเต้นเบรคแดนซ์ให้เราเห็นแล้วรู้สึกคลายเครียดได้ดีไม่น้อย ซึ่งส่วนนี้ผู้เขียนมองว่าเป็นการทำให้เกมดูมีชีวิตชีวาขึ้นเป็นกอง

ไฮไลท์อีกอย่างที่ไม่พูดถึงก็กระไรอยู่ นั่นคือตัวเกมมีการรองรับภาษาไทยนะครับ โดยเมื่อปรับภาษาเป็นไทยแล้ว คำอธิบายฉากต่างๆ รวมถึง Tutorial ที่ปรากฏตอนช่วงหัดเล่น หรือคำใบ้ตอนเราติดแหงกตรงไหนของฉาก ก็จะขึ้นมาเป็นภาษาไทยให้เลย มิหนำซ้ำคุณภาพงานแปลยังเข้าขั้นดีงาม อาจจะมีบางจุดที่รู้สึกว่าทีมแปลใช้คำแปร่งๆ ไปบ้าง แต่มีน้อยมากครับที่จะได้เห็นข้อบกพร่องส่วนนี้ นับว่าเป็นเกมที่ 3 ถัดจาก Shadow of the Colossus และ Secret of Mana เลยที่งานแปลอยู่ในเกณฑ์ดีเยี่ยม


จุดเด่น

– ด้วยความที่เกมมีการล็อคตำแหน่งของผู้เล่นให้ไปข้างหน้าอย่างเดียว แต่ยังสามารถหันศีรษะเพื่อดูฉากรอบๆ ได้แบบ 360 องศา ทำให้ผู้เล่นสามารถเล่นต่อเนื่องได้ยาวนานแบบไม่เกิดอาการเวียนหัวเลย เนื่องจากเราไม่จำเป็นต้องพะวงเรื่องการใช้อนาล็อคหันทิศมาปะปนกับการหันศีรษะของเราตามไปด้วย

– โลกของเกมมีความน่ารักสดใส กะทัดรัด ใช้เวลาในการเคลียร์แต่ละฉากไม่นาน พื้นที่ภายในด่านค่อนข้างจำกัดแต่นำมาใช้สอยได้เกิดประโยชน์ทุกภาคส่วน แถมลำพังการชมอิริยาบถของ Astro Bot ที่มีทั้งความมุ้งมิ้งและโปกฮาก็เพลินแล้ว

– ตัวเกมดึงประสิทธิภาพของ PlayStation VR, PlayStation Camera และจอย DualShock 4 ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ฟีเจอร์ของเกมทำให้เราได้ใช้งานอุปกรณ์ทั้งสามนี้อยู่ตลอดเวลา และไม่รู้สึกว่าเป็นการยัดเยียดเลย

– เกมนี้มีการรองรับภาษาไทยเต็มรูปแบบ คุณภาพงานแปลตรงเมนูคำสั่ง คำอธิบายต่างๆ ในเกม ทำออกมาได้ดี มีจุดที่แปลแล้วรู้สึกแปร่งๆ อยู่น้อยมากจนคิดว่าพอหยวนๆ ได้

จุดด้อย

– แม้ตัวเกมพยายามนำเสนอและดึงดูดให้ผู้เล่นใช้การชะโงกหรือเอี้ยวตัวในการมองมุมอื่นๆ ของฉากเพิ่มเติมได้ แต่ถึงกระนั้นในบางจุดของฉากก็ยังมีบริเวณที่ต่อให้เราชะโงกแล้วก็ยังไม่อาจเห็นอยู่ดี หรือมองได้ลำบากเกินไป

สรุป

ถ้าคุณมี PlayStation VR อยู่กับตัว อย่าลังเลครับ นี่คือ 1 ในเกมที่คุณต้องหามาเล่นให้ได้ ตัวเกมมีงานภาพที่น่ารัก ไร้พิษภัย เกมเพลย์ที่เป็นมิตรกับผู้เล่นทั้ง Gamer และ Non-gamer การได้ขยับศีรษะและแขนขาพร้อมกับเอาใจช่วย Astro Bot ในการผจญอุปสรรคและความท้าทายในแต่ละด่านมันช่างสนุกจนลืมเวลาเลย ยังคิดอยู่เหมือนกันว่าถ้าทาง Sony อยากจะปรับแผนการตลาดให้ PlayStation VR ขายได้คล่องขึ้น น่าจะเอาเกมนี้มัดรวมแล้วขายในราคาพิเศษไปเลยด้วยซ้ำไป

คะแนน 9.5

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้