รีวิวเกม Stifled – ความตายอยู่ใกล้เคียง เปล่งเสียงสัมผัสสยอง

ผู้พัฒนา: Gattai Games
แพลตฟอร์ม: PS4, PC (ทีมงานรีวิวจากเวอร์ชั่น PS4 ที่เล่นพร้อมอุปกรณ์ PlayStation VR)
แนวเกม: สยองขวัญ

**ทีมงาน OS ขอขอบคุณทางบริษัท Sony Interactive Entertainment สาขาประเทศสิงคโปร์ ที่เอื้อเฟื้อโค้ดเกม Stifled เพื่อใช้ในการรีวิวครั้งนี้ด้วยครับ**


Stifled นั้นเป็น 1 ในเกมแนวสยองขวัญแบบ VR ที่เรียกได้ว่าเป็นม้ามืดที่น่าจับตามองมากครับ ปกติแล้วเกมแนวสยองขวัญทั่วไปมักจะจู่โจมคนเล่นด้วยบรรยากาศชวนน่ากลัวที่เห็นและรับรู้ได้ผ่านสายตากับสิ่งที่เกมนำเสนอตรงหน้า แต่กับเกม Stifled นั้นเลือกที่จะตอบโจทย์ผู้เล่นด้วยรูปแบบที่แตกต่างไป โดยเกมนี้เลือกที่จะให้ความสำคัญกับ “เสียง” มากพอๆ กับความสำคัญเรื่องภาพ เมื่อเสียงหายใจของผู้เล่น เสียงฝีเท้า หรือของที่ร่วงลงพื้นในระยะห่าง ต่างก็มีความสำคัญต่อชีวิตของตัวเราทั้งสิ้น ซึ่งตัวเกมเวอร์ชั่น PS4 นั้นรองรับการเล่นกับ PlayStation VR เต็มรูปแบบทั้งภาพและเสียง ตลอดจนสามารถเล่นกับ PS4 รุ่นธรรมดาและ PS4 Pro ได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งจุดที่น่าสนใจของเกมนี้ก็คือนอกจากจะมีซับไตเติลแปลข้อความที่เราเห็นในเกมทั้งหมดแล้ว ยังสามารถเปลี่ยนเสียงพากย์เป็นเสียงภาษาไทยได้อีกด้วย จะเรียกว่านี่เป็นครั้งแรกของเกมบน PS4 ที่มีการให้เสียงภาษาไทยก็คงไม่ผิดนัก

สำหรับเกม Stifled นี้ ผู้เล่นจะได้รับบทเป็นเดวิด ริดลีย์ (David Ridley) หนุ่มที่กำลังมีปัญหาด้านจิตใจอย่างรุนแรงอันเนื่องมาจากเหตุการณ์เลวร้ายในชีวิตที่เคยประสบมา และนั่นก็เป็นผลทำให้การมองเห็นของเขามีปัญหาตามมาด้วย โดยตัวเราจะเริ่มเกมในบ้านของเดวิดในขณะที่อาการทางสายตาของเจ้าตัวเริ่มจะมีปัญหา เมื่อเริ่มเดินไปรอบๆ บ้านเพื่อค้นหาข้อมูลของเหตุการณ์ในอดีตแล้วก็จะพบว่ารอบๆ ตัวเขามีบางสิ่งบางอย่างเกิดผิดปกติขึ้น ทันใดนั้นก็จะเข้าสู่โลกแห่งความมืดมิดที่มีเสียงฝีเท้าของปีศาจร้ายที่พร้อมจะมุ่งเข้าเล่นงานได้ทุกเมื่อ

ทั้งนี้ ระบบของเกมจะอิงจากจุดที่ตัวละครมีปัญหาสายตาครับ นั่นจึงซึ่งทำให้รูปแบบของเกมถูกออกแบบมาให้มีความแตกต่างจากเกม VR อื่นๆ ที่ผู้เล่นจะใช้การมองสำรวจพื้นที่และสิ่งรอบตัวเป็นหลัก ทว่าใน Stifled นั้น ผู้เล่นจะต้องอาศัยเสียงช่วยด้วย ซึ่งการเปล่งเสียงออกไปหรือสร้างเสียงด้วยวิธีอื่น เช่น ปาสิ่งของไปกระทบให้เกิดเสียง จะทำให้เราสามารถรับรู้สภาพพื้นที่โดยรอบได้ โดยจะเห็นเป็นเส้นสีขาวบอกถึงตำแหน่งของพื้นที่ กำแพง สิ่งกีดขวาง แต่ในทางตรงกันข้าม ก็จะมีศัตรูที่ตามล่าเราจากเสียงที่เกิดขึ้นเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเสียงพูดหรือเสียงฝีเท้าของตัวผู้เล่นก็ล้วนแต่มีความสำคัญ ไม่ว่าจะเล่นด้วยอุปกรณ์ PlayStation VR หรือเล่นแบบปกติก็สามารถใช้ไมค์เพื่อพูดหรือตะโกนสร้างเสียงได้ ซึ่งตรงนี้ความดังของเสียงจะมีผลด้วย หากดังมากก็จะรับรู้ถึงสภาพรอบตัวได้ระยะไกลขึ้นและคงอยู่นานกว่า แต่โอกาสที่จะถูกพวกปีศาจพบตัวก็มีมากขึ้นด้วยเช่นกัน หรือถ้าจะเล่นแบบไม่ต้องการใช้ไมค์ก็ได้ โดยการกดปุ่ม R2 จะเป็นการสั่งให้เดวิดพูด ถ้ากดปุ่มแล้วปล่อยทันทีจะเป็นเสียงกระซิบ แต่ถ้ากดค้างไว้แล้วปล่อยก็จะเป็นการตะโกนเสียงดัง และที่พิเศษไปกว่านั้นคือ หากเราปรับเป็นภาษาไทย เดวิดก็จะพูดด้วยเสียงของนักพากย์ชาวไทยด้วย อาทิ “มีใครอยู่บ้างไหม” หรือ “เฮ้! ใครก็ได้”

ระบบของเกมนี้แบ่งได้เป็น 2 โหมดที่จะให้เล่นสลับกันไปมาตลอดทั้งเกม โหมดแรกจะเป็นฉากการมองเห็นแบบปกติ โดยโหมดนี้จะเป็นการเล่น ณ สถานที่ในอดีตของเดวิด เช่น บ้าน หรือ เรือสำราญ เราจะมองเห็นภาพมีสีสันตามปกติ แต่ก็จะเริ่มมีอาการทางสายตาให้เห็นบ้าง ทว่ายังพอเรียกความสามารถในการมองกลับมาได้บ้างด้วยการส่งเสียงกระตุ้น โหมดนี้จะไม่มีอันตรายจากศัตรู วัตถุประสงค์หลักคือจะให้เราค้นหาข้อมูลต่างๆ เพื่อให้ทราบเนื้อเรื่องในอดีตว่าเกิดอะไรขึ้นกับเดวิดกันแน่ สำหรับข้อมูลต่างๆ ที่เราพบในฉาก เช่น โน้ต บันทึก หรือบทความในหนังสือก็สามารถเปิดหน้าจอแสดงเป็นตัวอักษรให้อ่านกันชัดๆ ได้โดยไม่ต้องเพ่งมอง และแน่นอนว่าถ้าเลือกแสดงผลเป็นภาษาไทยก็จะขึ้นเป็นบทแปลมาให้เรียบร้อย ซึ่งถ้าอ่านจนครบก็จะเข้าใจเนื้อเรื่องได้อย่างถ่องแท้เลย

ส่วนอีกโหมดนึงจะเป็นฉากในความมืดมิด เราต้องส่งเสียงผ่านไมค์หรือกด R2 เป็นการส่งเสียงร้องเพื่อให้เกิดเสียงกังวานในฉาก แล้วจะเห็นเส้นทางหรือตำแหน่งของสิ่งกีดขวางเป็นเส้นสีขาวปรากฎขึ้นชั่วขณะนึง แต่ขณะเดียวกันก็จะมีอุปสรรคที่ทำให้เราไม่สามารถส่งเสียงอย่างต่อเนื่องได้ก็คือบรรดาปีศาจที่ปรากฏตัวอยู่ตามฉาก ซึ่งเราจะเห็นพวกมันเป็นเส้นเสียงที่แสดงด้วยสีแดง ทว่าตัวเราจะไม่มีความสามารถในการต่อสู้ใดๆ เลย สิ่งที่ทำได้จึงมีเพียงหาทางหลบปีศาจไปจนถึงจุดหมายเท่านั้น รวมถึงการล่อศัตรูที่ขวางทางอยู่ด้วยการใช้วิธีขว้างสิ่งของไปกระทบตำแหน่งที่ต้องการให้เกิดเสียงเพื่อล่อปีศาจไปทางอื่น

ทางด้านเหล่าปีศาจในเกมก็จะมีอยู่ด้วยกันหลายแบบ อีกทั้งยังมีลักษณะเฉพาะตัวที่แตกต่างกัน บางตัวจะวิ่งไปมาเพื่อตามหาเสียงที่เกิดขึ้น บางตัวก็จะไม่ค่อยเคลื่อนไหว แต่ถ้าเราทำให้เกิดเสียงขึ้นมาในขณะที่อยู่ใกล้มันก็จะถูกมันทำร้าย จุดสำคัญก็คือในบางจังหวะเราจะทำให้เกิดเสียงขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ เช่น เดินผ่านแอ่งน้ำ โดดลงจากที่สูง หรือหมุนวงล้อเพื่อเปิดประตูเป็นต้น ตัวช่วยในการเอาตัวรอดจากกรณีนี้ก็คือเราต้องถือของต่างๆ ตามฉาก เศษหิน หรือสิ่งของต่างๆติดตัวไว้เสมอแล้วโยนไปสร้างเสียงเพื่อล่อให้ปีศาจเดินออกไปจากเส้นทางของเรา ซึ่งของที่มีไว้ปาจะถือได้เพียงชิ้นเดียวเท่านั้น เราจึงควรเดินไปตามทางที่มีของตกอยู่เยอะๆ เพื่อที่เวลาโยนของที่ถือไปแล้วจะได้หยิบฉวยชิ้นใหม่มาแทนได้ทันที

อย่างไรก็ตาม การเล่นเกมนี้บน PlayStation VR นั้นถือว่าดีทั้งภาพ และตัวหนังสือก็เห็นได้ชัดเจน จริงๆ อาจเป็นเพราะว่าตัวเกมไม่มีฉากเคลื่อนไหวเร็วๆ และไม่มีจุดที่ต้องก้มๆ เงยๆ เท่าไหร่ด้วย จึงไม่รู้สึกเวียนหัวแม้ว่าจะเล่นเป็นเวลานาน


จุดเด่น

– โหมดโลกมืดมีลูกเล่นด้านเสียงที่น่าสนใจ ให้ฟีลของความกลัวและกังวลว่าตัวเราอาจจะทำให้เกิดเสียงขึ้น ได้อารมณ์แบบหนังสยองขวัญชั้นดี
– โหมดมองเห็นปกติมีการจัดวางลำดับการเล่าเรื่องได้ดี บางช่วงก็ให้บรรยากาศที่ลึกลับน่ากลัวกว่าโหมดโลกมืดเสียอีก
– รองรับภาษาไทยทั้งซับไตเติลและเสียงพากย์ เรียกได้ว่าดีงามพระรามแปด


จุดด้อย

– ตัวเกมค่อนข้างสั้น ถ้าเล่นแบบไม่ตายเลยจะจบเกมได้อย่างรวดเร็ว
– การกะระยะเพื่อปาสิ่งของนั้นค่อนข้างทำได้ลำบาก
– ปริศนาในเกมใส่มาค่อนข้างน้อยไปหน่อย


สรุป

เป็นเกมสยองขวัญที่ให้ความรู้สึกแตกต่างจากเกมอื่นที่เคยเล่นมา เนื้อเรื่องถือว่าใช้ได้ตามแนวสยองขวัญแบบตะวันตก ส่วนเกมในโหมดโลกมืดค่อนข้างยากพอสมควรยิ่งถ้าเป็นใจร้อนและจุดเซฟพ็อยท์ค่อนข้างไกลด้วย น่าเสียดายที่เกมสั้นไปหน่อย และลูกเล่นกับกราฟฟิกอะไรก็ยังไม่มาก อย่างไรก็ดีเกมนี้ก็มีจุดเด่นตรงเสียงพากย์ภาษาไทยนี่แหละที่ทำให้คิดว่าคุ้มค่ากับราคาทีเสียไป เล่นให้ความรู้สึกว่าค่ายเกมคอนโซลเห็นความสำคัญกับตลาดประเทศเรามากขึ้นแล้วนะ

คะแนน 7 / 10

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้