Far Cry 2 : จิตวิญญาณแห่งสะวันนาจงเจริญ! กับเกมเดินหน้ายิงที่จะจุดหัวใจคุณจนลุกโหมด้วยเพลิงผลาญ

ประเภท: FIRST-PERSON SHOOTER
ผู้พัฒนา: UBISOFT
ผู้ผลิต: UBISOFT
ผู้จัดจำหน่าย: NEW ERA
เครื่องที่ต้องการ: P4 3.2GHZ, 1GB RAM, GEFORCE 6800/RADEON X1650, INTERNET CONNECTION
เครื่องที่แนะนำ: DUAL-CORE CPU, 2GB RAM, GEFORCE 8600 GTS/ATI X1900
จำนวนผู้เล่นสูงสุด: 16
ESRB: M
DRM: ONLINE ACTIVATION; สามารถลงได้สูงสุด 5 ครั้งบนพีซี 3 เครื่องเป็นอย่างมาก; หากคุณ UNINSTALL อย่างถูกต้องก็สามารถลงเพิ่มได้อีก

     จะว่าไปแล้วหัวใจหลักสำคัญที่ทำให้ Far Cry 2 นั้นมีเสน่ห์ ไม่ใช่พื้นที่เปิดสุดกว้างขวาง ไม่ใช่เนื้อหาที่ยืดหยุ่น ไม่ใช่กราฟิกสุดอลังการ ไม่ใช่แม้แต่ความรู้สึกที่เลือดลมคุณฉีดพล่านยามสาดกระสุนจนควันกระจายหมดรังเพลิง และศัตรูกระเด็นไปคนละทิศคนละทาง และไม่ใช่แม้แต่ยามที่คุณย่างสามขุมเข้าสู่รังของศัตรูแล้วใช้มีดพร้าชำแรกเข้าสู่หน้าอกของผู้รอดชีวิตดวงกุดคนสุดท้าย

     แล้วเสน่ห์ของมันอยู่ที่ใด? อาจจะเรียกได้ว่ามันเกิดขึ้นก่อนหน้าสิ่งต่างๆ ที่กล่าวไปเลยด้วยซ้ำ มันเกิดขึ้นยามที่คุณเช็คกระสุน บรรจุเข้ารังเพลิง และเฝ้ารออย่างผู้ล่า แน่นอน… หากจะนับในแนวของเกมที่มีอยู่ในท้องตลาดที่คลาคล่ำไปด้วยการระเบิดภูเขาเผากระท่อมหรือการนั่งส่องจากระยะไกล FC2 ก็ดูจะเป็นการเริ่มต้นที่แปลกแต่เข้าท่าไม่น้อยเลยทีเดียว

     ในฉากหลังประเทศสมมุติแห่งหนึ่งในทวีปแอฟริกา เป้าหมายของคุณมีเพียงหนึ่งเดียวนั่นคือ ตามล่านักค้าอาวุธเถื่อนนาม The Jackal แต่คุณก็เลือกได้ว่าจะทำเช่นไรเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายดังกล่าว คุณสามารถเดินทางหรือขับรถไปที่ใดก็ได้ที่ต้องการในโลกเปิดอันกว้างขวางที่ประกอบด้วยพื้นที่ป่าไม้รกทึบและทะเลทรายเวิ้งว้าง บวกกับทุ่งหญ้าสะวันนาและเนินเขาสุดสวยผสมรวมกันเข้าไป มันมีสคริปต์ของเหตุการณ์กำหนดไว้อย่างหลวมๆ แต่ใครจะทำอะไร ที่ไหน อย่างไร และตายด้วยน้ำมือใคร ก็เป็นคุณอีกนั่นแหละที่เป็นคนกำหนด

     ตัวอย่างเช่น ในตอนเริ่มเกม ผมตื่นขึ้นมาในโรงฆ่าสัตว์และพบกับ Warren Clyde คู่หูชาวอเมริกันคนแรก เขายัดอาวุธใส่มือและบอกว่ากลุ่ม United Front for Liberation and Labor (UFLL) ได้จับตัวทหารรับจ้างชาวต่างชาติคนหนึ่งไว้ ณ ฐานที่มั่นทางตอนใต้ซึ่งก็คือ Nasreen Davar สาวสวยสุดฮอตผู้ที่สำนึกในบุญคุณของเราอย่างล้นเหลือ และสัญญาว่าถ้าเราตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน (จำพวกบาดเจ็บสาหัสหรือปางตาย) เธอจะรีบรุดมาช่วยในทันที ทั้งหมดนี้อย่างน้อยที่สุดก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในการเล่น ‘ครั้งแรก’ ของผม แน่นอนว่าของคุณก็จะแตกต่างกันออกไป อย่างเช่นที่เกิดขึ้นในการเล่นรอบที่สอง ในคราวนี้ผมตื่นขึ้นมาในสถานที่ใหม่ พบกับคู่หูคนใหม่อย่าง Andre เจ้าจอมโหดพูดน้อยต่อยหนัก ผู้มาพร้อมกับทรงผมเดร็ดล็อกและปืนขนาดบิ๊กเบิ้มของเขา รวมถึงช่วย Quarbani Singh ทหารรับจ้างแขกซิกข์จากกลุ่ม Alliance for Popular Resistance (APR) และแน่นอน เขาก็ได้สัญญาเช่นเดิมคือ เมื่อใดที่ผมมีปัญหา เขาจะมาอย่างไม่รอช้าทันที

      และนี่เองคือพื้นฐานสำคัญของการเล่าเรื่องราวใน Far Cry 2 เพราะทั้งตัวละครและสถานที่จะถูกสลับสับเปลี่ยนตอบสนองตามหนทางที่คุณได้เลือกไว้ (อาจจะเกิดขึ้นตั้งแต่ในช่วงแรกสุดของเกม – กอง บ.ก.) และการที่ระบบดังกล่าวถูกนำมาใช้นั้น ก็ไม่ใช่ว่าต้องการให้คุณเล่นซ้ำรอบแล้วรอบเล่า แต่เพราะมันใช้ได้ผลที่ดีและสร้างความหลากหลายได้ต่างหาก

      อย่างไรก็ตามในส่วนของเนื้อเรื่องเองก็ใช่ว่าจะสมบูรณ์เต็มขั้น ผมพบว่าบรรดาตัวละครต่างๆ และฝักฝ่ายทั้งสองที่คอยมอบภารกิจให้นั้นช่างจืดชืดและราบเรียบจนน่าใจหาย (จุดบกพร่องอาจจะอยู่ที่คนเขียนบท หรือไม่ก็นักพากย์ ที่ทำให้เสียงพากย์ออกมาจืดชืดไร้อารมณ์) แต่กระนั้นแม้ผลของทางเลือกจะดูเล็กน้อยเหลือเกินในช่วงแรก แต่มันจะขยายผลจนเด่นชัดและแสดงถึงเนื้อในที่แท้จริงของมันในช่วงท้ายๆ ของเกม ซึ่งนั่นก็กินเวลาเกือบ 40 ชั่วโมงของการเล่น และถ้าคุณเลือกทำภารกิจยิบย่อยด้วยแล้ว ก็อาจจะต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว

      โชคดีที่มหกรรมระเบิดภูเขาเผากระท่อม ยิงหูดับตับหลุด และเอฟเฟ็กต์ประกายเพลิงผลาญเผาไหม้ที่แสนจะน่าประทับใจจะช่วยรั้งให้คุณอยู่กับเกมเกมนี้ได้ค่อนข้างนานทีเดียว ระบบการต่อสู้ในเกมนี้เองก็หลากหลายได้อย่างที่ใจคุณต้องการ ในภารกิจหนึ่งที่ผมจะต้องเข้าไปทำลายการเซ็นเซอร์เนื้อหาวิทยุและข่มขู่ DJ ให้อ่านข้อความที่เตรียมไว้ ก่อนจะ ‘ปิดฉาก’ สถานีของเขาไปตลอดกาล เป้าหมายของภารกิจอยู่ที่รีสอร์ทหรูกลางทุ่งเวิ้งว้าง ผมแทรกซึมเข้าไปด้วยปืนพกเก็บเสียงและเครื่องยิงลูกดอก หลบเลี่ยงทหารยามด้วยการย่องเงียบไปตามใต้พื้นยกระดับ จัดการเป้าหมาย ก่อนจะปลีกตัวออกไปอย่างเงียบเชียบไร้ร่องรอยโดยที่ไม่มีผู้ใดพบเห็น แต่นั่นเป็นทางเลือกของผม ถ้าหากคุณจะถล่มใช้การบุกถล่มให้ปฐพีลุกเป็นไฟ ก็สามารถทำได้… “เพราะคุณทำได้”

     อีกทั้ง FC2 ยังมีองค์ประกอบที่ทำให้มันเล่นได้สนุกติดพันยากจะเลิกอยู่หลายประการ ข้อแรก มันเป็นเกมที่อุทิศตนให้กับแนวการเล่นเดินหน้ายิงมุมมองบุคคลที่หนึ่งอย่างเต็มรูปแบบ เพราะมันจะไม่ทำลายมุมมองหลักในการเล่นเลยแม้แต่น้อย ไม่มีหน้าจอแผนที่อย่างเกมอื่นๆ เพราะมันจะเป็นส่วนหนึ่งของไอเทมที่จับต้องได้ คุณจึงจำเป็นต้องหยิบมันขึ้นมาเปิดดูเช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวหลงทิศพึงเป็น หรือการรักษาพยาบาล คุณอาจจะต้องเอาเข็มฉีดยาแทงเข้าเส้นเลือด หรือนาบไฟจากไม้ขีดเข้ากับแผลสดเพื่อฆ่าเชื้อ (หรือแม้แต่ใช้มีดแคะกระสุนจากรูแผล) และถ้าไม่นับการที่คุณสามารถเดินทางไปที่ต่างๆ ด้วยระบบ Fast-Travel (ผ่านระบบขนส่งมวลชนเช่นรถเมล์ในเกม) แล้ว มันก็ยากที่จะบ่งชี้ได้ว่าคุณกำลัง ‘เล่นเกม’ อยู่จริงๆ

      ประการที่สองคือจังหวะการเล่นที่สะกดได้ทุกอารมณ์การเล่น ด้วยการผสานระหว่างฉากแอ็กชั่นเดือดระอุกับการสำรวจสุดสบาย เพราะในระหว่างภารกิจสุดโหด คุณก็จะได้ค้นหาบรรดาเพชรเถื่อนเพื่อนำไปแลกซื้ออาวุธชนิดใหม่ เปิดบ้านพักหลังใหม่ หรือแม้แต่ขับรถเล่นกินลมชมวิวอย่างแสนสุข จนกระทั่งคุณถูกไล่กวดจากกลุ่มคนอารมณ์เดือดที่มาพร้อมกับรถจี๊ปติดปืนกลไล่บี้นั่นล่ะ ที่วัฏจักรทั้งหมดจะเวียนกลับมาอีกครั้งหนึ่ง

     แต่กระนั้น แม้ระบบการต่อสู้จะสุดยอด ก็ใช่ว่ามันจะไร้ซึ่งข้อเสีย ทั้งคู่หูที่ดูจะใช้ได้ไม่คุ้มค่าเท่าที่ควร เพราะคุณไม่สามารถชวนให้มาร่วมปฏิบัติภารกิจโหดๆ แบบคู่หูสุดระห่ำ แล้วถ้าเกิดคุณอยากใช้ปืนกลติดรถจี๊ปจะทำยังไงล่ะ? ก็หยุดรถแล้วเปลี่ยนตำแหน่งไปยิงสิ แถมคุณยังไม่สามารถยิงปืนหรือเหวี่ยงลูกระเบิดออกนอกหน้าต่างขณะขับรถได้อีกต่างหาก ว่ากันตามตรง ระบบยานพาหนะอาจจะถือได้ว่าเป็นจุดด้อยที่สำคัญที่สุดของเกมนี้กันเลยด้วยซ้ำ เพราะหลายต่อหลายครั้ง คุณก็ต้องหยุดรถ เดินเท้า และเข้าดวลปืนกับเหล่าศัตรูกันเสียมากกว่า (และเสี่ยงอย่างยิ่งต่อการถูกขับบี้ประสานงาแหลกคากันชน)

     พูดถึงจุดด้อย เชื่อว่าผู้เล่นหลายคนน่าจะรู้สึกประหลาดใจ (แต่ไม่ใช่ในทางที่ดีเท่าไหร่) กับกระบวนการ ‘ดำเนินความพีค’ ของตัวเกม เพราะหลายครั้งที่มันกลั่น บีบเข้าใกล้สู่ปลายทาง แต่แล้วก็กลับคลายขยายออก พร้อมกับที่คุณต้องดำเนินภารกิจแบบเดิมๆ ในพื้นที่ใหม่ที่ขนาดไม่ได้ต่างไปจากเดิม (คือกว้างมาก…) จนดูเหมือนว่าคุณกำลังเล่นมันสองรอบในเกมเดียว (แถมบรรดาภารกิจยิบย่อยส่งของทั้งหลาย ยังมีความน่าหน่ายแตกต่างกันไปตามแต่ระยะทางที่คุณต้องใช้) แถมบรรดาศัตรู AI ที่โผล่ออกมาได้ราวกับเสกนั้นก็ค่อนข้างจะน่ารำคาญเอาเรื่อง (ทำลายอารมณ์ร่วมอีกต่างหาก) และสุดท้าย ภารกิจในสไตล์ GTA ที่ถูกลดชั้นลงมาเหลือมหกรรมฆ่าไม่นับสับไม่เลี้ยงในพื้นที่เดี่ยวๆ นั้นก็ไร้แรงบันดาลใจเหลือจะกล่าวจริงๆ

      สุดท้าย แม้ผมจะถูกข้อด้อยทั้งหลายรบกวนจิตใจในตอนแรก แต่มันกลับดีขึ้นเรื่อยๆ ในชั่วโมงหลังๆ ของเกมการเล่น ถ้าไม่ใช่ที่ว่า นี่คือเกมที่สุดยอดอย่างถึงที่สุด (และดูดีที่สุด) มันมีทั้งช่วงที่น่าประหลาดใจและตลกขำขื่นอยู่ไม่น้อย ผสานรวมกับระบบการต่อสู้ที่ใช้ได้เยี่ยม ก็แทบจะทำให้ผมไม่สามารถทำใจกลับไปหาเกมเดินหน้ายิงแบบดาดๆ ได้อีกต่อไป เพราะ Far Cry2 ไม่ใช่แค่ก้าวไปถึงความคาดหวังของผมเท่านั้น แต่กลับระเบิดมันซะกระจุยกระจายไม่เหลือชิ้นดีเลยนั่นล่ะครับ

คำที่เกี่ยวข้อง

สมัครรับข่าว OS

คุณอาจสนใจเรื่องนี้