วันนี้ในอดีต : วันวางจำหน่ายของเกม Castlevania Rondo of Blood เกมที่เป็นต้นโผปฏิวัติซีรีส์

"วันนี้ในอดีต" by play

วันที่ 29 ตุลาคม 2536 หรือ 23 ปีที่แล้ว เป็นวันวางจำหน่าย Akumajou Dracula X Chi no Rondo หรือ Castlevania Rondo of Blood เกมลำดับที่ 10 ของซีรีส์ Castlevani ที่ลงบนเครื่อง PC-Engine อันเป็นภาคแรกของทีมงานที่จะปฏิวัติซีรีส์นี้ไปตลอดกาลในภาคต่อไป ภาคนี้จึงถือเป็นต้นโผการปรับเปลี่ยนแนวทางของซีรีส์นับตั้งแต่ปี 2529

ตัวเกมยังคงเป็นแนว Action 2D แบบภาคก่อนๆ โดยตัวเอกของภาคนี้คือ Richter Belmont ผู้มีศักดิ์เป็นหลานของ Simon Belmont ที่ต้องบุกเข้าปราสาท Dracula ซึ่งถูกคืนชีพโดยบาทหลวงผู้ชั่วร้าย Shaft และลักพาตัวผู้หญิง 4 คนในเมือง 1ในนั้นคือ Annette คนรักของ Richter ไปบูชายัญเพื่อคืนชีพพลังแบบสูงสุด กราฟิกของตัวเกมมีการปรับให้สวยงามและทันสมัยสมกับเครื่องเกม 16 Bit แต่สิ่งที่พัฒนาเป็นครั้งแรกในซีรีส์ คือการใส่เสียงพากย์ในตัวละคร และ ฉาก Cutscene เป็นอนิเมะแบบง่ายๆลงไป เพราะว่า PC-Engine ใช้ CD เป็นสื่อหลักของเครื่อง ซึ่งมีความจุมากกว่าตลับเกมหลายเท่า จึงสามารถใส่เสียงพากย์ และ Cutscene ลงไปในเกมได้อย่างสบายๆ

สิ่งที่ถือเป็นความยอดเยี่ยมของซีรีส์คือ การที่1ฉากในเกม มีหลากหลายเส้นทางให้ผู้เล่นเลือกจะไป ซึ่งเป็นการพัฒนาจุดเด่นของภาค3 ให้มีความลึกมากขึ้น โดยเส้นทางที่เราไปนี้ จะไม่ใช่เส้นตรงแบบภาคก่อนๆ (ยกเว้นภาค3) จะมีเช่นการตีทางลับแล้วมีทางเดิน หรือตกเหวเพื่อลงไปใต้ดิน โดยเส้นทางเหล่านี้จะพาไปสู่ฉากที่แตกต่างไปจากเดิม รวมถึงจะส่งผลกระทบต่อการช่วยเหลือ 1ในสาวที่ถูกลักพาตัวมาในเกม อันเป็นส่วนสำคัญของฉากจบ และใน1ฉากขงอเกมมีความลับมากมายที่ผู้เล่นจะต้องค้นหา ทำให้เล่น1ฉากอาจจะยาวถึง 20 – 30 นาที จากปกติซีรีส์ให้เล่น1ฉากเพียงแค่ 5-6 นาทีเท่านั้น (เพราะมีการจับเวลาด้วย) นอกจากนี้ตัวของ Richter Belmont ก็ไม่ได้มีความสามารถเพียงแค่การใช้แส้ เดิน กระโดด ปาอาวุธสำรอง เพราะมีระบบ Item Crush ที่เรียกพลังขั้นสุดยอดจากอาวุธสำรอง เกิดเป็นท่าไม้ตายที่มีความรุนแรงสูง ซึ่งก็ต้องแลกมาด้วยการใช้หัวใจที่มากกว่าปกติ รวมถึงสามารถกระโดดตีลังกากลับหลังเพื่อหลบการโจมตีของศัตรูได้

อีก1ความพิเศษคือตัวละครลับอย่าง Maria Renard เด็กสาวผู้มีพลังพิเศษในการเรียกข้ารับใช้ มังกรฟ้า หงส์แดง เต่าคนอง พยัคฆ์ขาว มาช่วยสู้ ซึ่งจะเป็นตัวละครลับที่เราสามารถปลดล็อคมาใช้ได้ หากเราทำเงื่อนไขช่วยเธอ ซึ่งความสามารถนอกจากจะเรียกสัตว์อสูรมาแทนอาวุธสำรอง เธอยังสามารถสไลด์ กระโดด 2 จังหวะ เรียกว่าคนนิยมใช้กว่าตัว Richter ด้วยซ้ำไป

สำหรับความยากของเกมก็อยู่ในระดับที่ไม่ยากจนเกินไปเหมือนภาคเก่าๆ ด้วยความสามารถของตัวละครหากใช้เทคนิคในการเล่นดีๆ ก็สามารถผ่านแต่ละฉากได้ไม่ยากจนเกินไป รวมถึงการมีหลากหลายเส้นทางให้เลือกเล่นในเกม ทำให้สามารถหยิบเกมมาเล่นหลายรอบเพื่อเคลียร์ทุกอย่างให้ครบ100% ได้ด้วย

Akumajou Dracula X Chi no Rondo ได้รับเสียงตอบรับอย่างดีจากแฟนๆของซีรีส์ โดยยกให้เป็นภาคที่เป็น Castlevania แบบ Classic ที่ดีที่สุด แต่ว่าแฟนเกมชาวตะวันตกในตอนนั้นหากจะเล่นภาคนี้มีเพียงแค่การซื้อเครื่อง PC-Engine และ เกมจากประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น (ไม่ก็เล่นผ่าน Emulator แบบผิดกฏหมาย) เพราะว่าเกมภาคนี้ไม่มีการวางจำหน่ายในประเทศอื่นนอกจากญี่ปุ่น นั่นทำให้คนตะวันตกไม่มีโอกาสได้สัมผัสเกมภาคนี้ แม้ว่า Konami จะมีการ Remake ออกมาเป็น Castlevania Dracula X (ชื่อญี่ปุ่น Akumajou Dracula XX ) ลงบนเครื่อง Super NES (Super Famicom) แต่ว่าคุณภาพและความสนุกห่างชั้นจากภาคต้นตำหรับอย่างมาก ชาวตะวันตกต้องรอคอยถึง 14 ปี ในปี 2550 เมื่อเกมมีการ Remake อีกครั้งในชื่อ Castlevania Dracula X Chronicle ซึ่งมีการบรรจุเกมภาค Akumajou Dracula X Chi no Rondo แบบต้นตำหรับและแปลงเป็นภาษาอังกฤษทั้งเกมรวมถึงชื่อว่า Castlevania Rondo of Blood

เกร็ดเล็กน้อยเกี่ยวกับเกม Castlevania Rondo of Blood

– หากเราเปิดเกมโดยไม่ได้เสียบการ์ดในเครื่อง เราจะได้เล่นเกม Akumajou Dracula Peke ซึ่งตัวละครในเกมจะเปลี่ยนเป็นตัวกลมๆน่ารักตีศัตรู ก่อนจะจบเกมโดยขึ้นข้อความ ใส่การ์ดที่เครื่องสิโว้ย

– เกมภาคนี้ถือเป็นภาคเดบิวต์ทีมงานในภาค Symphony of the Night ผู้กำกับ Toru Hagihara ก็กำกับภาคนี้เป็นภาคแรก แต่ชื่อนึงที่แฟนๆ Castlevania ต้องอ๋อทันทีคือ Kouji Igarashi หรือ IGA นั่นเอง แต่ว่าในภาคนี้เขาเป็นเพียง Special Thank เท่านั้น

– หากใส่ชื่อในเกมว่า X-X!V''Q เราจะสามารถเลือกฉากในเกมได้ทันที

– หากเล่น Maria แล้วกด ลง ขึ้น ลง+หน้า โจมตี จะเป็นท่าพิเศษของ Maria ที่มีความรุนแรงมาก