[รีวิว] Nioh – พลิกตำนานยอดซามูไรจากแดนตะวันตก

แพลตฟอร์ม: PS4 
ผู้พัฒนา: Team Ninja
ผู้จัดจำหน่าย: Sony Interactive Entertainment
เรต: 17 ปีขึ้นไป
ระยะเวลาเฉลี่ยที่ใช้ในการเล่นจนจบเกม: ประมาณ 30 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับเทคนิคของผู้เล่น)
ระยะเวลาเฉลี่ยที่ใช้ในการเล่นแบบเก็บทุกรายละเอียด: ประมาณ 40 ชั่วโมงขึ้นไป

Nioh เป็นอีกเกมที่ประกาศเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2004 โดยเริ่มแรกนั้นตัวเกมถูกวางไว้ว่าจะวางจำหน่ายในช่วงไล่เลี่ยกำหนดวางจำหน่ายเครื่อง PS3 ในปี 2006 และแล้วเกมก็ถูกเลื่อนไปยาวนานจนหลายคนคิดว่าเกมนี้ถูกยกเลิกการพัฒนาไปแล้ว ทว่าทางผู้ผลิตก็ยังยืนยันว่าเกมนี้ยังคงอยู่ แต่เปลี่ยนแพลตฟอร์มมาเป็นเกมของเครื่อง PS4 แทน กระทั่งเมื่อปีที่แล้วเดโมของเกมก็ได้ออกมาให้ดาวน์โหลดกันไปลอง สร้างความฮือฮาให้กับเหล่านักเล่นเกมพอสมควร

เนื้อเรื่องของเกมนี้มีการดัดแปลงมาจากบทภาพยนตร์ที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ของผู้กำกับชื่อดังของญี่ปุ่น อากิระ คุโรซาว่า ที่ล่วงลับไปแล้ว ซึ่งจะเป็นเรื่องราวของบุคคลในประวัติศาสตร์จริงคือนักเดินเรือชาวอังกฤษนามว่า วิลเลียม อดัมส์ (มีชื่อญี่ปุ่นในภายหลังว่า มิอุระ อันจิน) ที่ได้เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลกลายมาเป็นช่างต่อเรือในสังกัดของโชกุนโทคุกาวะ อิเอยาสึ และได้รับมอบยศซามูไรขั้นสูงสุดให้ แต่สำหรับเนื้อหาของบทภาพยนตร์และเกมจะมีการแต่งเติมในเรื่องของการต่อสู้กับเหล่าปีศาจและวิญญาณของเหล่านักรบต่างๆ โดยเราจะได้เล่นเป็นวิลเลียม ผู้เดินทางตามล่าศัตรูที่ชิงของสำคัญของเขาเมื่อตอนอยู่ที่อังกฤษ และก็ช่วยเหลือประเทศญี่ปุ่นที่กำลังจะเกิดสงครามจากเจตจำนงอันชั่วร้าย ซึ่งตัวละครที่ปรากฏในเกมล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลชื่อดังของญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็น โทคุกาวะ อิเอยาสึ, ฮัตโตริ ฮันโซ หรือแม้กระทั่งโอดะ โนบุนากะ

ระบบของเกม Nioh จะเป็นแนวแอ็กชั่นกึ่ง RPG ซึ่งถ้าใครเคยเล่น Dark Souls หรือ Bloodborne มาก่อนก็จะเข้าใจว่าระบบเกมมีความคล้ายคลึงกันในหลายส่วน เช่น ความยากของเกมที่ทำให้ตัวเราถูกฆ่าตายได้ง่ายๆ จากการโจมตีไม่กี่ครั้งของศัตรู อีกทั้งเราต้องคอยดูเกจ Ki ที่เหมือน Stamina ที่ตัวละครจะใช้ในการออกแอ็กชั่นต่างๆ ได้จำกัดจำนวนครั้ง และระบบ Amrita ที่เหมือนกับโซลซึ่งเราจะเก็บได้จากการกำจัดศัตรู เพื่อมีไว้ใช้อัพความสามารถของตัวละครแทน EXP และถ้าเราพลาดตายก็จะกลับไปยังจุดเซฟพอยต์ โดยโซลที่เราเก็บมาทั้งหมดก็จะดรอปตรงตำแหน่งที่เราตาย ศัตรูตามทางที่เรากำจัดไปแล้วจะฟื้นกลับมาหลังเรากลับมาที่จุดเซฟ ผู้เล่นต้องฝ่ากลับไปเก็บโซลให้ได้โดยไม่ตายซ้ำมิฉะนั้นก็จะเสียโซลไปทั้งหมด ซึ่งที่กล่าวมาข้างต้นนี้ก็เป็นระบบพื้นฐานที่เกม Nioh คล้ายกับ Dark Souls นั่นเอง

แต่นอกจากระบบพื้นฐานที่กล่าวไปข้างต้นแล้วรายละเอียดอื่นของเกมจะแตกต่างกันมาก ระบบที่โดดเด่นของ Nioh ก็คือการเปลี่ยนท่าจรดอาวุธ 3 ระดับ คือการจรดอาวุธสูงจะเป็นท่าโจมตีที่ช้าแต่รุนแรง หลบหลีกด้วยการกลิ้ง ส่วนจรดอาวุธต่ำจะโจมตีรวดเร็วแต่เบา หลบหลีกด้วยการสเต็ปออกข้างซ้าย-ขวา และสุดท้ายคือจรดอาวุธระดับกลาง ที่จะมีพลังและความเร็วสมดุล และหลบหลีกได้ทั้งสองแบบ นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนอาวุธที่ถือแบบเรียลไทม์ด้วย โดยอาวุธหลักของเกมนี้จะมีอยู่ 5 ชนิดคือ ดาบเดี่ยว, ดาบคู่, หอก, ขวาน และ เคียวโซ่ จาก 5 ชนิดนี้สามารถเลือกมาเซ็ตไว้ได้สองชิ้น และอาวุธแต่ละชนิดจะมีท่าโจมตีที่ต่างกันออกไปตามการตั้งท่าจรดอาวุธด้วย ซึ่งในระหว่างการโจมตีนั้นผู้เล่นสามารถเปลี่ยนสลับอาวุธสองชิ้นที่เซ็ตไว้และเปลี่ยนท่าจรดอาวุธได้ตลอดเวลา ทำให้สร้างท่าคอมโบโจมตีต่อเนื่องได้ตามต้องการตราบเท่าที่ยังมีเกจ Ki เหลืออยู่

ส่วนอาวุธระยะไกลของเกมนี้ก็จะมี 3 แบบคือ ธนู ปืนยาว และปืนใหญ่ ซึ่งความรุนแรงและจำนวนกระสุนที่พกได้ก็จะแปรผันสวนทางกัน อย่างไรก็ดี เราสามารถเลือกเซ็ตอาวุธประเภทยิงได้ 2 ชิ้นเช่นกัน และสามารถเปิดเมนูเปลี่ยนอาวุธยิงได้ถ้ากระสุนหมด สำหรับอาวุธยิงของเกมนี้จะสามารถซูมยิงจากระยะไกลมากๆ ได้ด้วย การเล็ง Headshot จากระยะไกลช่วยให้ผ่านหลายๆ จุดไปได้อย่างง่ายดาย จนแทบไม่อยากจะเชื่อว่านี่เป็นอาวุธยิงยุคซามูไร

เมื่อพูดถึงอาวุธไปแล้ว ถัดมาก็คือการอัพสกิลบ้าง ใน Nioh เราจะได้แต้มสกิลมาค่อนข้างมาก ซึ่งจะแบ่งเป็นซามูไรสกิลที่จะใช้เรียนท่าโจมตีพิเศษของอาวุธทั้ง 5 ชนิด และบัฟเสริมพลังต่างๆ เช่น ท่าชักดาบอิไอของดาบเดี่ยว หรือท่าแทงรัวของหอก เมื่อฝึกการใช้ท่าโจมตีพิเศษคู่กับการเปลี่ยนอาวุธและท่าจรดอาวุธจนคล่องแล้วจะต่อคอมโบได้ต่อเนื่องสะใจมาก ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังมีสกิลซามูไรที่ช่วยให้การทำ Ki Pulse ที่เป็นระบบหลักของเกมดีขึ้นด้วย ในขณะที่นินจาสกิลจะใช้เรียนการใช้อาวุธลับและวิชานินจา เช่น ชูริเคน ,ยาพิษ หรือระเบิด และสกิลในการใช้ธนูหรือปืนได้ดีขึ้น และองเมียวสกิลจะใช้เรียนการร่ายเวท ที่มีทั้งเวทโจมตี, เสริมพลัง หรือลดพลังของศัตรูด้วยวิถีแห่งธาตุทั้ง 5 และการเรียนวิชาจากสกิลทั้ง 3 แบบนี้จะช่วยให้เล่นได้ง่ายขึ้น

ทางด้านระบบเกจ Stamina ที่เกม Nioh ใช้คำว่า Ki นั้น เป็นระบบที่คล้าย Dark Souls แต่จะลึกซึ้งกว่า ถ้าไม่เข้าใจระบบนี้ให้ดีจะเล่นเกมนี้ไปไหนไม่ได้ไกลเลยก็ว่าได้ ซึ่งปกติแล้วมันมีไว้ใช้ทำแอ็กชั่นต่างๆ ของเรา นั่นก็คือการโจมตี การตั้งการ์ด การวิ่ง ฯลฯ รวมถึงเมื่อโดนโจมตีด้วย ที่กล่าวมานี้ล้วนแล้วแต่จะทำให้เกจ Ki ลดทั้งสิ้น และถ้าเราถูกโจมตีในตอนที่ Ki หมดจะทำให้เราสตันอยู่กับที่ชั่วขณะหนึ่ง ซึ่งในกรณีนี้เราจะโดนโจมตีจนถึงตายได้ง่ายๆ แม้ว่าจะสู้กับลูกกระจ๊อก อยู่ก็ตาม ดังนั้นการบริหาร Ki ของเกมนี้จึงมีความสำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็นการใช้ท่าโจมตีต่อเนื่องมากหรือการใส่เกราะพลังป้องกันสูงแต่มีน้ำหนักเยอะก็มีผลทำให้ Ki ลดลง ผู้เล่นจะสามารถฟื้นฟู Ki ได้โดยการยืนเฉยๆ หรือเดิน ตรงจุดนี้เองที่ระบบพิเศษที่มีชื่อว่า Ki Pulse จึงถูกนำมาใช้เป็นตัวช่วย โดยเมื่อเราโจมตีจน Ki ลดลงแล้วจะมีช่วงที่แสดงว่า Ki ฟื้นกลับคืนมาเล็กน้อย ตรงช่วงนี้ถ้ากดปุ่ม R1 ได้ในจังหวะพอดี เราจะดูด Ki ที่กระจายอยู่รอบตัวกลับเข้าร่างและจะทำให้เกจ Ki ที่ยังไม่เต็มฟื้นขึ้นอย่างเร็วจนเต็มหลอด การจะเล่นเกมนี้อย่างได้เปรียบจึงต้องหัดกด Ki Pulse ให้ได้เสมอ เพราะศัตรูเองก็มีเกจ Ki เช่นกัน โดยศัตรูที่เป็นมนุษย์จะโดนโจมตีจนสตันได้เหมือนเรา ส่วนศัตรูที่เป็นภูตผี (หรือเรียกว่า Yokai) จะเสียพลังป้องกันไปเมื่อ Ki หมด

การอัพเกรดตัวละครนั้นเมื่อเราเก็บ Amrita มาได้จำนวนเพียงพอก็จะนำมาใช้อัพเลเวลที่จุดเซฟซึ่งเป็นศาลเจ้าได้ โดย 1 เลเวลที่อัพมา ผู้เล่นจะได้เลือกอัพค่าสเตตัสให้ตัวละคร 1 แต้ม การเลือกอัพค่าสเตตัสนั้นสามารถทำได้อิสระตามความต้องการ เช่น ถ้าอยากได้พลังชีวิตเยอะๆ ก็อัพ Body หรือถ้าอยากเรียนวิชานินจาหลากหลายก็ให้อัพ Dex แต่มีข้อควรระวังว่าอาวุธหลักของเกมนี้จะมีพลังโจมตีเพิ่มจากค่าสเตตัสที่ต่างกัน เช่นค่า Body สูงจะทำให้ใช้หอกได้แรง ส่วนค่า Skill สูงจะทำให้ใช้ดาบคู่และปืนยาวได้แรง ดังนั้นการเลือกอาวุธหลัก 2 ชิ้นที่ไม่ตรงกับสายการอัพดูจะเป็นทางเลือกที่ไม่ค่อยดีนัก จึงแนะนำว่าอย่างน้อยควรเลือกอาวุธสักชิ้นนึงให้ตรงกับสายที่อัพมาจะช่วยให้เล่นได้ง่ายขึ้น

เกมสามารถปรับการแสดงผลได้ว่าจะเลือกเอาภาพที่ความละเอียดสูงกว่าโดยล็อคเฟรมเรตที่ 30 fps หรือจะลดความละเอียดลงแต่ได้เฟรมเรตที่ 60 fps นอกจากนั้นก็ยังมีตั้งให้ปรับอัตโนมัติตามสถานการณ์อีกด้วย โดยเกมจะปรับเฟรมเรตไปมาตามจำนวนศัตรูหรือกราฟิกที่ปรากฏในตอนนั้น ส่วนผู้ที่เล่นด้วยเครื่อง PS4 Pro ก็จะมีให้เลือกเฟรมเรต 30 fps และ 60 fps เช่นกัน แต่ว่าความละเอียดของภาพจะสวยงามกว่าพอสมควร

จุดเด่น

1. เป็นเกมแอ็กชั่น RPG แบบฮาร์ดคอร์ที่สามารถใส่ท่าคอมโบโจมตีต่อเนื่องได้สะใจราวกับกำลังเล่นเกม Ninja Gaiden
2. ระบบการสร้างอาวุธที่เอาใจผู้เล่น อยากได้อาวุธรูปร่างแบบไหน ความสามารถยังไง ถ้ามีเงิน มีวัตถุดิบ ช่างตีดาบของเกมนี้จะทำให้ได้ทั้งนั้น
3. สามารถเลือกปรับการแสดงผลได้ว่าจะเน้นที่ความความละเอียดสูง หรือเฟรมเรต 60 fps ที่สามารถเห็นจังหวะการโจมตีของศัตรูได้ดีกว่า
4. เนื้อเรื่องในแบบฉบับหนังซามูไรแฟนตาซีที่ชวนติดตาม เล่าเรื่องด้วยภาพเคลื่อนไหวแบบเรียลไทม์ บทสนทนาของตัวละครที่คนนึงพูดญี่ปุ่น อีกคนพูดอังกฤษแต่ก็คุยกันรู้เรื่องนี้ฮาใช้ได้ทีเดียว (แน่นอนว่ามีซับไตเติ้ลให้ผู้เล่นอ่านตลอด)

จุดด้อย

1. ประเภทของศัตรูมีค่อนข้างน้อย ศัตรูที่เป็นมนุษย์ก็ใช้อาวุธอยู่ไม่กี่แบบ ส่วนพวกปีศาจจะมีรูปลักษณ์ที่คล้ายกันแต่เพิ่มท่าขึ้นบ้าง
2. ถ้าเล่นแบบพื้นฐานจะรู้สึกว่าเกมน่าเบื่อและยากมาก แต่เกมก็ต้องใช้เวลาศึกษาและฝึกซ้อมวิธีการเล่นอยู่ระยะหนึ่งจึงจะเริ่มเก่งและเล่นได้สนุก 
3. แผนที่ของเกมไม่ค่อยช่วยอะไรเท่าไหร่ เหมือนเป็นเรดาร์ที่บอกตำแหน่งสิ่งต่างๆ ในยามที่เรามีสกิลค้นหาเท่านั้น

สรุป

นี่เป็นอีกเกมที่ไม่ควรพลาด แม้ว่าอาจจะยากไปบ้าง แต่ถ้าใจเย็นๆ จับจังหวะดี และขยันเก็บเลเวลก็พอจะผ่านไปได้ หรือถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็สามารถเปิดโหมดออนไลน์หาคนเข้ามาช่วยปราบบอสได้ ส่วนระบบการอัพเกรดตัวละครก็ทำได้หลากหลาย ถ้าลองอัพเกรดตัวละครอีกแบบก็จะได้ความรู้สึกที่ต่างออกไปเลย บรรยากาศของเกมก็แสดงความเป็นญี่ปุ่นได้ดี เช่น วิชาองเมียวที่จะใช้ยันต์ในการร่ายแล้วใช้ธาตุ รวมถึงภูตคุ้มครอง และศัตรูที่นำเอาบุคคลในประวัติศาสต์มาผสมกับตำนานภูตผีของญี่ปุ่น ซึ่งให้ความรู้สึกต่างจากแนวตะวันตก เหมือนกับได้เล่น Onimusha ในแบบ Dark Souls นอกจากนี้ก็ยังมีเมนูที่เป็นข้อมูลประวัติของญี่ปุ่นและตำนานภูตผีให้อ่านกันเพลินๆ ด้วย

คะแนน 9 / 10

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้