แพลตฟอร์ม: PS4
ผู้พัฒนา: Clap Hanz
ผู้จัดจำหน่าย: Sony Interactive Entertainment
เรต: ทุกวัย
แนวเกม: กีฬา
หากมองเพียงแค่หน้าปก Everybody’s Golf อาจเป็นเหมือนเกม IP ใหม่สำหรับบางคน แต่แท้ที่จริงเกมนี้เป็นเกมที่อยู่คู่กับวงการเกมเรามาถึง 20 ปีแล้วนับตั้งแต่ภาคแรกบนเครื่อง PS1 ซึ่งเกมเมอร์แต่ละคนก็อาจจะรู้จักเกมนี้ด้วยชื่อที่แตกต่างกันออกไปตามโซนที่วางจำหน่าย อย่างเช่นในญี่ปุ่นเกมนี้จะมีชื่อว่า “Minna no Golf” (มินนะ โนะ กอล์ฟ) แต่ทางฝั่งอเมริกาจะใช้ชื่อว่า “Hot Shots Golf” ทว่ากับภาคหลักซึ่งเป็นภาคที่ 7 ของซีรีส์ ทางผู้จัดจำหน่ายอย่าง Sony Interactive Entertainment (SIE) และ Clap Hanz ผู้พัฒนากลับเลือกที่จะรีแบรนด์ให้กับซีรีส์ด้วยการใช้ชื่อใหม่ให้เหมือนกันทั้งในอเมริกา ยุโรป และประเทศไทยของเราว่า “Everybody’s Golf” ไปเลย
Everybody’s Golf ยังคงเอกลักษณ์ในด้านของรูปแบบการเล่นที่เข้าใจได้ง่ายเอาไว้เช่นเคย สภาพสนาม ภูมิอากาศ รวมถึงทิศทางลมถูกนำเสนอออกมาได้อย่างชัดเจนบนหน้าจอ ทำให้เราสามารถเลือกเป้าหมายในการตีได้แทบจะทันทีที่มอง ประกอบกับการควบคุมที่เข้าใจง่ายก็ยิ่งทำให้เกมมีความฉับไวและต่อเนื่องเข้าไปอีก บางทีมันอาจทำให้เราเพลินจนรู้สึกตัวอีกทีก็ตีไปเป็น 10 หลุมหรือจวนจะจบทัวร์นาเมนต์อยู่แล้ว
นอกจากการสร้างตัวละครเฉพาะของเราเองด้วยรูปร่างหน้าตาและเครื่องแต่งกายจำนวนหนึ่งที่เกมมีมาให้ในตอนแรกแล้ว เรายังสามารถปลดล็อคไอเทมต่างๆ ผ่านการเล่นทัวร์นาเมนต์ได้อีกเรื่อยๆ ผู้เล่นสายแต่งตัวน่าจะเพลินกับการตามเก็บไอเทมเหล่านี้กันไม่น้อย นอกจากนี้ การเล่นทัวร์นาเมนต์ยังมีรางวัลเป็น EXP, เงิน และอุปกรณ์อย่างไม้กอล์ฟและลูกกอล์ฟที่มีค่าสเตตัสแตกต่างกันไปให้เราได้เลือกใช้งานได้ตามสไตล์การเล่นของตัวเองด้วย ซึ่งของรางวัลที่จะช่วยพัฒนาความสามารถให้กับตัวละครของเราเหล่านี้จะช่วยให้รู้สึกว่า เวลาที่เสียไปกับการตีหลุมแล้วหลุมเล่านั้นมันคุ้มค่าอยู่เหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม เสื้อผ้าและอุปกรณ์นักกอล์ฟไม่ใช่สิ่งเดียวที่ปลดล็อคได้จากการลงแข่งทัวร์นาเมนต์ แต่เรายังจะได้พบกับตัวละครนักกอล์ฟคนอื่นๆ ที่จะมาให้เราเลือกแข่งแบบ VS ด้วย ซึ่งการแข่งแบบ VS นี้ก็เป็นหนึ่งในสีสันของเกมไม่แพ้กัน เพราะตัวเกมจะไม่ได้นับคะแนนรวมว่าตั้งแต่หลุมแรกจนหลุมสุดท้ายเหมือนการแข่งทัวร์นาเมนต์ว่าใครได้กี่คะแนนบ้าง แต่การแข่งแบบ VS จะนับจำนวนครั้งที่เราชนะในแต่ละหลุมหักลบกับคู่แข่งแทน อีกทั้งการแข่ง VS ยังเน้นฮามากกว่าด้วยกติกาหรือลูกเล่นแปลกๆ อย่างเช่นมีหลุมทอร์นาโดที่จะดูดลูกกอล์ฟที่กลิ้งมาใกล้ๆ ให้ลงหลุมโดยอัตโนมัติ เป็นต้น
อาจเพราะทีมพัฒนากลัวเราจะเบื่อจากการตีกอล์ฟหลุมแล้วหลุมเล่า พวกเขาจึงใส่มินิเกมตกปลาในสนามกอล์ฟมาให้เราได้เล่นกันเพลินๆ ด้วย ตรงจุดนี้นับว่าเป็นการใส่ลูกเล่นมาเอื้อกับการเดินเล่นบนสนามกอล์ฟแบบโอเพ่นเวิลด์ได้ดีทีเดียว และที่น่าชื่นชมก็คือมินิเกมดังกล่าวไม่ได้แค่ใส่มาส่งๆ แต่กลับมีรายละเอียดอย่างการพัฒนาความสามารถในการตกปลาเพื่อให้ตกได้ปลาแต่ละชนิดที่ขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ก็เป็นสิ่งที่ดึงดูดให้เราติดอยู่กับมันได้นานสองนานเลยทีเดียว นับว่าเป็นการหย่อนใจจากการตีกอล์ฟได้ดี ไม่ต้องเปลี่ยนเกมหรือลุกไปทำอย่างอื่นแก้เซ็ง ก็นั่งเล่นมันอยู่เกมเดียวนี่แหละ
อย่างที่บอกว่าระบบการเล่นของเกมนั้นเป็นอะไรที่เข้าใจง่าย แค่ลองกดดู 2-3 ทีก็พอจะเข้าใจแล้ว แต่ในความเข้าถึงได้ง่ายนี้ตัวเกมก็มีลูกเล่นที่ทำมาเพื่อรองรับผู้เล่นมือโปรอยู่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้เรื่องพื้นผิวของสนามหรือการประเมินความแรงและทิศทางในการตีให้สอดคล้องลม รวมไปถึงเทคนิคการตีลูปแบบต่างๆ อย่างเช่นลูกท็อปสปินหรือลูกโค้งก็จะช่วยให้ผู้เล่นที่ช่ำชองสามารถรับมือกับสนามรูปแบบต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าไม่มากก็น้อย
ในด้านของการเล่นกับเพื่อน ตัวเกมจะรองรับโหมดมัลติเพลเยอร์ที่เล่นพร้อมกันได้ถึง 4 คนทั้งในแบบออนไลน์และออฟไลน์ แต่ที่ดูเหมือนจะเป็นพระเอกของโหมดมัลติเพลเยอร์ก็คือการเล่นแบบ Turf War ที่ถูกบรรจุเข้ามาในภาคนี้เป็นครั้งแรก รูปแบบการเล่นก็คือเรากับเพื่อนจะต้องแข่งทำคะแนนกับทีมฝั่งตรงข้ามในเวลาที่จำกัด ซึ่งด้วยเวลาที่จำกัดทำให้ความสนุกนอกจากการพยายามตีกอล์ฟให้ลงหลุมเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วและมากได้ก็คือการรีบเดินทางไปยังสนามแข่งสนามต่อไปด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะด้วยการวิ่งหรือใครมีรถกอล์ฟก็ขับรถกอล์ฟของตัวเองไป เรียกว่าเป็นรูปแบบการเล่นเฉพาะตัวที่สร้างความน่าตื่นเต้นและท้าทายให้กับการแข่งกอล์ฟได้ดีและอลหม่านในด้านความฮาได้ไม่น้อย
จุดเด่น
– เข้าถึงง่าย เหมาะกับผู้เล่นทุกวัย
– ประยุกต์รูปแบบและกติกาของกีฬากอล์ฟมาเป็นเกมได้ดี
– โหมดออนไลน์ให้ประสบการณ์ที่สนุกและตื่นเต้นในแบบฉพาะตัว
– ของรางวัลคุ้มค่ากับเวลาและความพยายามที่ทุ่มเทไป
จุดด้อย
– บทสอนผู้เล่นใหม่ (Tutorial) ผ่านการอ่าน นำเสนอออกมาไม่น่าสนใจหรือชวนให้อยากเรียนรู้เท่าที่ควร
– NPC ในสนามอาจทำให้เสียสมาธิระหว่างการตีในบางครั้ง
สรุป
หากจะให้หาจุดบกพร่อง Everybody’s Golf ก็อาจจะมีอะไรที่ขัดใจให้เห็นอยู่เล็กน้อย อย่างเช่นบทการพยายามจะอธิบายภาพรวมของเกมผ่านบทพูดของ NPC ที่ยืดยาวในช่วงแรก มันน่าจะดีกว่านี้หากตัวเกมสอนผู้เล่นใหม่ผ่านการเล่นจริงไปพร้อมๆ กัน ไม่ใช่ให้อ่านเหมือนกับเตรียมท่องหนังสือไปสอบแบบนี้ แต่อย่างที่กล่าวไปในข้างต้นว่าพอถึงเวลาเล่นจริง ระบบการเล่นของเกมก็เข้าใจง่ายในเวลาแค่ไม่กี่นาทีอยู่แล้ว นอกจากนี้ NPC ต่างๆ บนสนามก็อาจมีการขยับหรือมีเสียงมารบกวนสมาธิของเราระหว่างที่กำลังตั้งใจจะกดตีให้ได้ความแม่นยำสูงสุดในบางครั้ง แต่อย่างไรก็ตาม ข้อเสียเหล่านี้นับว่าเป็นแค่จุดบกพร่องเล็กๆน้อยๆ เท่านั้น มันไม่ได้ทำให้ระบบของเกมด้อยลงหรือขาดความสมดุลแต่อย่างใด เพราะภาพรวมของเกมไม่ใช่เกมที่เน้นความสมจริงหรือต้องซีเรียสว่าต้องเป๊ะกับทุกกฏของกีฬากอล์ฟ แต่มันเป็นเกมกอล์ฟที่เข้าถึงได้ง่าย เล่นได้เพลินๆ กับคนทุกเพศทุกวัย ตรงกับชื่อเกมว่า Everybody’s Golf หรือเกมกอล์ฟสำหรับทุกคนจริงๆ
คะแนน 9 / 10