ในบรรดาเกม Exclusive ที่จะออกมาในปีนี้ของ PS4 ก็เป็นที่แน่นอนแล้วนะครับว่าจะมี Uncharted: The Lost Legacy ซึ่งเป็น DLC Standalone ของ Uncharted 4: A Thief’s End รวมอยู่ด้วย แม้ว่าวันวางจำหน่ายที่แน่นอนจะยังไม่มีประกาศออกมา แต่ล่าสุดทาง Naughty Dog ผู้พัฒนาเกมนี้ ก็ได้เผยรายละเอียดของตัวเกม Uncharted: The Lost Legacy แบบจัดเต็มให้เหล่าเกมเมอร์กันเต็มอิ่มกันเลย โดยมีรายละเอียดดังนี้ครับ
– โลเคชั่นของเกม Uncharted: The Lost Legacy จะอยู่แถวๆ ทางตอนใต้ของประเทศอินเดีย
– ฉากที่ปรากฏ รวมถึงทิวทัศน์ต่างๆ จะมีขนาดใหญ่และสวยงามมาก และเปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้เดินทางและสำรวจได้เต็มที่ ตลอดจนมีอะไรให้เราได้เซอร์ไพรส์แทบจะทุกซอกมุม ซึ่งประโยคนี้ได้กล่าวโดยคุณ Shaun Escayg ผู้ดำรงตำแหน่ง Creative Director ของเกมครับ
– เหตุการณ์ในภาคนี้จะเกิดขึ้นประมาณ 6-12 เดือนให้หลังจากเกม Uncharted 4: A Thief’s End โดยจะมุ่งเป้าไปที่การค้นหาสมบัติอันล้ำค่าที่มีชื่อว่า งาพระพิฆเนศ (Tusk of Ganesh) โดยมี โคลอี้ เฟรเซอร์ (Chloe Frazer) และ เนดีน รอสส์ (Nadine Ross) จับคู่เป็นดูโอ้ตัวละครหลักของเกม ที่ต้องร่วมมือกันชิงเอางาพระพิฆเนศมาจากผู้นำกลุ่มกองกำลังทหารที่มีชื่อว่า อซาฟ (Asav) มาให้ได้
– ทาง Naughty Dog ต้องการที่จะหยิบเอาโคลอี้มาใช้อีกครั้ง เพราะเธอเป็นตัวละครที่มีเสน่ห์และน่าสนใจ อีกทั้งยังมีความ “ดาร์ค” กว่าเมื่อเทียบกับ เนธาน เดรค (Nathan Drake) พระเอกของซีรีส์นี้ ตรงจุดนี้แม้ว่าทั้งเดรคกับโคลอี้จะเป็นนักล่าสมบัติเหมือนกัน แต่เดรคนั้นจะมีภาพลักษณ์ที่ดูเป็นฮีโร่จ๋า ในขณะที่โคลอี้จะมีบุคลิกที่ดูกระหายกว่า เธอต้องการเป็นเบอร์หนึ่ง เป็นคนแรก และต้องอยู่แถวหน้าเสมอ ซึ่งในส่วนนี้คุณ Josh Scherr ผู้เขียนบทยังเสริมด้วยว่า ภารกิจตามล่างาพระพิฆเนศก็เป็นไอเดียริเริ่มของโคลอี้เองด้วย
– จากเหตุการณ์ใน Uncharted 4: A Thief’s End จะเห็นได้ว่าเนดีนนั้นได้สูญเสียไพร่พลของกลุ่ม Shoreline ที่เธอสร้างขึ้นไปไม่น้อย โดยสำหรับภารกิจชิงงาพระพิฆเนศนี้ โคลอี้ต้องการผู้ร่วมงานสักคนที่มีความเชี่ยวชาญด้านการทหาร และเนดีนก็คือผู้ที่เหมาะสมคนนั้น ซึ่งนี่ถือว่าเป็นการปูพื้นและเปิดตัวที่มาของตัวละครแบบสมเหตุสมผลที่สุดตั้งแต่มี Uncharted มาเลยก็ว่าได้
– ตัวตนของโคลอี้กับเนดีนจะมีความตรงกันข้ามกันโดยสิ้นเชิงอยู่ ทั้งนี้ โคลอี้จะเป็นคนที่เน้นใช้สัญชาตญาณและค่อนข้างหุนหันพลันแล่น ขณะเดียวกัน เนดีนก็จะเป็นคนที่มักทำอะไรตามหลักการและเยือกเย็นกว่า โดยประเด็นนี้ทางคุณ Kurt Margenau ผู้เป็นไดเร็กเตอร์ของเกมก็ได้อธิบายว่า “ในภาคนี้ทั้งคู่จะอยู่ในสถานะที่ต่างก็ไม่คุ้นเคยนัก โคลอี้ต้องโยกมาอยู่ในฐานะคนที่ต้องสั่งการ ส่วนเนดีนที่ปกติจะคอยสั่งคนอื่น ทว่าตอนนี้ต้องผันมาเป็นผู้รับจ้างแทน ภายในเกมทั้งคู่เลยต้องพยายามหาจุดลงตัวในระหว่างที่ร่วมมือกัน”
– เกมเพลย์ของ The Lost Legacy จะมีความคล้ายคลึงกับ Uncharted 4: A Thief’s End แต่ใน The Lost Legacy จะมีการเพิ่มความปราณีตและต่อยอดทุกสิ่งอย่างให้ดียิ่งขึ้นไปอีก
– สเกลของพื้นที่ที่มีให้ผจญภัยใน The Lost Legacy จะมีขนาดใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่มีการสร้างเกม Uncharted มาเลย เราคงเคยเห็นความอลังการของพื้นที่ในมาดากัสการ์ของภาค 4 กันไปแล้ว ทว่าใน The Lost Legacy จะเหนือกว่านั้นด้วยการระดมพลังบุคลากรถึง 5 ทีมในการเนรมิตแต่ละฉากเลยทีเดียว
– แต่ละฉากที่เราจะได้เล่นกันใน The Lost Legacy จะประกอบไปด้วยส่วนของความท้าทายในการปีนป่ายและสำรวจจุดต่างๆ รวมถึงปริศนาที่อยู่ตามฉาก การใช้สภาพแวดล้อมรอบตัวให้เป็นประโยชน์ในการผจญภัยและต่อสู้กับศัตรู โดยที่ส่วนใหญ่จะมีองค์ประกอบเหล่านี้ยำรวมกันในเกือบทุกฉากด้วย
– บรรดาอาวุธใหม่ๆ ของภาคนี้ที่จะมีแน่นอนก็เช่น ปืนติดที่เก็บเสียง, ระเบิด C4 ตลอดจนการต่อสู้ในระยะต่างๆ ที่หลากหลายวิธีมากขึ้น ในบางการต่อสู้ผู้เล่นสามารถหลบเลี่ยงได้ถ้าใช้วิธีลอบเร้น หรือบางการต่อสู้ก็จะเกิดขึ้นโดยที่เราไม่ทันตั้งตัว ซึ่งการต่อสู้ทั้งหมดที่ว่ามานี้จะมีขนาดใหญ่และดูเป็นธรรมชาติกว่าภาค 4 โดยที่ยังคงเปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้เลือกเช่นเคยว่าจะเข้าไปบู๊แหลกหรือย่องเงียบตามสไตล์ถนัดของตัวเองได้
– ระบบการสะเดาะกุญแจ (Lock Picking) เป็นฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มมาในภาค The Lost Legacy และเพื่อเป็นการเพิ่มความสมจริงให้กับระบบนี้ ทาง Naughty Dog ถึงกับลงทุนไปซื้อชุดอุปกรณ์สะเดาะกุญแจของจริงมาใช้ เพื่อนำมันมาประยุกต์เข้ากับตัวเกมด้วย
– เนธาน เดรค จะไม่ปรากฏตัวในภาคนี้ แม้ว่าทางทีมงานจะเคยมีคิดไว้ว่าอาจจะเอาเดรคมาโผล่ในภาคนี้บ้าง แต่พอได้พิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนก็เห็นว่าเนื้อเรื่องในภาค 4 มันจบสมบูรณ์ไปแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นต้องนำเดรคมาปรากฏตัวอีก
เครดิต: Official Blog / Gematsu